In Bangkok

กทม.เปิดโอเพ่นเฮาส์บ้านน้องหมา-แมว ประเวศโฉมใหม่เมืองคน-สัตว์อยู่ร่วมกัน



กรุงเทพฯ-กทม. จัดงาน “Open House บ้านน้องหมาน้องแมวประเวศโฉมใหม่” ตอกย้ำนโยบายบริหารจัดการสัตว์จรอย่างเป็นระบบ เพื่อเมืองที่คนและสัตว์อยู่ร่วมกันอย่างปลอดภัยและมีสุขภาวะที่ดี 

(1 ก.ย. 68) รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในการแถลงข่าว “Open House บ้านน้องหมาน้องแมวประเวศโฉมใหม่ (ศูนย์ควบคุมสุนัขกรุงเทพมหานคร)” ณ ศูนย์ควบคุมสุนัขกรุงเทพมหานคร (ประเวศ) เขตประเวศ เพื่อนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาสัตว์จรจัดในพื้นที่กรุงเทพมหานครอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ รวมถึงการปรับปรุงศูนย์ควบคุมสุนัขประเวศให้ได้มาตรฐานสวัสดิภาพสัตว์ และส่งเสริมการหาบ้านใหม่ให้กับสัตว์จรจัด โดยมี นพ.สุนทร สุนทรชาติ รองปลัดกรุงเทพมหานคร และคุณฎายิน เพชรรัตน์ จากมูลนิธิ SOS Animal Thailand ร่วมแถลงและตอบข้อซักถามจากสื่อมวลชน

รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวว่า ผู้ว่าฯ กทม. มีนโยบายดูแลสัตว์จรและสัตว์เลี้ยงในกรุงเทพมหานครมาตั้งแต่แรกเริ่ม สำหรับศูนย์ควบคุมสุนัขกรุงเทพมหานคร (ประเวศ) ในช่วงแรก ๆ ค่อนข้างร้อนและแห้งแล้ง หรือที่หลายคนเคยเรียกว่า “นรก” ของสัตว์จร จึงได้ดำเนินการปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้มีพื้นที่สีเขียว น่าอยู่ และมีมาตรฐานในด้านของสวัสดิภาพสัตว์ และเรียกชื่อเล่นศูนย์ฯ แห่งนี้ว่า “บ้านน้องหมาน้องแมวประเวศ” หรือ “บ้านประเวศ” ซึ่งให้ความรู้สึกอบอุ่น โดยมีการรับสัตว์จรเข้ามา สัตว์เหล่านี้จะได้รับการดูแลที่ดี 

นอกจากนี้ ที่บ้านประเวศยังมีการสร้างกำแพงกันเสียง ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนกันยายน  2568 นี้ เพื่อลดผลกระทบต่อชุมชนข้างเคียง รวมทั้งได้มีนโยบายในการส่งเสริมการอุปการะน้องหมาน้องแมวจากที่นี่ให้กลับไปเป็นสัตว์เลี้ยงอีกครั้ง โดยได้มีการทำงานร่วมกับเครือข่ายองค์กรต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด ซึ่งความร่วมมือกับเครือข่ายเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในการประชาสัมพันธ์และการทำงานในชุมชน เพราะเครือข่ายมีความเชี่ยวชาญมากกว่าหน่วยงานรัฐ

กทม. มุ่งเน้นการแก้ปัญหาที่ “ต้นน้ำ” ด้วยการออกข้อบัญญัติเรื่องการจดทะเบียน ฝังไมโครชิป และการกำหนดจำนวนสัตว์ที่สามารถเลี้ยงได้ต่อพื้นที่ เพื่อส่งเสริมการเลี้ยงอย่างรับผิดชอบ มีการทำหมันและฉีดวัคซีนสัตว์จรเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากตระหนักดีว่าจำนวนสัตว์จรที่แท้จริงอาจมีมากถึงหลักแสนตัว ไม่ใช่แค่หลักหมื่น

“อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการทำงานอย่างหนัก แต่อัตราการรับอุปการะสัตว์ออกจากศูนย์ฯ ยังค่อนข้างต่ำ โดยต่ำกว่า 500 ตัวใน 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นความท้าทายที่ต้องอาศัยความเข้าใจและการประชาสัมพันธ์เพิ่มเติม โดยเป้าหมายคือการสร้างระบบที่มั่นใจได้ว่าสัตว์ที่ได้รับการอุปการะจะไม่ถูกทอดทิ้งอีกครั้ง” รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าว

