Biz news

กกร.ปราจีนบุรีจ่อยื่น'นายกฯอนุทิน'ชี้ขาด การเพิ่มจังหวัดปราจีนบุรีเป็นพื้นที่อีอีซี



ปราจีนบุรี-ที่ จ.ปราจีนบุรี มี เรื่องร้อน – เรื่องใหญ่ ใน ภูมิภาคตะวันออกและในประเทศไทย ที่ “ยังไม่ลงตัว”หลังจากคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย คณะกรรมการร่วมสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย , สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ สมาคมธนาคารไทย  เสนอให้เพิ่มจังหวัดปราจีนบุรีเป็นส่วนหนึ่งของ EEC 

โดยทางคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) มอบหมายให้ สกพอ. ศึกษาความเป็นไปได้  เสนอให้เพิ่มจังหวัดปราจีนบุรีเป็นส่วนหนึ่งของ EEC ซึ่งตอนนี้  (ระหว่าง ก.ค.  -ก.ย. 68)  กำลังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาศักยภาพและความเหมาะสม โดยมีสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นผู้ดำเนินการศึกษา   พบว่าก่อนที่จะนำผลการศึกษา   สรุปสู่บอร์ด EEC และ ครม.ในเดือน ก.ย.นี้  มี 2 ฝ่ายทั้ง  กลุ่มคัดค้านไม่เอาEEC ที่จัดม็อบปิดเวทีเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง) รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายการขยายพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)   และ  ม็อบ  ของกลุ่มที่สนับสนุนต้องการEEC  ส่งผลให้การศึกษาของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ EEC ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย!ตามวัตถุประสงค์

นางนวรถ ปะรักมะสิทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักแผนภาพรวมสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ EEC กล่าวว่า   ได้มีการเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง) รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายการขยายพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทั้งกลุ่มย่อย ใน 7 อำเภอ และ เวทีรวม เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย กำหนดบทบาทของจังหวัดในการเชื่อมโยงกับพื้นที่ EEC  ให้แล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2568 นี้

ได้เริ่มประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) ครั้งที่2  ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายขยายพื้นที่เขตพัฒนาภาคตะวันออก จ.ปราจีนบุรี ตามกำหนดการของทั้ง 7 อำเภอ ตั้งแต่ 18 ก.ค.68 เป็นต้นมา ในการแนะนำบทบาทของ EEC    แก่ประชาชนทราบ มี 2 ข้อ คือ 

ข้อ 1 ชักชวนให้เกิดการลงทุนในพื้นที่ต่าง ๆ   ทุกคนคิดว่าเป็นการลงทุนของต่างชาติ ที่จริงแล้วจะเป็นการลงทุนของต่างชาติและในประเทศเราเอง การลงทุนไม่ใช่อุตสาหกรรมอย่างเดียว การลงทุนด้านอุตสาหกรรม ด้านบริการและทางการแพทย์หรือ ดิจิตอล ฉะนั้นในส่วนนี้เป็นการลงทุนในสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด   และ  ข้อ 2 เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนวิธีการในการ เป็น การเชื่อมประโยชน์กับการลงทุนที่ การของเข้ามาในจังหวัดของเรานี้เชื่อมกับตัวชุมชนเอง ถึงผลประโยชน์ที่จะกระจายสู่ ชุมชนจะเอาข้อคำถามต่างๆนี้ ไปสะท้อนเพื่อการวางแผน ถ้ากรณีที่ปราจีนบุรีได้รับการยอมรับได้เข้าไป 1 ในจังหวัดในพื้นที่ EEC ในส่วนนี้จะไม่สูญเปล่า

ประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) ครั้งที่2 เป็นของการจัดทำความคิดเห็นเสนอแนะในพื้นที่ประชุม ได้มาเสนอว่าพื้นที่นี้ต้องการอะไรอยากได้อะไร หรือ มีปัญหาอะไร  ข้อมูลนี้จะได้นำเสนอต่อรัฐบาลจะพิจารณาว่าปราจีนบุรีจะเป็นพื้นที่ EEC หรือเปล่า หากเป็น EEC ถ้าได้  เราจะเอาข้อคิดเห็นทั้งหมดเอามาวางแผนในการพัฒนาต่อไปจะได้ EEC หรือ ไม่ ได้ EEC ขึ้นอยู่กับ ประชาชน

มาฟังความคิดเห็นของประชาชน  ฝากถึงประชาชนถ้าได้ EEC ก็จะ มีการวางแผน พัฒนาการทำงานร่วมกับจังหวัดในอนาคต   สิ่งที่เราจะบอกว่า EEC ไม่ใช่ผู้ร้าย ไม่ใช่ทำอุตสาหกรรมอย่างเดียวมี 2 ส่วน ตามกฎหมายของ EEC เรา ให้แค่ 12 อุตสาหกรรมเท่านั้นที่เราจะสนับสนุนให้มาลงในพื้นที่ ฉะนั้นอุตสาหกรรมในพื้นที่ปราจีนบุรีอาจจะเป็นอุตสาหกรรมเกษตร หรือทางการแพทย์ ขึ้นอยู่กับศักยภาพของจังหวัด นางนวรถกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงาน   พบเมื่อวันที่ 28 ส.ค.68  ขณะ  เปิดเวทีการประชุมรับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง) รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายการขยายพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในภาพรวม   ซึ่งมีนายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรีเป็นประธานเปิด มีหัวหน้าส่วนราชการ ทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมากรวมกว่า 600 คน ณ หอประชุมอำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี

ได้มีกลุ่มผู้ประชุม 2 ฝ่าย ประกอบด้วย กลุ่มเห็นด้วยกับ EEC มีประมาณ 400 - 500 คน และ กลุ่มไม่เห็นด้วยส่วนใหญ่เป็นประชาชนที่มาจากอำเภอกบินทร์บุรีอำเภอมหาโพธิ์ ประมาณ 100 คน โดยกลุ่มไม่เห็นด้วยได้เตรียมป้ายผ้า และ ป้ายโปสเตอร์กระดาษ “ไม่เอา EEC” ตั้งแต่ก่อนร่วมเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น

ผู้ร่วมแสดงความคิดหลัก ถูกยึดเวทีโดย กลุ่มคัดค้านไม่เอาEEC อาทิ นายสุนทร คมคาย ประธานเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน (ทสม.) , นางระตะนะ ศรีวรกุล ประธานเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ปราจีนบุรี , นายสุเมธ เหรียญพงษ์นาม กลุ่มปราจีนบุรีเข้มแข็ง  แสดงความเห็นโดยรวม สรุปว่า ..

... คัดค้านการเสนอให้ปราจีนบุรีเป็นพื้นที่ขยายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ให้ยุติการ โครงการจัดจ้างที่ปรึกษาจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายการขยายพื้นที่เขต EEC จนกว่าจะมีการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) อย่างมีส่วนร่วมจากประชาชน ทุกระดับ โดยเสนอให้จัดเวทีแลกเปลี่ยนข้อดี-ข้อเสียระหว่างภาครัฐและภาคประชาสังคมอย่างโปร่งใส กฎหมาย EEC จะส่งผลกระทบต่อยกเลิกผังเมืองเดิมและจัดทำผังการใช้ประโยชน์ที่ดินใหม่โดยไม่ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วม ส่งผลให้พื้นฐานเศรษฐกิจของภาคตะวันออก เช่น เกษตรกรรมและการท่องเที่ยว ถูกลดความสำคัญและอาจเสียสิทธิในที่ดินปราจีนบุรีเป็นแหล่งผลิตอาหารและสมุนไพรสำคัญของประเทศ มีความอุดมสมบูรณ์ทั้งทรัพยากรธรรมชาติและแหล่งท่องเที่ยว แต่การขยายพื้นที่อุตสาหกรรมจะยิ่งทำลายระบบนิเวศ เกิดมลพิษในแม่น้ำ และส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของชุมชนโดยรวม

นอกจากนี้โรงงานอุตสาหกรรมเดิมจำนวนมากอยู่แล้ว ยังเผชิญกับปัญหา แรงงานต่างด้าว ภาวะมลพิษซ้ำซาก ทั้งกลิ่นเหม็น น้ำเสีย และเสียงดัง โดยเฉพาะการเข้ามาของ “ทุนจีนเถื่อน-จีนเทา” ที่ดำเนินกิจกรรมรีไซเคิล หล่อหลอม และฝังกลบขยะอุตสาหกรรม ยิ่งสร้างภาระให้ชุมชน หากยังเดินหน้าผลักดันให้เป็นเขต EEC อาจทำให้ปราจีนบุรีกลายเป็น “ถังขยะอุตสาหกรรม” ของกลุ่มทุนต่างชาติในอนาคต ...

จากนั้นกลุ่มไม่เอาEEC ได้นำป้ายผ้าความยาวกว่า 20 เมตรมาขึงกลางหน้าเวทีประชุมพร้อมส่งเสียงไม่เอา EEC จนต้องปิดเวทีการประชุม ขณะที่อีกฝ่ายที่สนับสนุนEEC ไม่มีโอกาสได้แสดงความคิดเห็นใด ๆ

นายสุเมธ เหรียญพงษ์นาม เครือข่ายชาวปราจีนเข้มแข็งชาวตำบลกรอกสมบูรณ์ อำเภอศรีมหาโพธิ กล่าวว่า “สำหรับโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษของ EEC. เป็นนโยบายของภาครัฐ ซึ่งมี 2 ด้าน เหมือนเหรียญคือ ดี กับด้านไม่ดี ตนคิดว่า สำหรับปราจีนบุรีมองว่าถ้า EEC.เข้ามาเป็นกฎหมายพิเศษที่ชาวบ้านยังไม่รู้ออกมาจากคำสั่งของ คสช.แปลงร่างเป็นเขตเศรษฐกิจเศษ EEC. เป็นกฎหมายของเผด็จการ ให้ความเหลื่อมล้ำกับประชาชนในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี  โดยเฉพาะเมื่อ EEC.มาเกิดขึ้น  และ ทุกวันนี้ในปราจีนฯมีทั้งโรงงานถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย-โรงงานเถื่อน ที่สร้างผลกระทบ

ปราจีนบุรีถ้า EEC.เข้ามา จากการพูดคุยนั้น ชาวบ้านยังไม่ทราบ. EEC เราต้องทำความรู้จักก่อนไหม     แต่ สิ่ง EEC เข้ามา คนที่ได้ประโยชน์ คือตอนนี้ ที่ดินราคาที่สูงขึ้นเริ่มต้นคือนายทุน นายทุนที่ถือครองที่ขายที่ดินคือผู้ได้ประโยชน์ 

เรื่องต่อไปการที่จะสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานที่จะเข้ามามีถนนหนทางที่ดีขึ้น ความเจริญเข้ามา นั้นถ้ามี EEC. ย้อนมองกลับดู EEC. ใน 3 จังหวัด 5 ปีผ่านมา ยังไม่มีเวทีแถลงความสำเร็จเลย ฉะนั้นถ้า EEC.เข้ามา จ.ปราจีนบุรีแทบจะไม่ได้อะไรเลย

เพราะว่าวันนี้ถ้า EEC.เข้ามา ด้วยกฎหมายพิเศษ EEC.สามารถตั้งโรงงานได้ สิ่งแรกกฎหมายพิเศษ EEC.ทำคือการเปลี่ยนผังเมืองรวมทั้งหมดได้ทันที และตอนนี้ร้อยละเกือบ 99 โรงงานที่เข้ามาเป็นคนจีน ทุนจีน โรงงานจีนแรงงานส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าวคนไทยนั้นมีน้อยมาก ตอนนี้ ปราจีนบุรีเรายังไม่สามารถแก้ปัญหาโรงงานจีนเถื่อน จีนเทา ขยะมากมายได้ 

