EDU Research & Innovation
รมว.อว.บุกม.กาฬสินธุ์ชูคลังสมองแก้จน สร้างโอกาสให้เข้าถึงAIทุกช่วงวัย-อาชีพ

กาฬสินธุ์-“สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) หนุนการสร้างโอกาสและการเข้าถึงการเรียนรู้ด้าน AI สู่ทุกช่วงวัย ทุกอาชีพ ไร้ขีดจำกัด พร้อมเปิดตัวศูนย์ความเป็นเลิศทางด้านปัญญาประดิษฐ์ประยุกต์ ณ มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์และคนกาฬสินธุ์ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง! "สุดาวรรณ" ชู "กาฬสินธุ์โมเดล" ใช้มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์เป็นคลังสมองแก้จนด้วยงานวิจัย-นวัตกรรม ทั้ง “เมนูแก้จน“ จนถึงทางเลือกอาชีพ พร้อมบูรณาการท้องถิ่น ลดสัดส่วนครัวเรือนยากจนจาก 30% เหลือ 6% เพิ่มรายได้ครัวเรือนจาก 4,000 บาท/เดือน เป็น 10,000 - 18,000 บาท/เดือน
เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2568 ที่ห้องพยับหมอก มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ (ในเมือง) นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์ความเป็นเลิศทางด้านปัญญาประดิษฐ์ประยุกต์ หรือ AI โดยมีนางสาวพลอย ธนิกุล ผู้ช่วย รมต.อว., นายวิเชียร สุขสร้อย เลขานุการ รมว.อว., ดร.พันธุ์เพิ่มศักดิ์ อารุณี ผู้ช่วยปลัดกระทรวง อว. นายวิรัช พิมพะนิตย์ สส.กาฬสินธุ์ เขต 1, นายพลากร พิมพะนิตย์ สส.กาฬสินธุ์ เขต 2, นายทินพล ศรีธเรศ สส.กาฬสินธุ์ เขต 5, นายประเสริฐ บุญเรือง สส.กาฬสินธุ์ เขต 6 นางเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล นายก อบจ .กาฬสินธุ์
พร้อมด้วย ดร.วิฑูรย์ สิมะโชคดี นายกสภามหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์, รศ. ดร.สุพรรณ สุดสนธิ์ รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์, ผศ.ดร.วิชิต กำมันตะคุณ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด, ผศ.เมทินี โคตรดี รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, ผศ.ดร.เด่นพงษ์ สุดภักดี รองอธิการบดีฝ่ายการศึกษาและดิจิทัล มหาวิทยาลัยขอนแก่น และคณาจารย์ บุคคลากร นักศึกษา ให้การต้อนรับและร่วมพิธี
นางสาวสุดาวรรณ กล่าวว่า กระทรวง อว. มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมกระบวนการสร้างกำลังคนให้มีทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 โดยการปฏิรูปการศึกษาให้ตอบโจทย์โลกยุคใหม่ สร้างโอกาสการเรียนรู้ สร้างความเท่าเทียม และสร้างอนาคตเพื่อรอบรับต่อการแข่งขันในเวทีโลก ตลอดจนการใช้กลไกของ อว.ส่วนหน้า ในการนำศักยภาพของมหาวิทยาลัย ไปยกระดับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชน ท้องถิ่นและสังคม ซึ่งกระทรวง อว. ตระหนักดีว่า ในปัจจุบันเทคโนโลยีด้าน AI ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมโลก การเตรียมความพร้อมและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีทักษะและความเข้าใจในเทคโนโลยีดังกล่าว จึงเป็นภารกิจเร่งด่วน ซึ่งการพัฒนาดังกล่าวจะต้องให้ครอบคลุมตั้งแต่ระดับนักเรียน นักศึกษา บุคลากรทางการศึกษา ไปจนถึงชุมชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของกระทรวง อว. ที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลง สร้างโอกาสและการเข้าถึงทรัพยากรของ อว. ให้เป็นรูปธรรมและยั่งยืน