ด้าน รองปลัดฯ สุนทร กล่าวว่า เดิมศูนย์ฯ แห่งนี้มีสุนัขอยู่หนาแน่น แต่เมื่อก่อนแถวนี้ไม่มีบ้านจัดสรร เป็นทุ่งนา ปัจจุบันบริบทเปลี่ยนไป กทม. จึงได้มีการปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้ดีขึ้น พร้อมคำนึงถึงชุมชนใกล้เคียงที่อาจได้รับผลกระทบทางเสียงจากการเห่าของสุนัข หลักการสำคัญเราเรียกว่า One Health คน สัตว์ สิ่งแวดล้อมเราต้องอยู่กันได้อย่างสมบูรณ์ การดูแลสัตว์ที่นี่จะเน้นสวัสดิภาพของสัตว์ มีการปรับปรุงพื้นที่ให้มีลานวิ่งเล่นและต้นไม้ร่มรื่น และปัจจุบันได้จัดทำเป็น Adopt Center เพื่อส่งเสริมการอุปการะ โดยจะมีการคัดกรองผู้เลี้ยงอย่างละเอียด

“จากนี้ กทม. จะเดินหน้าต่อเนื่องร่วมกับภาคีเครือข่าย โดยเฉพาะในเรื่องการจดทะเบียนสัตว์เลี้ยงและฉีดฝังไมโครชิปตามห้างและหน่วยเคลื่อนที่ต่าง ๆ ซึ่งเป็นไปตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง การควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ พ.ศ. 2567 ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 มกราคม ปีหน้า เพื่อให้สัตว์ได้มีสวัสดิภาพที่ดีและอยู่ร่วมกันได้” รองปลัดฯ สุนทร กล่าว

ในส่วนของ คุณฎายิน จาก SOS Animal Thailand กล่าวว่า SOS Animal Thailand ได้ทำงานร่วมกับกรุงเทพมหานครมาเป็นเวลา 14 ปี และเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ในการจัดการปัญหาสัตว์ โดยได้ร่วมกันทำงานแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการรับเรื่องร้องเรียน ตรวจสอบ แก้ปัญหา ดูแลสัตว์ ไปจนถึงการหาบ้านใหม่ ซึ่งปัจจุบันศูนย์ฯ ประเวศได้เปลี่ยนจาก “ศูนย์ควบคุม” มาเป็น “บ้าน” สำหรับสัตว์ โดยสัตว์ที่เข้ามาจะได้รับการดูแลเรื่องสุขภาพ ตรวจคัดกรองโรค และแยกกักเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด นอกจากนี้ ยังมีการดูแลปรับพฤติกรรมสัตว์ที่มีปมปัญหาจากประสบการณ์ที่ไม่ดี เพื่อให้พร้อมสำหรับการหาบ้านใหม่ อีกทั้งยังมีการปรับปรุงระบบการดูแลและการหาบ้านใหม่ให้ได้มาตรฐานสากล

 

ที่นี่มีสัตว์หลากหลายสายพันธุ์ ทั้งไทยและต่างประเทศ รวมถึงลูกหมา ซึ่งระบบการรับอุปการะ (adoption) ของที่นี่ จะมีการคัดกรองอย่างเข้มงวด มีเอกสารและคำถามเพื่อสร้างความมั่นใจว่าสัตว์จะได้รับการดูแลที่ดี มีการเซ็นสัญญาอุปการะ และมีการติดตามผล ซึ่งระบบนี้เป็นทิศทางที่ทั่วโลกใช้กัน และเป็นทิศทางที่ควรที่จะดำเนินการต่อไปเรื่อย ๆ เพียงแต่ว่าอาจจะมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ต้องขอความช่วยเหลือกัน หรือการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ตัวเลขของการอุปการะมากขึ้น

“หลายครั้งมักจะมีคำถามว่าทำไมน่ารักแต่ไม่มีคนรับไปเลี้ยง ต้องตอบว่าเพราะแต่ละตัวมีนิสัยที่แตกต่างกัน การหาบ้านเราไม่ใช่แค่หาที่บังแดดบังฝน ไม่ใช่หาแค่คนให้อาหาร แต่เราต้องหาคนที่สามารถที่จะยอมรับในข้อที่เป็นปัญหาของเขาได้” คุณฎายิน กล่าว