ด้านนายสุนทร คมคาย ประธานเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน (ทสม.) กล่าวว่า ไม่เห็นด้วย ในฐานะเป็นแกนนำ ของคน ปราจีนบุรี เข้มแข็ง เราคิดว่า เสียงของพี่น้องชาวปราจีนบุรีปกติขอตัดสินของ ความสำคัญดินน้ำป่า เห็นความสำคัญ ด้วยตัวเองของพี่น้องชาวปราจีนบุรี ขอการพัฒนาแบบปกติการพัฒนาจากท้องถิ่นเห็นแก่คนตัวเล็กตัวน้อยคนรากหญ้า พัฒนาเพิ่มเติบโตขึ้นมีรายได้ที่ดีขึ้นไป ไม่ได้การลงทุน จากต่างชาติ แรงงานต่างด้าว นายสุนทรกล่าว

ล่าสุด วันที่ 1 กันยายน 2568 ที่ศูนย์ราชการจังหวัดปราจีนบุรี ต.ไม้เค็ด อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี กลุ่มชาวปราจีนบุรี ต้องการ EEC รวมกว่า 200 คนจาก อ.ประจันตคาม อ.เมืองปราจีนบุรี และ อ.บ้านสร้าง มีแกนนำประกอบด้วยกำนัน – ผู้ใหญ่บ้าน ,หอการค้า จ.ปราจีนบุรี พร้อมป้ายผ้าข้อความ ชาวปราจีนฯต้องการEEC ได้มาปราศรัยสนับสนุนการนำพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรีเข้าเป็นส่วนหนึ่งในเขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC 

จากนั้นได้เข้ายื่นหนังสือข้อเรียกร้องต่อ นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อส่งต่อให้กับรัฐบาล-นายกรัฐมนตรีในการพิจารณานำพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรีเข้าเป็นส่วนหนึ่งในเขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก EEC ต่อไป

นายอัมรินทร์ เรือนศรี ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอประจันตคาม กล่าวว่า   มายื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัด ถึงนายกรัฐมนตรี เนื้อหากล่าวระบุ ว่า ... ด้วยจังหวัดปราจีนบุรี มีความพร้อมทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน ศักยภาพทางเศรษฐกิจ และทรัพยากรมนุษย์ อันเหมาะสมต่อการพัฒนาและเชื่อมโยงกับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

ประชาชนในพื้นที่ มีความประสงค์อย่างยิ่งที่จะได้รับการพิจารณาสนับสนุนให้จังหวัดปราจีนบุรี เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ EEC เพื่อยกระดับเศรษฐกิจ การลงทุนการจ้างงาน และคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยพร้อมที่จะให้ความร่วมมือและดำเนินการตามนโยบายภาครัฐอย่างเต็มกำลัง เพื่อให้จังหวัดปราจีนบุรีมีการพัฒนา มีการสร้างความร่วมมือ ระหว่างเอกชน และชุมชน โดยหวังให้รัฐบาลสนับสนุนจังหวัดปราจีนบุรี เมื่อเป็นพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ดังนี้

เศรษฐกิจและการลงทุน ขอให้สนับสนุนการลงทุนในธุรกิจท้องถิ่นและ SNEs ดึงดูดโครงการใหม่ ๆ เช่น การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ เกษตรแปรรูป หรืออุตสาหกรรมสะอาดผลักดันโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษ (เช่น EEC) ที่สอดคล้องกับศักยภาพของจังหวัด โครงสร้างพื้นฐานได้รับการพัฒนาจากภาษีที่เข้าจังหวัดเพิ่มขึ้น มีการพัฒนาถนนรถไฟ และระบบขนส่งสาธารณะ พัฒนาเมืองอัจฉริยะ Smart City ยกระดับอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ให้ประชาชนและธุรกิจเข้าถึงได้ทั่วถึง