“ขอชื่นชมการทำงานของมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ ที่มุ่งมั่นในการสร้างกำลังคนของประเทศให้มีทักษะแห่งอนาคต การเปิดศูนย์ความเป็นเลิศทางด้านปัญญาประดิษฐ์ประยุกต์นี้ ตลอดจนการบูรณาการความร่วมมือโดยใช้กลไกของ อว.ส่วนหน้า ของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง (ร้อยแก่นสารสินธุ์) ที่จะช่วยสร้างการขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจในระดับพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม” นางสาวสุดาวรรณกล่าว
ด้าน รศ.ดร.สุพรรณ สุดสนธิ์ รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ กล่าวว่าศูนย์ความเป็นเลิศทางด้านปัญญาประดิษฐ์ประยุกต์ หรือ AI จะเป็นกลไกการพัฒนาที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ กล่าวคือ ต้นน้ำ : การใช้บทบาทและโครงการสร้างของมหาวิทยาลัยไปสู่ มหาวิทยาลัยพี่เลี้ยง" (Mentor University) เพื่อพัฒนาสมรรถนะครูผู้สอนในสถานศึกษา, กลางน้ำ : การใช้ AI เพื่อการศึกษา (AI for Education) โดยส่งเสริมการนำเทคโนโลยี AI มาใช้เป็นเครื่องมือสนับสนุนการ และปลายน้ำ : การถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่สังคมและชุมชน เพื่อให้คำปรึกษา และถ่ายทอดองค์ความรู้ ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริงแก่เกษตรกร ผู้ประกอบการ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและชุมชน รวมไปถึงการขยายช่องทางการตลาดของชุมชน ท้องถิ่นอย่างยั่งยืนและเป็นรูปธรรม
“นอกจากความเข้มแข็งในการพัฒนากำลังคนที่พร้อมรองรับในยุค AI แล้ว ยังมีความร่วมมือกับสถาบันอุดมศึกษาในพื้นที่ เพื่อขับเคลื่อนงานด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อววน.) ไปพัฒนาจังหวัดตามบริบทของพื้นที่ ที่ร่วมมือกันกับมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ในการยกระดับเกษตรมูลค่าสูงด้วยองค์ความรู้และนวัตกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด ที่มุ่งเน้นการพัฒนาพื้นที่ด้วยการพัฒนาศักยภาพทุนมนุษย์ และมหาวิทยาลัยขอนแก่น มุ่งเน้นการพัฒนาด้านศูนย์บริการการแพทย์ชั้นเลิศ Medical Hub และการส่งเสริมผลงานวิจัยและนวัตกรรมสู่ภาคอุตสาหกรรมและเชิงพาณิชย์อย่างเป็นระบบ เป็นต้น” รศ.ดร.สุพรรณกล่าวในที่สุด
'สุดาวรรณ'ชู 'กาฬสินธุ์โมเดล'ใช้มหาวิทยาลัยเป็นคลังสมองแก้จน
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 28 สิงหาคม 2568 น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) พร้อมด้วยพร้อมด้วยนายวิรัช พิมพะนิตย์ ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 1 นายวิเชียร สุขสร้อย เลขานุการ รมว.อว. ดร.พันธุ์เพิ่มศักดิ์ อารุณี ผู้ช่วยปลัดกระทรวง อว.และคณะ เดินทางไปยังศูนย์วิจัยและฝึกอบรมภูสิงห์ ม.กาฬสินธุ์ เพื่อเยี่ยมชมการดำเนินงานโครงการพัฒนาระบบเศรษฐกิจฐานราก เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน และการเลื่อนชั้นทางสังคมของครัวเรือนยากจน จ.กาฬสินธุ์ หรือ โครงการแก้ไขปัญหาความยากจนในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ หรือ บพท.สนับสนุนงบประมาณการดำเนินโครงการ