สำหรับคำถามว่า “หากพบสัตว์จรต้องทำอย่างไร” ทั้ง 3 ท่านได้ตอบในทิศทางเดียวกันว่า 1. แจ้งผ่าน Traffy Fondue 2. แจ้งกับเจ้าหน้าที่เขตในพื้นที่ และ 3. แจ้งผ่านโซเชียลมีเดียขององค์กรช่วยเหลือสัตว์ต่าง ๆ ซึ่งในอนาคตการฝังไมโครชิปเพื่อระบุเจ้าของสัตว์ ที่ กทม. กำลังดำเนินการอยู่ จะช่วยให้การแก้ปัญหาสัตว์จรมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามมาตรฐานสากลมากขึ้น

● นโยบาย “ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ” แก้ปัญหาสัตว์จรครบวงจร

ในส่วนของนโยบายการบริหารจัดการและขับเคลื่อนแนวทางการแก้ไขปัญหาสัตว์จรในพื้นที่กรุงเทพมหานคร รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวว่า กรุงเทพมหานครมีความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาสัตว์จรจัด ซึ่งเป็นประเด็นที่ก่อให้เกิดผลกระทบหลายด้าน ทั้งด้านสาธารณสุข เช่น โรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งเป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน ด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ความสกปรกจากมูลสัตว์ และด้านสังคม เช่น เสียงดังรบกวนจากการเห่าหอน อุบัติเหตุบนท้องถนน หรือประชาชนรู้สึกไม่ปลอดภัยจากการถูกกัดทำร้ายและพฤติกรรมก้าวร้าวดุร้าย รวมถึงปัญหาด้านความปลอดภัยและสวัสดิภาพของสัตว์ กรุงเทพมหานครตระหนักถึงความเดือดร้อนของประชาชนและผลกระทบที่เกิดขึ้น จึงให้ความสำคัญกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ ภายใต้นโยบาย 9 ด้าน 9 ดี มิติด้านสุขภาพดี โดยมีแนวทางการบริหารจัดการตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ

• สำหรับการบริหารจัดการแบบ “ต้นน้ำ” คือการป้องกันการเพิ่มจำนวนของสัตว์จรจัด และการปล่อยทิ้งสัตว์เลี้ยงเป็นสัตว์จรจัด ผ่านการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่ 

- สำรวจและจัดทำฐานข้อมูลผู้ประกอบกิจการที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งตรวจประเมินสุขลักษณะของสถานประกอบกิจการให้ครอบคลุมในพื้นที่กรุงเทพมหานครและผลักดันให้มีการขึ้นทะเบียนกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเพิ่มขึ้น โดยบูรณาการข้อมูลร่วมกับกรมปศุสัตว์ที่ดูแลในส่วนของใบอนุญาตทำการค้าสัตว์หรือซากสัตว์ จากผลการสำรวจพบว่าในกรุงเทพมหานครมีสถานประกอบกิจการที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง จำนวน 574 แห่ง และได้รับการตรวจประเมินสุขลักษณะครบทุกแห่งแล้ว

- ส่งเสริมการจดทะเบียนสัตว์เลี้ยงตั้งแต่ต้นทาง ตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง การควบคุมการเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์ พ.ศ. 2567 ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 มกราคม 2569 โดยมีการประสานความร่วมมือ และสร้างเครือข่ายร่วมกับสมาคม ชมรม และองค์กรที่เกี่ยวกับสายพันธุ์ การจัดประกวด หรือธุรกิจเกี่ยวกับสุนัขและแมว ในการขับเคลื่อนการจดทะเบียนสัตว์เลี้ยงตั้งแต่ต้นทางตามข้อบัญญัติดังกล่าว อีกทั้งยังประชาสัมพันธ์ข้อมูลข้อบัญญัติฯ ผ่านโซเชียลมีเดียเพื่อสร้างความเข้าใจให้แก่เจ้าของสัตว์เลี้ยงอย่างต่อเนื่อง

- เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในการเลี้ยงสัตว์ด้วยความรัก มีความรู้ และรับผิดชอบตลอดช่วงชีวิต ในรูปแบบออนไลน์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย เพื่อช่วยลดการปล่อยทิ้งสัตว์มีเจ้าของ

