EDU Research & Innovation
วว./สทนช./MRCSร่วมสานสัมพันธ์75ปี ไทย-ลาวผ่านนวัตกรรมสู่ชุมชนลุ่มน้ำโขง

ปทุมธานี-วว. /สทนช. /MRCS ร่วมสานสัมพันธ์ 75 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยกับสปป.ลาวผ่านผลงานนวัตกรรมสู่ชุมชนลุ่มน้ำโขงส่งเสริมเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
ผศ.ดร.วีรชัย อาจหาญผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และคณะผู้บริหาร บุคลากร วว. ร่วมให้การต้อนรับH.E. Assoc. Prof. Dr. LinkhamDouangsavanhรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกสิกรรมและสิ่งแวดล้อม สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) พร้อมด้วย H.E. Ms.BusadeeSantipitaks, ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง(Mekong River Commission Secretariat: MRCS)และดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางประสานงานฝ่ายไทยตามกรอบความร่วมมือคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ในโอกาสเข้าร่วมประชุมหารือความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาทรัพยากรน้ำ โดย วว. และสทนช.ได้ร่วมนำเสนอผลการดำเนินงานเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตชุมชนลุ่มน้ำโขงและแนวทางบริหารจัดการลุ่มน้ำเจ้าพระยาใหญ่ พร้อมมาตรการรับมือฤดูฝนภายใต้การสานสัมพันธ์ 75 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยกับสปป.ลาวในวันที่ 1 กันยายน 2568 ณ วว. เทคโนธานี คลองห้า จ.ปทุมธานี
ภายหลังการประชุม คณะผู้แทนได้เยี่ยมชมศูนย์ความเป็นเลิศด้านสาหร่าย (Algal Excellent Center : ALEC) ของ วว. ซึ่งมีภารกิจดำเนินงานด้านสาหร่ายอย่างครบวงจร ได้แก่ วิจัย พัฒนา ถ่ายทอดเทคโนโลยี และบริการด้านสาหร่ายน้ำจืดมากกว่า 30 ปีเริ่มตั้งแต่ ต้นน้ำ คือ จัดการคลังสาหร่าย เพื่อคัดเลือกสายพันธุ์ตามเป้าหมายการใช้ประโยชน์กลางน้ำ คือ ศึกษาสภาพที่เหมาะสมในการเพาะเลี้ยงทั้งระดับห้องปฏิบัติการ/กลางแจ้ง และปลายน้ำ คือ วิจัย พัฒนากระบวนการเพาะเลี้ยงระดับกลางแจ้งต้นแบบ ตั้งแต่ขนาด 100-40,000 ลิตรโอกาสนี้คณะผู้แทนได้ชื่นชมความก้าวหน้าในการวิจัยและพัฒนาสาหร่ายของ วว. ที่มีการต่อยอดจนเกิดผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรม ทั้งในระดับชุมชนและเชิงพาณิชย์ รวมถึงการขยายผลสู่การบริการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอื่นๆ ของ วว. อย่างเป็นรูปธรรม
อนึ่ง วว. มีความร่วมมือกับ สำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ประชาชนในชุมชนลุ่มน้ำโขงทั้ง4 ประเทศ ได้แก่ ไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ผ่านการนำองค์ความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้าไปส่งเสริมและสนับสนุนการแปรรูปผลผลิตเกษตรให้มีมูลค่าเพิ่ม โดยเฉพาะพืชและสัตว์น้ำอัตลักษณ์ท้องถิ่น เช่นสาหร่ายไก ปลา ส้มโอ และหอมขาวเพื่อสร้างรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิต และส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนอย่างยั่งยืน