รวมทั้งรับฟังผลการดำเนินงานการใช้ประโยชน์งานด้าน อววน. เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเชิงพื้นที่ พร้อมพบปะและรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน โดยมี รศ. ดร.สุพรรณ สุดสนธิ์ รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์,ดร.ศักดิ์เกษม ปานะลาด รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ คณะอาจารย์ นักศึกษา ผู้นำชุมชน วิสาหกิจชุมชน และประชาชนที่ได้ประโยชน์จากโครงการเข้าร่วมกิจกรรมอย่างพร้อมเพียง
โดยมีนายกีรฒิการย์ พิมพะนิตย์ นายกเทศมนตรีเมืองกาฬสินธุ์ ได้บรรยายแนวทางการยกระดับศักยภาพของชุมชน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่ ดร.ศักดิ์เกษม ปานะลาด รองอธิการบดี ม.กาฬสินธุ์ บรรยายสรุปโครงการพัฒนาระบบเศรษฐกิจฐานรากเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนดังกล่าว
สำหรับบรรยากาศภายในงานเป็นไปด้วยความคึกคัก มีประชาชนหลังไหลเข้ามาเยี่ยมชมนิทรรศการผลการดําเนินงานการใช้ประโยชน์งานด้าน อววน. เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเชิงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง อาทิ การพัฒนาโมเดลเศรษฐกิจครัวเรือนแบบร่วมมือและการจัดองค์กรสวัสดิการธุรกิจชุมชนเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนจังหวัดกาฬสินธุ์ การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการแรงงานยากจนมีทักษะ การพัฒนาการจัดการการศึกษาแบบบูรณาการโดยใช้พื้นที่เป็นฐานสำหรับโรงเรียนขนาดเล็กในจ.กาฬสินธุ์ ผลิตภัณฑ์จากวิสาหกิจชุมชน ศูนย์เรียนรู้ และกลุ่มต่าง ๆ ภายในจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยผลจากการงานวิจัยสามารถช่วยยกระดับเศรษฐกิจชุมชนสู่มาตรฐานสากล อีกทั้ง สามารถนำภูมิปัญญาไปสร้างโครงสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้ประชาชนอยู่ดีกินดีมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืน
น.ส.สุดาวรรณ กล่าวว่า โครงการพัฒนาระบบเศรษฐกิจฐานรากเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน หรือที่รู้จักกันในชื่อ "กาฬสินธุ์โมเดล" มีจุดเริ่มต้นจากความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาความยากจนของจังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งในอดีตเคยเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีอัตราความยากจนสูงที่สุดของประเทศ ภายใต้แนวคิด "คนกาฬสินธุ์ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง" โครงการนี้จึงประสบความสำเร็จอย่างสูงในการลดจำนวนครัวเรือนยากจนลงได้อย่างเป็นรูปธรรม สร้างรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับประชาชน ทำให้พวกเขาสามารถเลื่อนชั้นทางสังคมและยืนหยัดได้ด้วยตนเอง จนกลายเป็นต้นแบบที่ได้รับการยอมรับในระดับประเทศ
“การบูรณาการความร่วมมืออย่างเข้มแข็งจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐที่นำโดยจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชนที่เข้ามาสนับสนุนทรัพยากรและองค์ความรู้ และภาคประชาสังคมที่ช่วยขับเคลื่อนในระดับชุมชน ทุกฝ่ายทำงานลงพื้นที่ไปวิเคราะห์ปัญหาและความต้องการของแต่ละครัวเรือนอย่างแท้จริง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำกลไก อววน. (อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม) เข้ามามีส่วนร่วม ถือเป็นฟันเฟืองชิ้นสำคัญที่ยกระดับการแก้ไขปัญหาให้มีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยมีสถาบันอุดมศึกษาในพื้นที่ เช่น ม.