- ดำเนินการฉีดฝังไมโครชิปและจดทะเบียนสัตว์เลี้ยงโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งแบบเชิงรับในคลินิกสัตวแพทย์กรุงเทพมหานคร 8 แห่ง และเชิงรุกโดยการออกหน่วยสัตวแพทย์เคลื่อนที่ใน 50 เขต ซึ่งตั้งแต่ปี 2550 ถึงเดือนกรกฎาคม 2568 มีสุนัขได้รับการฉีดฝังไมโครชิปและจดทะเบียนไปแล้วจำนวน 118,567 ตัว

- ร่วมกับบริษัทเซ็นทรัลพัฒนา และบริษัทเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ในการจัดงาน Kick Off การจดทะเบียนสัตว์เลี้ยงกรุงเทพมหานคร เพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลข้อบัญญัติฯ พร้อมทั้งออกหน่วยสัตวแพทย์เคลื่อนที่ให้บริการฉีดฝังไมโครชิปและจดทะเบียนสัตว์เลี้ยง โดยมีผลการดำเนินงาน ดังนี้ จดทะเบียนสุนัขและแมวจำนวน 672 ตัว และฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า จำนวน 184 ตัว

- ร่วมกับบริษัทเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ในการออกหน่วยสัตวแพทย์เคลื่อนที่ ให้บริการฉีดฝังไมโครชิปและจดทะเบียนสัตว์เลี้ยงให้แก่ผู้พักอาศัย โดยมีผลการดำเนินงาน ดังนี้ จดทะเบียนสุนัขและแมวจำนวน 209 ตัว และฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า จำนวน 44 ตัว

• ด้านการบริหารจัดการแบบ “กลางน้ำ” จะเน้นการควบคุมการเพิ่มจำนวนและการสร้างภูมิคุ้มกันโรคพิษสุนัขบ้าให้แก่สุนัขและแมว และการแก้ไขปัญหาสุนัขและแมวจากเรื่องร้องเรียนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยดำเนินการดังต่อไปนี้

- ผ่าตัดทำหมันและฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้แก่สุนัขและแมวโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งรูปแบบเชิงรับในคลินิกสัตวแพทย์กรุงเทพมหานคร 8 แห่ง และเชิงรุกโดยการออกหน่วยสัตวแพทย์เคลื่อนที่ใน 50 เขต พร้อมทั้งประสานความร่วมมือกับกรมปศุสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์พื้นที่กรุงเทพมหานคร คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยต่าง ๆ สมาคม และมูลนิธิต่าง ๆ ในการผ่าตัดทำหมันและฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้แก่สุนัขและแมว โดยผลการดำเนินงานของกรุงเทพมหานครร่วมกับเครือข่ายมีดังนี้ ปี 2567 ทำหมัน 59,268 ตัว ฉีดวัคซีน 203,684 ตัว ปี 2568 ทำหมัน 54,569 ตัว ฉีดวัคซีน 156,344 ตัว (ข้อมูล ณ เดือนกรกฎาคม 2568)

- ทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ความร่วมมือด้านการจัดการประชากรสุนัขและแมวที่เป็นพาหะของโรคพิษสุนัขบ้าและการสร้างภูมิคุ้มกันโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์พื้นที่กรุงเทพมหานคร ร่วมกับมูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย (Soi Dog Foundation) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566 - 2572

- ดำเนินโครงการควบคุมจำนวนแมวจรจัดในชุมชนพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยประสานสำนักงานเขตในการสร้างความมีส่วนร่วมของชุมชนเพื่อแก้ไขปัญหาแมวจรจัด ด้วยกลยุทธ์การใช้กรงดักจับแมวจรจัดและนำมา            เข้ารับการผ่าตัดทำหมันควบคุมจำนวน ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ทำสัญลักษณ์ และนำกลับคืนพื้นที่เดิมในชุมชนโดยไม่เพิ่มจำนวนต่อไป ผลการดำเนินงานผ่าตัดทำหมันควบคุมจำนวนแมวจรจัด ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2567 ถึงกรกฎาคม 2568 จำนวน 5,380 ตัว

- ดำเนินโครงการจ้างเหมาผ่าตัดทำหมันควบคุมจำนวนและฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าสุนัขและแมวจรจัดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ประจำปีงบประมาณ 2568 จำนวน 15,000 ตัว

- เพิ่มช่องทางในการรับแจ้งปัญหาสุนัขและแมวผ่านแพลตฟอร์ม Traffy Fondue เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน 

• ในส่วนของการบริหารจัดการแบบ “ปลายน้ำ” ได้มีการยกระดับปรับปรุงศูนย์ควบคุมและพักพิงสุนัขกรุงเทพมหานครให้เหมาะสมตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ และส่งเสริมการอุปการะสัตว์จรจัดแทนการซื้อสัตว์ใหม่มาเลี้ยง (Adopt Not Shop) ดังนี้

- โครงการปรับปรุงศูนย์ควบคุมสุนัขกรุงเทพมหานคร (ประเวศ) แล้วเสร็จในปี 2567 เพื่อให้มีความเหมาะสมตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ในการรองรับและเลี้ยงดูแลสุนัขและแมวจรจัดที่ไม่สามารถอยู่ในพื้นที่ได้ โดยที่ผ่านมาศูนย์ควบคุมสุนัขกรุงเทพมหานคร (ประเวศ) ได้รับการเยี่ยมชมจากองค์การสุขภาพสัตว์โลก (WOAH) กองสวัสดิภาพสัตว์และสัตวแพทย์บริการ กรมปศุสัตว์ เครือข่ายสมาคมและมูลนิธิเกี่ยวกับสัตว์ 

- เข้าร่วมโครงการให้คำมั่น ‘Positive Cities’ ความมุ่งมั่นระดับโลกครั้งใหม่ เพื่อเมืองต่าง ๆ ในการจัดการประชากรสุนัขและแมวอย่างมีมนุษยธรรม ร่วมกับองค์การแนวร่วมเพื่อการควบคุมสัตว์เลี้ยงระหว่างประเทศ (International Companion Animal Management หรือ ICAM) และ เข้าร่วมกิจกรรม Solutions Labs การจัดการสุนัขและแมวจรจัด จัดโดย World Organization of the Major Metropolises (สมาคมมหานครสำคัญของโลก: องค์การเมโทรโพลิส) ร่วมกับ Battersea Dog & Cat Home และ International Companion Animal Management coalition (ICAM) ซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 25 - 27 พฤศจิกายน 2568

- คัดเลือกสุนัขและแมวภายในศูนย์ควบคุมและพักพิงสุนัขกรุงเทพมหานครที่มีสุขภาพแข็งแรง พฤติกรรมเหมาะสมเพื่อประชาสัมพันธ์การหาบ้าน และคัดกรองคุณสมบัติของผู้รับอุปการะ พร้อมทั้งติดตามผลการรับอุปการะ ตลอดจนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการรับอุปการะร่วมกับภาคประชาสังคม สมาคม มูลนิธิ และภาคเอกชน โดยตั้งแต่ปี 2565 - 2568 มีสุนัขและแมวที่ได้รับการอุปการะสะสมรวมทั้งสิ้น 512 ตัว ได้แก่ สุนัข 357 ตัว และแมว 155 ตัว (ข้อมูล ณ 31 ก.ค. 68) 

- การดำเนินงานกิจกรรมการหาบ้านให้กับสุนัขและแมวจรจัดจากศูนย์ควบคุมสุนัขกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย
(1) แคมเปญ OOH4Paws ร่วมกับ Plan B Media มูลนิธิ SOS Animal Thailand และ Dog's Dream พร้อมด้วย Influencer สายสัตว์เลี้ยง 18 ท่าน ผ่านจอโฆษณาของ Plan B มากกว่า 650 จอ และสื่อโฆษณาใน 7-Eleven 1,200 สาขาทั่วกรุงเทพมหานคร ให้ผู้ที่สนใจรับอุปการะน้องสามารถสแกน QR Code บนหน้าจอโฆษณาเพื่อดำเนินการขั้นตอนการอุปการะได้ทันที โดยผลการดำเนินการ มีสุนัขและแมวได้รับอุปการะ 23 ตัว จากจำนวนทั้งหมด 67 ตัว 
(2) ร่วมกิจกรรมงานอัณฑะเหมียวครองเมือง (Catsanova 2024 และ Catsanova 2025) ที่จัดโดยวิทยาลัยเพาะช่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ เพื่อหาบ้านให้น้องหมาน้องแมวจากบ้านประเวศ โดยผลการดำเนินการ มีแมวได้รับอุปการะจำนวน 12 ตัว 
(3) ร่วมกับสมาคมสงเคราะห์สัตว์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์และชมรมรักสัตว์โอซีดี ในกิจกรรมหาบ้านให้น้องแมวในงาน Pet Expo Championship 2025 โดยผลการดำเนินการ มีแมวได้รับอุปการะจำนวน 6 ตัว
(4) จัดกิจกรรมหาบ้านให้น้องหมาน้องแมวจากบ้านประเวศผ่านรูปแบบคาเฟ่สุนัขและแมวในงานนิทรรศการกรุงเทพมหานคร BKK Expo’2024 และ BKK Expo’2025 โดยผลการดำเนินการ ปี 2024 มีแมวได้รับอุปการะจำนวน 11 ตัว และปี 2025 สุนัขและแมวได้รับอุปการะจำนวน 18 ตัว 
(5) ประสานเครือข่ายทั้งภายในและภายนอกกรุงเทพมหานครในการช่วยสนับสนุนหรือสร้างแรงจูงใจในการรับอุปการะสัตว์จรจัด เช่น การสนับสนุน Gift Voucher สำหรับอาบน้ำตัดขนที่โรงเรียนฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร การสนับสนุนผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงในรูปแบบ Adoption set การสนับสนุนบริการปรึกษาสัตวแพทย์ออนไลน์ ทั้งนี้เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้บ้านใหม่ให้แก่สัตว์จรจัดจากบ้านประเวศ

