Think In Truth
ปัญหาชายแดนไทย-เขมรเพียงยอดภูเขา น้ำแข็ง'เกมภูมิรัฐศาสตร์'โดย:ฟอนต์ สีดำ

จากสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเริ่มต้นจากการบาดเจ็บของทหารไทยจากกับระเบิด และรายงานกระสุนปืนใหญ่ปริศนาที่ตกในเขตแดนลาว ดูผิวเผินแล้ว นี่อาจเป็นเพียงความบาดหมางเล็กน้อยที่เกิดขึ้นเป็นระยะในพื้นที่ชายแดนที่ยังไม่ได้รับการปักปันเขตแดนอย่างสมบูรณ์ แต่หากพิจารณาให้ลึกซึ้งแล้ว เหตุการณ์เหล่านี้เป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็งที่ซ่อนความซับซ้อนของเกมภูมิรัฐศาสตร์ที่กำลังก่อตัวขึ้นในภูมิภาคอุษาคเนย์ เกมที่ประเทศไทยไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีกต่อไป และจำเป็นต้องอ่านเกมให้ขาดเพื่อความอยู่รอดและเติบโตอย่างมั่นคงในกระแสโลกที่เปลี่ยนไป
คลองฟูนันเตโช: หัวใจสำคัญของความขัดแย้งเชิงยุทธศาสตร์
สาเหตุหลักที่จุดชนวนความตึงเครียดครั้งนี้คือ โครงการขุดคลองฟูนันเตโช ของกัมพูชา มูลค่า 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 62,000 ล้านบาท โครงการนี้ไม่ใช่เพียงโครงการพัฒนาเศรษฐกิจ แต่เป็นเครื่องมือทางยุทธศาสตร์ที่มุ่งเปลี่ยนแปลงดุลอำนาจในภูมิภาคอย่างมีนัยสำคัญ
- มิติทางเศรษฐกิจและการเมือง: ในปัจจุบัน กัมพูชาพึ่งพาท่าเรือของเวียดนามเป็นหลักในการส่งออกสินค้าทางทะเล ซึ่งทำให้กัมพูชาขาดอำนาจอธิปไตยเหนือเส้นทางการค้าหลักของตนเอง โครงการคลองฟูนันเตโชจึงเปรียบเสมือนการปลดแอกทางเศรษฐกิจ ให้กัมพูชามีเส้นทางเดินเรือจากกรุงพนมเปญไปสู่อ่าวไทยได้โดยตรง ช่วยลดต้นทุนและเวลาในการขนส่งอย่างมหาศาล และเพิ่มอำนาจต่อรองทางการค้าและการเมือง
- นัยยะทางทหารและอิทธิพลของจีน: โครงการนี้ได้รับเงินทุนสนับสนุนและมีส่วนร่วมอย่างสำคัญจากบริษัทจีนในฐานะผู้รับเหมาหลัก ซึ่งทำให้เกิดข้อกังวลว่าคลองนี้อาจมี "นัยยะทางทหารแฝง" หรือ "dual-use" เพราะคลองจะเชื่อมต่อกับ ฐานทัพเรือเรียม (Ream Naval Base) ที่จีนให้ความช่วยเหลือในการพัฒนา ซึ่งอาจทำให้เรือรบขนาดเล็กของกองทัพเรือจีนสามารถเข้าถึงแม่น้ำโขงได้โดยตรงจากอ่าวไทย ถือเป็นการขยายอำนาจทางทะเลของจีนและเปลี่ยนแปลงสมดุลอำนาจในภูมิภาค โดยเฉพาะกับเวียดนามและไทย
การแบ่งขั้วอำนาจและการสร้างกำแพงในเอเชีย
ความตึงเครียดนี้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดระเบียบโลกใหม่ที่เอเชียกำลังก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางแห่งอำนาจ ขณะที่ชาติตะวันตกกำลังถอยห่างจากแนวคิดโลกาภิวัตน์และหันมาใช้มาตรการกีดกันทางการค้า
- เอเชียที่เชื่อมโยงกัน: ศาสตราจารย์ Parag Khanna กล่าวว่า เอเชียกำลังสร้างโครงข่ายเชื่อมโยงกันเองผ่านโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น รถไฟจีน-ลาว ซึ่งเป็นตัวอย่างความร่วมมือที่ประสบความสำเร็จในการลดต้นทุนการขนส่งสินค้าเกษตรได้ถึง 40% และกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาค
- ตะวันตกที่หันมาสร้างกำแพง: ในทางตรงกันข้าม ชาติตะวันตกหันมาดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้ามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสงครามภาษี หรือการส่งเสริมให้บริษัทกลับไปผลิตในประเทศตนเอง เพื่อลดการพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานจากเอเชีย
แนวโน้มที่แตกต่างกันนี้ทำให้โลกกำลังถูกแบ่งออกเป็นสองเครือข่ายที่สำคัญ ซึ่งเป็นเรื่องที่ประเทศไทยต้องทำความเข้าใจเพื่อกำหนดทิศทางของตนเอง
บทบาทของไทยและแนวทางการรับมือ
ประเทศไทยตั้งอยู่ตรงกลางของความเปลี่ยนแปลงและเกมภูมิรัฐศาสตร์ที่ใหญ่กว่านี้ การนิ่งเฉยไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นการบริหารความเสี่ยงและโอกาสอย่างชาญฉลาด เพื่อให้สามารถกำหนดทิศทางของตนเองได้
- การเข้าใจเกมอย่างลึกซึ้ง: ไทยต้องอ่านเกมให้ขาดและเข้าใจถึงผลประโยชน์ที่ซับซ้อนของแต่ละฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นความพยายามของจีนในการขยายอิทธิพล ความกังวลของเวียดนามต่อการค้าและสิ่งแวดล้อมในแม่น้ำโขง หรือความต้องการของกัมพูชาที่จะลดการพึ่งพาประเทศเพื่อนบ้าน การเข้าใจบทบาทเหล่านี้จะช่วยให้ไทยสามารถวางแผนได้อย่างรอบคอบ
- การเลือกความร่วมมืออย่างชาญฉลาด: แทนที่จะเลือกข้างใดข้างหนึ่ง ไทยควรใช้หลักการ "การทูตเชิงรุก" และ "เป็นกลางเชิงยุทธศาสตร์" โดยการสร้างความสัมพันธ์ที่สมดุลกับทุกฝ่าย ทั้งจีนและสหรัฐฯ รวมถึงการเป็นผู้ริเริ่มความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติและเป็นผู้เล่นสำคัญบนเวทีโลก
บทสรุป
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอุษาคเนย์ เป็นส่วนหนึ่งของเกมหมากกระดานที่ใหญ่กว่า ซึ่งมีมหาอำนาจเป็นผู้เล่นหลัก และโครงการขนาดใหญ่ เช่น คลองฟูนันเตโช เป็นหมากสำคัญในกระดานนี้ . ประเทศไทยในฐานะประเทศที่ตั้งอยู่บนจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีกต่อไป แต่ต้องหันมาทำความเข้าใจเกมอย่างถ่องแท้และเลือกความร่วมมืออย่างชาญฉลาด เพื่อให้สามารถก้าวข้ามความตึงเครียดในระยะสั้น และยืนหยัดได้อย่างมั่นคงในโลกที่กำลังเปลี่ยนขั้วอำนาจนี้