สังคมและคุณภาพชีวิต ได้รับการพัฒนาการศึกษาและทักษะอาชีพ เพื่อให้คนในท้องถิ่นมีโอกาสทำงานในพื้นที่ มีการจ้างงานใหม่จำนวนมาก ทั้งแรงงานทั่วไปและแรงงานทักษะสูงมีรายได้ประชากรเพิ่มมากขึ้น ยกระดับการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมให้สะอาด ปลอดภัย สร้างพื้นที่สีเขียวและแหล่งนันทนาการ

วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ได้รับการส่งเสริมเอกลักษณ์ท้องถิ่น เช่น อาหารงานฝีมือ ประเพณี พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจสร้างสรรรค์ จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาให้การสนับสนุนและผลักดันจังหวัดปราจีนบุรีให้เป็นจังหวัดในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ชาวจังหวัดปราจีนบุรีโดยส่วนรวม

ด้าน นางรัชนี เทียบแก้ว ผู้สนับสนุน EEC ชาว อ.ศรีมโหสถ กล่าวว่า จังหวัดอื่นๆอยากจะได้EEC แต่ก็ไม่มีโอกาส เราอย่ามาขัดแย้งกันเลย เมื่อเรามีโอกาสเรามาคุยกันและรับสิ่งดีๆในความเป็น EEC หรือการขยายพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ให้กับจังหวัดปราจีนบุรี นางรัชนี กล่าว
 
อนึ่ง โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ Eastern Economic Corridor (EEC) หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ อีสเทิร์นซีบอร์ด (Eastern Seaboard) เป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาพื้นที่ใน 3 จังหวัดพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก ได้แก่ ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา ให้เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย

เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อยกระดับประเทศไทยสู่ยุค Thailand 4.0 โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเชิงพื้นที่ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย    การบริหารจัดการ   อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน   ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเป็นแกนหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งในส่วนของการขยายตัวทางเศรษฐกิจภายในประเทศและการค้าระหว่างประเทศ

ระบบ EEC หมายถึง เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) เป็นโครงการยุทธศาสตร์ของประเทศไทยเพื่อพัฒนาพื้นที่ 3 จังหวัด (ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา) ให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ดึงดูดการลงทุน พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้เติบโตอย่างยั่งยืน

วัตถุประสงค์และเป้าหมายหลักส่งเสริมการลงทุน  ยกระดับอุตสาหกรรมของประเทศ เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และทำให้เศรษฐกิจเติบโตในระยะยาว พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาคมนาคมขนส่ง เช่น รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการท่าเรือน้ำลึก และระบบโครงข่ายอัจฉริยะในพื้นที่ ยกระดับอุตสาหกรรมเป้าหมาย  ส่งเสริมอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง สร้างเมืองอัจฉริยะ  พัฒนาพื้นที่ภาคตะวันออกให้เป็นเมืองอัจฉริยะ ดึงดูดนักลงทุนและเพิ่มคุณภาพชีวิต

ความสำคัญของโครงการ EEC ต่อยอด Eastern Seaboard   เป็นการต่อยอดความสำเร็จจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก(Eastern Seaboard) ที่ดำเนินมานานกว่า 30 ปี

โดยผลลัพธ์ที่คาดหวัง  คือ การสร้างงานและโอกาสทางอาชีพที่เพิ่มขึ้น การเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ การพัฒนาพื้นที่ให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจอัจฉริยะและเป็นประตูการค้าที่สำคัญของภูมิภาค

การบริหารจัดการ   อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน   ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเป็นแกนหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งในส่วนของการขยายตัวทางเศรษฐกิจภายในประเทศและการค้าระหว่างประเทศ

มานิตย์  สนับบุญ-รายงาน/ณัฐนันท์-จุฑารัตน์ - ภาพ /ปราจีนบุรี