“กรุงเทพมหานครมุ่งมั่นเดินหน้าป้องกัน แก้ไขปัญหาสุนัขและแมวจรจัดอย่างเป็นระบบ โดยเชื่อว่านโยบายที่ชัดเจนและความร่วมมือของภาคีเครือข่ายต่าง ๆ จะช่วยให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่คนและสัตว์อยู่ร่วมกันได้อย่างปลอดภัย มีสุขภาวะที่ดี และเป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับพวกเราทุกคน” รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าว 

● บ้านน้องหมาน้องแมวประเวศโฉมใหม่ ได้มาตรฐาน ดูแล-หาบ้าน เปลี่ยนจรจัดกลับสู่สถานะสัตว์เลี้ยง

เรื่องการแก้ไขปัญหาสัตว์จรผ่านการจัดการของศูนย์ควบคุมสุนัขกรุงเทพมหานคร (ประเวศ) รองปลัดฯ สุนทร กล่าวว่า เพื่อให้การดำเนินการแก้ไขปัญหาสัตว์จรจัดในพื้นที่กรุงเทพมหานครเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบ กรุงเทพมหานครจึงจัดสถานที่สำหรับรองรับสุนัขและแมวจรจัดใน 4 กรณี ได้แก่ 1. กรณีสงสัยหรือสัมผัสโรคพิษสุนัขบ้า 2. กรณีกัดทำร้ายคนที่มีหลักฐานชัดเจน 3. กรณีมีพฤติกรรมดุร้ายก้าวร้าวที่พิสูจน์ว่าเป็นจริง 4. เจ้าของสัตว์เสียชีวิตหรือสิ้นสภาพการเลี้ยง โดยไม่มีทายาทรับเลี้ยงดูแลต่อ ทั้งนี้ เพื่อให้สัตว์จรจัดได้ใช้ชีวิตอยู่ในสถานพักพิงอย่างเหมาะสมและปลอดภัย ภายใต้การดูแลเอาใจใส่จากสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่

โดยปัจจุบัน กรุงเทพมหานครมีสถานพักพิงสัตว์จรจัด 2 แห่ง คือ ศูนย์ควบคุมสุนัขกรุงเทพมหานคร (ประเวศ) และศูนย์พักพิงสุนัขจรจัดกรุงเทพมหานคร (อุทัยธานี)

สำหรับศูนย์ควบคุมสุนัขกรุงเทพมหานคร (ประเวศ) มีขนาดพื้นที่ประมาณ 13 ไร่ ติดคลองตาพุก แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร เริ่มดำเนินการประมาณปี พ.ศ. 2538 เป็นสถานที่รองรับสุนัขจรจัดจากเรื่องร้องเรียน ภายหลังจากการใช้งานอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ทำให้เกิดความชำรุดทรุดโทรมของอาคารสถานที่ตามอายุการใช้งาน ในปี พ.ศ. 2564 จึงได้ดำเนินการปรับปรุงศูนย์ควบคุมสุนัขฯ เพื่อให้มีความเหมาะสมในการดูแลสัตว์และเป็นไปตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ โดยปรับปรุงแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2567

