In News

'ประเสริฐ'หนุน'วัดต้นแบบความโปร่งใส' สร้างเอกภาพ'ศาสนา-ชุมชน'เรียกศรัทธา



กรุงเทพฯ-'รองนายกฯประเสริฐ' หนุนรัฐบาล ผลักดัน 'วัดต้นแบบความโปร่งใส' เสริมความรู้กฎหมายและเทคโนโลยีสร้างระบบ-ยกระดับการพัฒนา พร้อมส่งเสริมเอกภาพ 'ศาสนา-ชุมชน' สร้างศรัทธาอย่างยั่งยืน

วันนี้ (วันที่ 23 สิงหาคม 2568) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานเปิดการสัมมนาเรื่อง 'การบริหารจัดการวัด สำนักสงฆ์ และที่พักสงฆ์ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง' ซี่งจัดโดยคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ณ โรงแรม The Bonanza Resort เขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เพื่อส่งเสริมให้วัด สำนักสงฆ์ และที่พักสงฆ์ บริหารจัดการตามหลักพระธรรมวินัย ควบคู่กับการปฏิบัติตามกฎหมาย ได้แก่ พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2565 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้วัดเป็นศูนย์กลางทางศาสนา การศึกษา และการพัฒนาจิตใจของประชาชน โดยมีพระราชวชิราลังการ เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา (ธรรมยุต) , พระครูปริยัติธรรมภาณี รองเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา , นางเทียบจุฑา ขาวขำ สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทยแชะประธานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร , นายอัฐฐเสฏฐ จุลเสฏฐพานิช เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี , พระสังฆาธิการ พระภิกษุสงฆ์ ไวยาวัจกร และผู้เกี่ยวข้องกว่า 250 รูป/คน เข้าร่วม

โดยนายประเสริฐ กล่าวว่า วัดเป็นมากกว่าสถานที่ประกอบศาสนกิจ แต่วัดยังเป็นศูนย์รวมจิตใจ เป็นแหล่งการศึกษาและวัฒนธรรม และเป็นที่พึ่งทางจิตใจของประชาชน การบริหารจัดการวัด จึงต้องทำอย่างถูกต้อง โปร่งใส เป็นระบบ และเป็นธรรม ทั้งตามหลักพระธรรมวินัยและตามกฎหมาย ปัจจุบันกฎหมายหลักที่ใช้กำกับการบริหารวัดคือ พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้วัดยังคงเป็นศูนย์รวมจิตใจที่มั่นคงของสังคมไทย”

ทั้งนี้หลักการสำคัญที่ควรยึดถือ มีอยู่ 4 ด้าน คือ 1. ด้านการปกครอง–บทบาทของเจ้าอาวาสและคณะกรรมการวัด ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ และยึดประโยชน์ส่วนรวม  

2. ด้านการเงินและทรัพย์สิน–จัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายอย่างถูกต้อง ใช้เงินเพื่อศาสนาและสาธารณประโยชน์

3. ด้านการพัฒนาและบริการสาธารณะ–พัฒนาวัดให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และส่งเสริมคุณธรรมในสังคม
และ 4. ด้านการกำกับตามกฎหมาย–ปฏิบัติตามระเบียบและกฎหมาย เพื่อหลีกเลี่ยงข้อพิพาทและคุ้มครองสิทธิของวัด

“ปัจจุบันยังพบปัญหาหลายประการทั้ง พระสงฆ์และคณะกรรมการวัดบางแห่งขาดความรู้ด้านกฎหมาย , การเงินการคลังยังไม่เป็นระบบ ขาดความโปร่งใส , การใช้ที่ดินวัดผิดวัตถุประสงค์ เช่น ให้เช่า หรือใช้ในทางที่ไม่เกี่ยวกับศาสนา ความเข้าใจระหว่างวัดกับชุมชนยังไม่เป็นเอกภาพ ดังนั้น เพื่อให้วัดสามารถบริหารจัดการได้อย่างเข้มแข็ง และปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับยุคดิจิทัลในปัจจุบัน" รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี กล่าว

นายประเสริฐ กล่าวย้ำว่าเพื่อยกระดับการบริหารวัด รัฐควรจัดอบรมความรู้ด้านกฎหมายแก่พระสงฆ์ ใช้เทคโนโลยีในการบริหาร เช่น ระบบบัญชีออนไลน์ สร้างวัดต้นแบบ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมจากชุมชน และผลักดันให้เกิดวัดต้นแบบที่มีความโปร่งใส เพื่อนำไปขยายผลสู่การพัฒนาวัดอื่นๆ ทั้งนี้ ทางกระทรวงดีอี ยินดีให้ความรู้เรื่องการจัดทำบัญชีออนไลน์อีกด้วย

“การบริหารจัดการวัด สำนักสงฆ์ และที่พักสงฆ์อย่างถูกต้อง ไม่เพียงแต่ทำให้กิจการภายในวัดเป็นระบบ แต่ยังเป็นการรักษา ความมั่นคงของพระพุทธศาสนา และสร้างความศรัทธาของพุทธศาสนิกชน การบริหารจัดการวัดไม่ใช่เพียงการบริหารงาน แต่คือการบริหารศรัทธา เมื่อศรัทธานั้นมั่นคง พระพุทธศาสนาก็จะยั่งยืนสถาพร ตราบนานเท่านาน” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี กล่าว