Automotive info
เปิดเวทีสัมมนา5-Axis Seminar 2025 ยกระดับมาตรฐานการผลิตชิ้นส่วนไทย

กรุงเทพฯ-อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนไทยกำลังเร่งปรับตัวเข้าสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต ทั้งยานยนต์ไฟฟ้า เครื่องมือแพทย์ และอากาศยาน ล่าสุดภาคเอกชนร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกเปิดเวทีสัมมนา 5-Axis Seminar 2025 เพื่อแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ด้านเทคโนโลยี 5 แกนและระบบอัตโนมัติ (Automation) ภายใต้แนวคิด “5-Axis – The New Standard of Manufacturing” ภายในงานฯ ยังเน้นถึงเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีสูงสุดถึง 100% สำหรับผู้ลงทุนในระบบอัตโนมัติ ช่วยให้ผู้ประกอบการไทยเลือกลงทุนและใช้เทคโนโลยีได้อย่างคุ้มค่า เพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และก้าวสู่มาตรฐานการผลิตสากล
นายรัชศักดิ์ เกิดภู่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมชชีนเทค จำกัด กล่าวถึง บทบาทและการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนของไทย เพื่ออยู่ในระบบนิเวศอุตสาหกรรมใหม่และอุตสาหกรรมแห่งอนาคตว่า ประเทศไทยอยู่ในสถานะผู้ผลิตชิ้นส่วนสำคัญของภูมิภาคมายาวนาน ทั้งในกลุ่มยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และแม่พิมพ์ โดยมีจุดแข็งด้านแรงงานฝีมือ ระบบซัพพลายเชนที่เข้มแข็ง และมาตรฐานการผลิตที่เชื่อถือได้
อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและแนวโน้มอุตสาหกรรม ตลอดจนความต้องการของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ทำให้ผู้ผลิตจำเป็นต้องปรับตัวเข้าสู่อุตสาหกรรมใหม่และอุตสาหกรรมแห่งอนาคต โดยเฉพาะกลุ่ม ยานยนต์ไฟฟ้า เครื่องมือแพทย์ และอากาศยาน ดังนั้นการลงทุนด้านเครื่องจักรและซอฟต์แวร์ การพัฒนาทักษะแรงงานขั้นสูง และการนำเทคโนโลยีใหม่ เช่น Automation, Digitalization, AI และ Smart Manufacturing มาใช้ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดความผิดพลาด และยกระดับการผลิตให้มีความแม่นยำสูงขึ้นในเวลาส่งมอบที่สั้นลง
โดยเฉพาะเทคโนโลยีเครื่องจักร 5 แกน (5-Axis) ซึ่งเป็นเครื่องจักร CNC ที่เคลื่อนที่ได้พร้อมกัน 5 ทิศทาง ทำให้สามารถตัด กัด เจาะ และขึ้นรูปชิ้นงานได้อย่างละเอียดและซับซ้อนมากกว่าเครื่องจักรแบบ 3 หรือ 4 แกนทั่วไป รองรับการทำงานร่วมกับระบบ Automation และสามารถผลิตได้ทั้งจำนวนมาก (Mass Production) และสินค้าหลากหลายรูปแบบ (High-Mix Low-Volume) การนำเทคโนโลยี 5-Axis มาใช้ จะช่วยยกระดับการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพ ลดข้อผิดพลาด และเสริมศักยภาพการแข่งขันให้ผู้ประกอบการไทยคงความเป็นฐานการผลิตสำคัญของภูมิภาคและของโลกได้อย่างมั่นคง
ดังนั้นเพื่อส่งเสริมความรู้และแนวทางการลงทุนที่คุ้มค่า ผู้เชี่ยวชาญ สมาคม และพันธมิตรในอุตสาหกรรมเครื่องจักร 5 แกนจากทั่วโลก จึงได้ร่วมกันจัดงาน 5-Axis Seminar 2025 ขึ้น ระหว่างวันที่ 2–3 ตุลาคม 2568 ณ อีสติน ธนาซิตี้ กอล์ฟ รีสอร์ท กรุงเทพฯ เพื่อแบ่งปันประสบการณ์และแนวทางการใช้เทคโนโลยี 5-Axis ให้เหมาะสมกับการผลิตแก่ผู้ประกอบการไทย
ด้านนายสิริวัฒน์ ไวยนิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การผลิตอัตโนมัติและหุ่นยนต์ สถาบันไทย-เยอรมัน (TGI) กล่าวว่า แนวโน้มการผลิตของไทยกำลังก้าวสู่ระบบอัตโนมัติที่ผสานเทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น ลดข้อผิดพลาด และยกระดับผลผลิต ทำให้ผู้ประกอบการได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่รวดเร็วขึ้น และแข่งขันได้ในตลาดโลกที่ซับซ้อนมากขึ้น การจัดสัมมนา 5-Axis Seminar 2025 จึงเป็นอีกเวทีสำคัญในการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี 5 แกน ระบบอัตโนมัติ และหุ่นยนต์ ตลอดจนการพัฒนาบุคลากรให้พร้อมทำงานร่วมกับเครื่องจักรยุคใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับมาตรการสนับสนุนของภาครัฐนั้น ปัจจุบันกรมสรรพากรร่วมกับศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ (CoRE) เปิดให้ผู้ประกอบการที่ลงทุนในระบบ Automation สามารถยื่นขอยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลได้สูงสุด 100% ของมูลค่าการลงทุน ครอบคลุมทั้งเครื่องจักรและซอฟต์แวร์ที่เชื่อมกับระบบอัตโนมัติ โดยใช้สิทธิ์ได้ต่อเนื่องนานถึง 5 รอบบัญชี ทั้งนี้ต้องเป็นโครงการที่ลงทุนจริงระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2564 – 31 ธันวาคม 2568 และผ่านการรับรองจาก CoRE ว่าเป็นระบบ Automation ที่เข้าเกณฑ์
ส่วนนายสุรชัย ตั้งธราธร ประธานบริษัท เอช เอส เอ็ม แมชชีนเนอรี่ จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายเครื่องจักรอุตสาหกรรม และผู้บุกเบิกการนำเข้าเครื่องจักร 5 แกน ประสิทธิภาพสูงจากเยอรมนีและไต้หวัน กล่าวว่า ตลาดเครื่องจักร 5 แกน ในประเทศไทยมีการเติบโตต่อเนื่อง สอดคล้องกับความต้องการของโรงงานที่ต้องผลิตชิ้นงานซับซ้อนและแม่นยำสูง โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่และอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ขณะเดียวกันยังได้รับแรงสนับสนุนจากภาครัฐผ่านมาตรการด้านสิทธิประโยชน์ทางภาษี ทำให้ผู้ประกอบการสามารถลงทุนได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
สิ่งที่เห็นได้ชัดสำหรับผู้ประกอบการที่ปรับใช้เทคโนโลยี 5 แกน ร่วมกับระบบ Automation คือ สามารถยกระดับประสิทธิภาพการผลิต ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น และสร้างความสามารถในการแข่งขันได้ดียิ่งขึ้น ถือเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมไทยในการตอบโจทย์ตลาดที่เปลี่ยนแปลงและเชื่อมโยงสู่ห่วงโซ่การผลิตระดับโลกด้วย