ภายในศูนย์ฯ แห่งนี้ แบ่งเป็นเรือนเลี้ยงสุนัข 18 เรือน และเรือนเลี้ยงแมว 3 เรือน สามารถรองรับสุนัขได้ประมาณ 1,000 ตัว และแมวประมาณ 300 ตัว บริหารจัดการพื้นที่สำหรับการกักโรคเพื่อสังเกตอาการ การดูแลพักฟื้น การเลี้ยง และการรับอุปการะ

สัตว์จรจัดที่เข้ามาในศูนย์ทุกตัวจะได้รับการตรวจคัดกรองโรค กักสังเกตอาการ ฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า ผ่าตัดทำหมัน ฟื้นฟูสภาพร่างกาย และได้รับการรักษาเบื้องต้นในกรณีที่บาดเจ็บ โดยเจ้าหน้าที่จะดูแลจนกว่าจะมีเจ้าของมาติดต่อขอรับกลับคืนหรือมีผู้มาขอรับอุปการะ พร้อมทั้งสร้างความคุ้นเคยและสังเกตพฤติกรรมของสุนัขและแมว เพื่อคัดเลือกตัวที่สุขภาพแข็งแรงและมีพฤติกรรมที่เหมาะสมมาประชาสัมพันธ์หาบ้านต่อไป กรณีที่ไม่มีเจ้าของมาติดต่อขอรับกลับคืน หรือไม่มีคนมาขอรับอุปการะ สุนัขจะได้รับการเลี้ยงและดูแลต่อยังศูนย์พักพิงสุนัขจรจัดกรุงเทพมหานคร (อุทัยธานี)

นอกจากนี้ ศูนย์ควบคุมสุนัขกรุงเทพมหานคร (ประเวศ) ยังเป็นสถานที่รองรับการนำสุนัขและแมวจรจัดที่สามารถอยู่ร่วมกับชุมชนได้ มาเข้ารับการผ่าตัดทำหมัน ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ทำสัญลักษณ์ และนำกลับคืนพื้นที่เดิม เพื่ออยู่ร่วมกับชุมชนโดยไม่เพิ่มจำนวน

ในส่วนของศูนย์พักพิงสุนัขจรจัดกรุงเทพมหานคร (อุทัยธานี) มีขนาดพื้นที่ประมาณ 200 ไร่ ตั้งอยู่ที่ตำบลโคกหม้อ อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี เริ่มดำเนินการเมื่อปี พ.ศ. 2548 โดยแบ่งเป็นเรือนสุนัขขนาดใหญ่ทั้งหมด 16 โดม มีพื้นที่กว้างขวาง พร้อมทั้งมีบริเวณให้สุนัขได้วิ่งเล่นออกกำลังกาย สามารถรองรับสุนัขได้ประมาณ 4,000 - 5,000 ตัว ใช้เป็นสถานที่รองรับสุนัขจากศูนย์ควบคุมสุนัขกรุงเทพมหานคร (ประเวศ) เพื่อเลี้ยงดูแลต่อจนหมดอายุขัย และคัดเลือกสุนัขที่นิสัยเหมาะสมต่อการรับอุปการะ เพื่อนำไปฝึกการเชื่อฟังคำสั่งเบื้องต้น

นอกจากการเลี้ยงดูแลแล้ว ศูนย์ควบคุมสุนัขกรุงเทพมหานคร (ประเวศ) ยังดำเนินการหาผู้อุปการะสัตว์จรจัด โดยคัดเลือกสัตว์ที่มีสุขภาพและพฤติกรรมที่เหมาะสม พร้อมทั้งประสานความร่วมมือกับเครือข่ายในการประชาสัมพันธ์หาบ้าน คัดกรองคุณสมบัติของผู้ขอรับอุปการะที่เหมาะสม และติดตามผลการอุปการะ เพื่อส่งสัตว์จรจัดกลับสู่สถานะสัตว์เลี้ยง

กรุงเทพมหานครตระหนักว่าการจัดการสัตว์จรจัดไม่สามารถแก้ไขได้เพียงด้านใดด้านหนึ่ง หากแต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นประชาชน หน่วยงานภาครัฐ เอกชน หรือองค์กรด้านสวัสดิภาพสัตว์ เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการรักษาความปลอดภัยของประชาชน และการคุ้มครองชีวิตสัตว์อย่างมีมนุษยธรรม