กาฬสินธุ์ ทำหน้าที่เป็น 'คลังสมอง' ช่วยนำองค์ความรู้ทางวิชาการ งานวิจัย และนวัตกรรมมาสนับสนุนการสร้างอาชีพ เช่น การพัฒนา "เมนูแก้จน"หรือทางเลือกอาชีพที่เหมาะสมกับศักยภาพของครัวเรือน การถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่ การส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจ และการช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีมาตรฐาน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นทางออกสำหรับแก้ไขปัญหาความยากจน และเป็นการสร้างอาชีพที่มั่นคงและยั่งยืนอย่างแท้จริง“ น.ส.สุดาวรรณ กล่าว
ด้ายนายกีรฒิการย์ กล่าวถึงแนวทางการยกระดับศักยภาพชุมชน ว่า เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์มีแนวนโยบายที่อยากจะแก้ปัญหาความยากจนโดยร่วมมือกับ ม.กาฬสินธุ์ ที่จะพัฒนาร่วมกันโดยทำวิสาหกิจชุมชนต่าง ๆ โดย ม.กาฬสินธุ์ มีฐานข้อมูลที่สำคัญอย่างยิ่งทำให้เรารู้ว่าจุดไหนที่เราจะต้องแก้ปัญหา จะได้นำเอาเทคโนโลยีเข้าไปแก้ได้อย่างตรงจุด และยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ให้เกิดการเพิ่มมูลค่า เกิดการบูรณาการร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยและเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ รวมทั้งหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อให้กาฬสินธุ์ของเราเจริญก้าวหน้า ลดปัญหาผู้ยากไร้ยากจน ต่อไป
ขณะที่ ดร.ศักดิ์เกษม ได้สรุปผลการดำเนินงานโครงการการพัฒนาระบบเศรษฐกิจฐานราก เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนและการเลื่อนชั้นทางสังคมของครัวเรือนยากจน จ.กาฬสินธุ์ ว่า มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ได้ร่วมกับภาคี ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างเป็นระบบมาตั้งแต่ปี 2563 โดยเฉพาะการนำเอาเทคโนโลยีนวัตกรรมไปพัฒนา สร้างงาน สร้างอาชีพ โดยมีเป้าหมาย 12,000 ครัวเรือน ในพื้นที่ 9 อำเภอ ทั้งนี้ปัจจุบันครัวเรือนยากจนของ จ.กาฬสินธุ์ลดลงจาก 30 เปอร์เซ็นต์เหลือเพียง 6 เปอร์เซ็นต์ และสามารถยกระดับรายได้ประชาชนได้จาก 4,000 บาท เป็น 10,000 – 18,000 บาท ต่อเดือนถือว่าประสบความสำเร็จ โดยในปี 2568 จะยังคงมุ่งมั่นที่จะมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนโครงการแก้ไขปัญหาความยากจนให้สัดส่วนครัวเรือนยากจนจ.กาฬสินธุ์ลดลงมากกว่าปัจจุบัน
ขณะที่นายวิรัช พิมพะนิตย์ ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 1 กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณและขอชื่นชมมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และทุกภาคส่วนที่ร่วมด้วยช่วยกันขับเคลื่อนโครงการแก้ไขปัญหาความยากจนในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์จนประสบความสำเร็จและเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้ประชาชนมีรายได้ และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และที่สำคัญจากความมุ่งมั่นที่ร่วมกันขับเคลื่อนโครงการดังกล่าวนี้ ทำให้ จ.กาฬสินธุ์ จากเดิมที่เคยติด 1 ใน 10 จังหวัดที่มีความยากจนมากที่สุด ปัจจุบันไม่ได้อยู่ติดอยู่ 1 ใน 10 แล้ว อย่างไรก็ตามขอให้ทุกภาคส่วนร่วมกันขับเคลื่อนโครงการนี้ เพื่อขจัดความยากให้ประชาชนชาวจ.กาฬสินธุ์อย่างนี้ต่อไป