In News
'ภูมิธรรม'ยังอุ๊บไต๋เรื่อง'ยุบสภา'ชี้ยังไม่คิด เอกชนดาหน้าฝากการบ้านรัฐบาลใหม่

ภูมิธรรม ลั่นยุบสภายังไม่อยู่ในหัว ถามพรรคประชาชนพูดชัดๆ ภท.น่าไว้ใจกว่าพท.ตรงไหน อยากให้สวมหัวใจประชาธิปไตย อย่าใช้ความโกรธเกลียดชัง ขณะที่ภาคเอกชน ธุรกิจ นักวิชาการ ออกมาแสดงมุมมองกันหลากหลาย มองถึงรัฐบาลใหม่ ควรเร่งฟื้นเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่น ขณะที่ส.อ.ท.ฝากการบ้านรัฐบาลใหม่ 4เรื่องใหญ่ ส่วนกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ รัฐบาลใหม่ถึงจะเป็นรัฐบาลชั่วคราวยังดีกว่าไม่มีความชัดเจนอย่างที่ผ่านมา เชื่อว่าความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจจะดีขึ้น
เมื่อเวลา 09.35 น. วันที่ 2 ก.ย.68 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ปฎิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนว่า ยังไม่ได้หารือ เรื่องการยุบสภา อยู่ในขั้นตอนกระบวนการจนกว่าจะจับมือตั้งรัฐบาลไปจนถึงการเลือกนายกฯ ซึ่งอยู่ในกระบวนการ แต่เวลานี้อยู่ในช่วงเวลาการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน มีการช่วงชิงการพูดคุย การทำความเข้าใจ และตกลงจะร่วมรัฐบาลกัน แต่ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน
"ขณะนี้พรรคประชาชน ยังไม่บอกว่าจะไม่เอาพรรคเพื่อไทย และไม่ได้บอกว่าไม่เอาพรรคภูมิใจไทยเช่นกัน ทุกอย่างยังเหมือนเดิม เพียงแต่พรรคประชาชนยังไม่มีข้อสรุปที่เป็นทางการ เขายังมีความเห็นต่างอยู่ ต้องรอให้เขาตัดสินใจให้ชัดเจน กลไกประชาธิปไตยมีหนึ่งสองสามสี่ ให้ทำ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้เจรจาจนข้อยุติ จะโหวตให้ใคร แล้วโหวตจะได้หรือไม่ได้ก็ยังไม่รู้ เพราะความเห็น สส.ในที่ประชุมของพรรคประชาชนก็ยังแตกกัน วันนี้จะต้องชัดเจน เพื่อเสนอชื่อเข้าสภา แล้วโหวตให้สำเร็จ คำถามทุกอย่างก็จะหมดไป
ในด้านมุมมองภาคเอกชน ธุรกิจและนักวิชาการก็กำลังจับตาในการโหวตนายกฯและตั้งรัฐบาลชุดใหม่ เพื่อมาบริหารประเทศอีกประมาณ2 ปีข้างหน้า
นักวิชาการชี้รัฐบาลใหม่ต้องเร่งแก้ไขปัญหาศก.
นายสมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระ ให้ความเห็นว่า แนวโน้มความร่วมมือในการจัดตั้งรัฐบาล โดยเฉพาะส่วนของพรรคประชาชน ที่ประกาศพร้อมสนับสนุนคะแนนเสียงในสภาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีให้กับพรรคที่พร้อมรับเงื่อนไขของพรรค โดยเฉพาะการยุบสภาใน 4 เดือน รวมถึงทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งทั้งพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย ก็พร้อมรับข้อเสนอของพรรคประชาชน แม้ช่วงก่อนหน้านี้จะมีแนวความคิดที่ไม่สอดคล้องกัน และมีการล้มข้อตกลงจัดตั้งรัฐบาลไป ตอนนี้จึงขึ้นอยู่กับว่าพรรคประชาชนจะเลือกเชื่อใจฝ่ายใดมากกว่ากัน แต่ไม่ว่ารัฐบาลที่ขึ้นมาแบบนี้จะเป็นใครก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงหรือแตกต่างจากเดิม เพราะมีเวลาทำงานไม่มากนัก กลับกันต้องแก้ไขปัญหาความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น ทั้งผลกระทบของภาษีสหรัฐ ปากท้องของประชาชน ซึ่งเป็นปัญหาจากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว
มุมมองของส.อ.ท.กับนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ให้ความเห็น ถึงนโยบายเร่งด่วน สิ่งแรกที่รัฐบาลควรเป็นดำเนินการ ต้องทำคือสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนเพราะวันนี้โลกกำลังจับตาประเทศไทย หากรัฐบาลส่งสัญญาณความมั่นคงและนโยบายต่อเนื่องได้ เงินลงทุนและการค้าจะฟื้นเร็วขึ้น ส่วนนโยบายเร่งด่วน ที่ควรดำเนินการควบคู่กันไปมี 3 เรื่อง ประกอบด้วย
1. ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ด้วยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในธุรกิจ และการพัฒนาทักษะใหม่ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน
2.ลดต้นทุน เพิ่มศักยภาพแข่งขัน ผ่านการจัดการพลังงานและลงทุนโครงสร้างพื้นฐานโลจิสติกส์
3. สร้างเสถียรภาพ ทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ เพื่อป้องกันความผันผวนจากปัจจัยภายนอก เช่น อัตราเงินเฟ้อโลก ราคาพลังงาน และมาตรการทางการค้าจากต่างประเทศ
อสังหามอง ‘ยุบสภา’ ทางออกวิกฤตการเมือง
ด้าน นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย ให้ความเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เกิดขึ้น และนำไปสู่การเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลใหม่นั้น ไม่เหนือความคาดหมาย เพราะทุกคนเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดีว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้การเมืองมีความชัดเจน จากเดิมที่อาจจะมีความไม่แน่นอน ทำให้ภาคเอกชนไม่มีความเชื่อมั่น ถึงแม้จะเป็นรัฐบาลชั่วคราวที่รอการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ในอีก 4-6 เดือนข้างหน้าก็ตาม เพราะในช่วงระยะสั้นยังมีงบประมาณปี 2569 ที่ผ่านการอนุมัติมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
สำหรับผลกระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ คือ แผนแก้หนี้ครัวเรือนมูลค่า 13.5 ล้านล้านบาท ของรัฐบาลที่สะดุด เนื่องจากต้องรอรัฐบาลใหม่มาสานต่อ ที่รัฐบาลได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อยขึ้นมา พร้อมตั้ง 10 คณะอนุกรรมการมาสแกนหนี้แต่ละด้าน ประกอบด้วย 1.คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ 2.คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา 3.คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้เงินกู้สวัสดิการข้าราชการและพนักงานของรัฐ 4.คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ 5.คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล
6.คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 7.คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรรายย่อย 8.คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้บ้าน 9.คณะอนุกรรมการกำหนดแนวทางไกล่เกลี่ยหนี้สินอย่างเป็นธรรม ยั่งยืน ยกระดับปรับปรุงกระบวนการยุติธรรม และปรับปรุงโครงสร้างทางการเงิน และ 10.คณะอนุกรรมการกำหนดหลักการกลางในการพิจารณาแนวทางการแก้ไขหนี้สินทั้งระบบและแนวทางการปรับปรุงโครงสร้างหนี้สิน