ทั้งนี้ สถานพักพิงสัตว์จรจัดเป็นเพียงการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ แต่ต้นเหตุที่แท้จริงมาจากผู้เลี้ยง ซึ่งจะต้องมีจิตสำนึกรับผิดชอบทั้งต่อตัวสัตว์เองและต่อสังคมส่วนรวม

ทุกครั้งที่มีการทิ้งสัตว์ จะเป็นการเพิ่มปัญหาให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม ต้องมีสัตว์จรจัดเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งชีวิตที่ต้องเผชิญชะตากรรมอันยากลำบาก ดังนั้น จึงขอให้ผู้ที่ต้องการเลี้ยงสัตว์ คิดก่อนเลี้ยง เลี้ยงเมื่อพร้อม ทั้งที่อยู่อาศัย การให้เวลา การดูแล และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น มีความรู้ ดูแลด้วยความรักและรับผิดชอบ เพื่อให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับทุกชีวิตและพวกเราทุกคน

● เยี่ยมชมศูนย์ฯ - เชิดชู 5 เขตควบคุมแมวจรจัดได้สูงสุด

ในวันนี้ ผู้เข้าร่วมงาน Open House จะได้รับโอกาสเยี่ยมชมส่วนต่าง ๆ ของศูนย์ควบคุมสุนัขกรุงเทพมหานคร (ประเวศ) เพื่อทำความเข้าใจการทำงานและบริการของศูนย์ฯ ได้แก่ 

- คลินิกตรวจรักษาและห้องผ่าตัดสัตว์จร บริเวณชั้น 1 อาคารอำนวยการ 
- บูทของภาคีเครือข่าย อาทิ สมาคมสงเคราะห์สัตว์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ บริษัท มาร์ส เพ็ทแคร์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็ท ฟู้ด จำกัด บริษัท เพอร์เฟค คอมพาเนียน กรุ๊ป จำกัด
- เรือนสุนัขและเรือนแมว ที่จัดเตรียมไว้สำหรับผู้ที่สนใจรับอุปการะสัตว์ โดยดำเนินการร่วมกับมูลนิธิ SOS Animal Thailand

นอกจากนี้ยังมีการมอบของที่ระลึก โดยรองปลัดฯ สุนทร และการมอบเกียรติบัตร โดย พญ.ภาวิณี รุ่งทนต์กิจ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย ให้แก่สำนักงานเขตที่มีผลการดำเนินงานควบคุมจำนวนแมวจรจัดในชุมชนพื้นที่กรุงเทพมหานครสูงสุด 5 ลำดับแรก ดังนี้ 1. สำนักงานเขตบางพลัด 2. สำนักงานเขตวังทองหลาง 3. สำนักงานเขตบางกอกน้อย 4. สำนักงานเขตยานนาวา 5. สำนักงานเขตสายไหม

ผู้ร่วมงานในวันนี้ ประกอบด้วย ผู้บริหารสำนักอนามัย ผู้อำนวยการเขตประเวศ ผู้แทนภาคีเครือข่าย ได้แก่ สมาคมสงเคราะห์สัตว์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ มูลนิธิ SOS Animal Thailand มูลนิธิ The Voice เสียงจากเรา บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) บริษัท มาร์ส เพ็ทแคร์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็ท ฟู้ด จำกัด บริษัท เพอร์เฟค คอมพาเนียน กรุ๊ป จำกัด บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)

ปลัด กทม. เยี่ยมบ้านน้องหมาน้องแมวประเวศ มอบกำลังใจ-ฝากสานต่อภารกิจดูแลสัตว์จร เพื่อคนและสัตว์อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

(1 ก.ย. 68) พญ.วันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงาน ตลอดจนภาคีเครือข่าย ณ ศูนย์ควบคุมสุนัขกรุงเทพมหานคร (ประเวศ) เขตประเวศ หรือ “บ้านน้องหมาน้องแมวประเวศ” โดยได้กล่าวถึงความเป็นมาในการดำเนินงานด้านการแก้ไขปัญหาสัตว์จรจัดในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่กรุงเทพมหานครได้ดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องเป็นหลักสิบปี พร้อมฝากให้ทุกคนช่วยสานต่องานให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้คนและสัตว์สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างปลอดภัยและมีความสุขในเมืองหลวงแห่งนี้