Digitel Tech & AI
Ledgerตั้งอาร์ทีบีฯเป็นตัวแทนในไทย เปิดตัว4ฮาร์ดแวร์วอลเล็ต'ตลาดคริปโต'

กรุงเทพฯ-Ledger ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันการจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างปลอดภัย ประกาศแต่งตั้ง บริษัท อาร์ทีบี เทคโนโลยี จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายตลาดและยกระดับการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของ Ledger ในกลุ่มผู้ใช้งานชาวไทยอย่างเป็นระบบ โดยภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ อาร์ทีบีฯ จะทำหน้าที่เป็นผู้จัดจำหน่ายอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมนำเสนอทั้งผลิตภัณฑ์ บริการ และการสนับสนุนหลังการขายที่ได้มาตรฐานระดับโลก เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคไทยอย่างครอบคลุม นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัวฮาร์ดแวร์วอลเล็ตยอดนิยม 4 รุ่น ได้แก่ Ledger Stax™, Ledger Flex™, Ledger Nano X™ และ Ledger Nano S Plus™ ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทุกระดับ ตั้งแต่นักลงทุนรายย่อยไปจนถึงนักลงทุนมืออาชีพ โดยทุกผลิตภัณฑ์มาพร้อมมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดในการปกป้อง Private Key และสินทรัพย์ดิจิทัลจากความเสี่ยงทุกรูปแบบ รองรับการเติบโตของตลาดคริปโตในประเทศไทยที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
ดร. บรรพต วัฒนสมบัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์ทีบี เทคโนโลยี จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบันตลาดคริปโตในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้น และมูลค่าการลงทุนที่ขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ ผู้ใช้งานเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการปกป้อง Private Key ซึ่งเปรียบเสมือนกุญแจหลักในการเข้าถึงและบริหารจัดการสินทรัพย์ดิจิทัล ความปลอดภัยในการจัดเก็บ Private Key จึงกลายเป็นหัวใจสำคัญของการถือครองคริปโตในยุคนี้ โดยเฉพาะในช่วงที่ความเสี่ยงด้านไซเบอร์และภัยคุกคามจากแฮกเกอร์ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
“Ledger ถือเป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันการจัดเก็บ Private Key ที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด และได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้งานทั่วโลก ทั้งในกลุ่มนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบัน เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจาก Ledger ในการแต่งตั้งบริษัท อาร์ทีบี เทคโนโลยี จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของบริษัทในการขยายพอร์ตโฟลิโอสินค้าในกลุ่มเทคโนโลยีความปลอดภัยดิจิทัล ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ อาร์ทีบีฯ พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์วอลเล็ตที่หลากหลาย รวมถึงบริการหลังการขายและการสนับสนุนด้านเทคนิคที่ได้มาตรฐานระดับสากล เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานชาวไทยสามารถเข้าถึงโซลูชันที่ดีที่สุดในการปกป้องสินทรัพย์ดิจิทัลของตนเองได้อย่างมั่นใจ พร้อมทั้งมุ่งหวังที่จะมีส่วนผลักดันให้ตลาดคริปโตในประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว”
มร. เอียน โรเจอร์ส (Ian Rogers) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายประสบการณ์ลูกค้า (Chief Experience Officer) ของ Ledger กล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นหนึ่งใน 20 ตลาดคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีอัตราการถือครองคริปโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 40% และคาดว่าจะมีผู้ถือครองเพิ่มขึ้นอีกกว่า 2 ล้านรายภายในปี 2025 การใช้งานคริปโตอย่างมั่นใจต้องมาพร้อมกับความสะดวก ปลอดภัย และมีระบบสำรองวลีกู้คืน (Recovery Phrase Backup) ที่แข็งแกร่ง ซึ่ง Ledger ถือเป็นผู้นำระดับโลกในด้านนี้ อีกทั้ง เรายังมีเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน และช่องทางการสื่อสารกับลูกค้าเป็นภาษาไทย โดยความร่วมมือกับบริษัท อาร์ทีบี เทคโนโลยี จำกัด ในฐานะตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย จะช่วยให้ผู้บริโภคชาวไทยสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของ Ledger ได้สะดวกยิ่งขึ้น และใช้งานอุปกรณ์ในการจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลของตนเองได้อย่างมั่นใจ ปลอดภัยจากภัยคุกคามและการโจมตีจากมิจฉาชีพ”
ผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์วอลเล็ตรุ่นใหม่จากแบรนด์ Ledger ประกอบด้วย
• Ledger Stax™ พร้อม Ledger Recovery Key ฮาร์ดแวร์วอลเล็ตดีไซน์โค้งมน พร้อมจอ E Ink สัมผัสครั้งแรกของโลก
Ledger Stax™ พร้อม Ledger Recovery Key ฮาร์ดแวร์วอลเล็ตรุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมนวัตกรรมหน้าจอสัมผัสแบบ E Ink ขนาด 3.7 นิ้ว และดีไซน์โค้งมนเป็นครั้งแรกของโลก มอบประสบการณ์การจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลที่ปลอดภัยและสะดวกสบายทุกที่ทุกเวลา โดยมาพร้อม Ledger Recovery Key ที่ช่วยให้การกู้คืนการเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลทำได้ง่ายเพียงแตะบัตรและป้อน PIN ขณะเดียวกันผู้ใช้ Ledger Flex ยังสามารถสร้างกุญแจสำรองที่ปลอดภัยควบคู่กับวลีกู้คืน 24 คำได้อีกด้วย อุปกรณ์รุ่นนี้โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี Clear Signing ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบและยืนยันธุรกรรมได้อย่างมั่นใจ ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย พร้อมฟังก์ชันปรับแต่งหน้าจอด้วย NFT หรือภาพโปรดที่ยังคงแสดงผลแม้ในขณะปิดเครื่อง เสริมความปลอดภัยด้วยชิป Secure Element มาตรฐาน CC EAL6+ ซึ่งเป็นระดับเดียวกับบัตรเครดิตและหนังสือเดินทาง ทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการ Ledger OS และหน้าจอ Secure Screen เพื่อความปลอดภัยอีกขั้น รองรับการจัดเก็บและจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลมากกว่า 5,500 สกุล อาทิ Bitcoin, Ethereum, USDT, Solana และ XRP โดยสามารถเชื่อมต่อแบบไร้สายผ่าน Bluetooth กับสมาร์ทโฟนระบบ Android และ iOS หรือเชื่อมต่อผ่านสาย USB กับคอมพิวเตอร์ระบบ Windows 10/11, macOS (Big Sur / Monterey / Ventura) และ Linux (ไม่รองรับ Chromebook) มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 200mAh รองรับการชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi และสามารถติดตั้งแอปพลิเคชันได้มากกว่า 100 แอปภายในอุปกรณ์เดียว วางจำหน่ายในสีดำ (Black) ราคา 16,800 บาท พร้อมการรับประกันสินค้า 1 ปี
• Ledger Flex™ พร้อม Ledger Recovery Key ฮาร์ดแวร์วอลเล็ตดีไซน์กะทัดรัด ปลอดภัยสูงสุด ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ดิจิทัล
Ledger Flex™ พร้อม Ledger Recovery Key ฮาร์ดแวร์วอลเล็ตดีไซน์กะทัดรัดรุ่นใหม่ มาพร้อมฟีเจอร์ความปลอดภัยสูงสุดและความสะดวกในการใช้งาน รองรับทุกไลฟ์สไตล์ดิจิทัล โดยมาพร้อม Ledger Recovery Key ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการกู้คืนการเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างมั่นใจ ด้วยระบบวลีกู้คืน 24 คำ และการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Ledger ที่ยังคงเป็นหัวใจหลักของความปลอดภัย อุปกรณ์มาพร้อมแบตเตอรี่ในตัวขนาด 200mAh รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายผ่าน Bluetooth กับสมาร์ทโฟนทั้งระบบ Android และ iOS หรือผ่านสาย USB กับคอมพิวเตอร์ได้อย่างสะดวกเช่นกัน เสริมความปลอดภัยด้วยชิป Secure Element มาตรฐาน CC EAL6+ ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับที่ใช้ในบัตรเครดิตและพาสปอร์ต ทำงานร่วมกับระบบ Ledger OS และหน้าจอ Secure Screen ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบและยืนยันธุรกรรมได้อย่างมั่นใจ รองรับการจัดเก็บและใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัลมากกว่า 5,500 สกุล อาทิ Bitcoin, Ethereum, USDT, Solana และ XRP โดยสามารถจัดการธุรกรรมทั้งหมดผ่านแอป Ledger Live ทั้งบนเดสก์ท็อปและสมาร์ทโฟน รองรับระบบปฏิบัติการ Windows 10/11, macOS (Big Sur / Monterey / Ventura), Linux, Android 10 ขึ้นไป และ iOS 14 ขึ้นไป (ไม่รองรับ Chromebook) สามารถติดตั้งแอปพลิเคชันได้มากกว่า 100 แอปภายในอุปกรณ์เดียว วางจำหน่ายใน 4 สี ได้แก่ สีเทาแกรไฟต์ (Graphite), สีส้ม BTC (BTC Orange), สีน้ำเงินเนปจูน (Neptune Blue) และสีเขียวออกไซด์ (Oxidate Green) ในราคา 10,480 บาท พร้อมรับประกันสินค้า 1 ปี
• Ledger Nano X™ ฮาร์ดแวร์วอลเล็ตเชื่อมต่อไร้สาย ปกป้องสินทรัพย์ดิจิทัลทุกที่ ทุกเวลา
Ledger Nano X™ คือฮาร์ดแวร์วอลเล็ตสำหรับจัดเก็บ Private Key และบริหารจัดการสินทรัพย์ดิจิทัล ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานทั้งในชีวิตประจำวันและระหว่างเดินทาง ด้วยดีไซน์กะทัดรัด พกพาสะดวก รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายผ่าน Bluetooth กับสมาร์ทโฟนทั้งระบบ Android และ iOS มาพร้อมแบตเตอรี่ในตัวขนาด 100mAh เพื่อความสะดวกในการใช้งานแบบไร้สาย หรือจะเชื่อมต่อผ่านสาย USB กับคอมพิวเตอร์ก็สามารถทำได้เช่นกัน เสริมความปลอดภัยด้วยชิป Secure Element มาตรฐาน CC EAL5+ ซึ่งเป็นระดับเดียวกับที่ใช้ในบัตรเครดิตและหนังสือเดินทาง ทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการ Ledger OS และหน้าจอแบบ Trusted Display เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบและยืนยันธุรกรรมได้อย่างมั่นใจ รองรับการจัดเก็บและบริหารสินทรัพย์ดิจิทัลหลากหลายประเภท ทั้งคริปโต, NFT และโทเคนดิจิทัล มากกว่า 5,500 สกุล อาทิ Bitcoin, Ethereum, USDT, Solana และ Polkadot ใช้งานง่ายด้วยปุ่มควบคุม 2 ปุ่ม และหน้าจอ 1 จอ เชื่อมต่อกับแอป Ledger Live ได้ทั้งบนสมาร์ทโฟนและเดสก์ท็อป รองรับระบบปฏิบัติการ Windows 10/11, macOS (Big Sur / Monterey / Ventura), Linux, Android 10 ขึ้นไป และ iOS (ไม่รองรับ Chromebook) รองรับการติดตั้งแอปพลิเคชันได้มากกว่า 100 แอปภายในอุปกรณ์เดียว พร้อมระบบกู้คืนบัญชีด้วย Seed Phrase 24 คำ ในกรณีที่อุปกรณ์สูญหาย วางจำหน่ายทั้งหมด 7 สี ได้แก่ สีน้ำเงินแซฟไฟร์ (Sapphire Blue), สีเขียวเอเมอรัลด์ (Emerald Green), สีชมพูพาสเทล (Pastel Pink), สีทอง (Gold), สีม่วงอเมทิสต์ (Amethyst Purple), สีส้ม BTC (BTC Orange) และสีดำ (Onyx Black) ในราคา 6,280 บาท พร้อมรับประกันสินค้า 1 ปี
• Ledger Nano S Plus™ ฮาร์ดแวร์วอลเล็ตปกป้องสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างมั่นใจ
Ledger Nano S Plus™ คือฮาร์ดแวร์วอลเล็ตรุ่นยอดนิยมที่ออกแบบมาเพื่อการจัดเก็บ Private Key และบริหารจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างปลอดภัยสูงสุด มาพร้อมชิป Secure Element มาตรฐาน CC EAL6+ และระบบปฏิบัติการ Ledger OS รองรับการจัดเก็บและจัดการคริปโต, NFT และโทเคนดิจิทัลมากกว่า 5,500 สกุล อาทิ Bitcoin, Ethereum, USDT และ Solana เสริมความมั่นใจในการใช้งานด้วยหน้าจอแบบ Trusted Display ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบและยืนยันธุรกรรมได้ด้วยตนเองในทุกขั้นตอน เชื่อมต่อกับแอป Ledger Live ได้ทั้งบนเดสก์ท็อปและสมาร์ทโฟน Android ผ่านพอร์ต USB-C โดยไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ รองรับระบบปฏิบัติการ Windows 10/11, macOS (Big Sur / Monterey / Ventura) และ Android 10 ขึ้นไป (ไม่รองรับ Chromebook) มาพร้อมความจุสูง รองรับการติดตั้งแอปพลิเคชันได้มากกว่า 100 แอปภายในอุปกรณ์เดียว วางจำหน่ายทั้งหมด 7 สี ได้แก่ สีน้ำเงินแซฟไฟร์ (Sapphire Blue), สีเขียวเอเมอรัลด์ (Emerald Green), สีชมพูพาสเทล (Pastel Pink), สีทอง (Gold), สีม่วงอเมทิสต์ (Amethyst Purple), สีส้ม BTC (BTC Orange) และสีดำด้าน (Matte Black) ในราคา 3,320 บาท พร้อมรับประกันสินค้า 1 ปี