In News
จีบีซีไทย-เขมรราบรื่นเห็นชอบ5ประเด็น 'ถอนอาวุธหนัก-กู้ทุ่นระเบิด-ปราบคอลฯ'

เกาะกง กัมพูชา-ผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชาหรือGBC สมัยพิเศษ ครั้งที่1/2568 ราบรื่นทั้ง2ฝ่ายยอมรับ 5เรื่องสำคัญลดความตรึงเครียดชายแดน ถอนอาวุธหนักจากชายแดน ร่วมกันเก็บกู้ทุ่นระเบิด การปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ หรือ สแกมเมอร์ การบริหารจัดการพื้นที่ชายแดน และการผ่อนปรนจุดผ่านแดน พร้อมย้ำนายกฯอนุทิน ให้นโยบายเน้นปกป้องอธิปไตย ให้บทบาทกองทัพและดูแลประชาชน ประชุมGBC อีกครั้งใน30วันโดยไทยเป็นเจ้าภาพ
10 ก.ย. 2568 เวลา 12.30 น. "พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย–กัมพูชา หรือ GBC สมัยพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่าติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการผลการประชุมจีบีซี ที่ประเทศมาเลเซีย รวมทั้งข้อตกลงหยุดยิง รวมทั้งแนวทางการดำเนินการต่อไปเพื่อนำสันติภาพและความสงบสุขนำพื้นที่ชายแดนได้อย่างถาวร
การหารือวันนี้เป็นไปอย่างราบรื่นที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าหลายด้าน ถือเป็นความสำเร็จใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างกัน และยืนยันว่าทั้งสองฝ่ายจะยึดมั่นแนวทางในต่อไป ถึงแม้ว่ามีข้อห่วงกังวลบางประการที่ทำให้ฝ่ายไทยและประชาชนไทยไม่สบายใจ และอาจเป็นอุปสรรคต่อความฟื้นฟูความเชื่อมั่น และความไว้วางใจให้เป็นไปอย่างดังเดิมอยู่บ้างอยู่ ก็ตามแต่สิ่งที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน และเป็นพัฒนาการสำคัญ
1. การถอนอาวุธหนัก และยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูงออกจากพื้นที่ชายแดน กลับสู่ที่ตั้งปกติ โดยฝ่ายเลขานุการ GBC และ RBC จะหารือกันภายใน 3 สัปดาห์ เพื่อจัดทำแผนดำเนินการ และเริ่มเคลื่อนย้ายกำลังตามกรอบเวลาที่กำหนด โดยให้คณะผู้สังเกตการณ์ (IOT) มาร่วมสังเกตการณ์
2. การเก็บกู้ วัตถุระเบิด จะมีการตั้งคณะประสานงานร่วม ประกอบด้วย ฝ่ายเลขานุการ GBC และสูงทุ่นระเบิดของถ่ายในกัมพูชา ภายใน1สัปดาห์ เพื่อจัดทำแผนเก็บกู้ถูกระเบิดและแผนนำร่องตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มดำเนินการทันทีภายใน 1 เดือน
3 การปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ หรือ สแกมเมอร์ ได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติของทั้ง 2 ฝ่าย ตั้งคณะทำงานภายใน 1 สัปดาห์เพื่อจัดทำแผนปฏิบัต่งานร่วมกัน ทั้งนี้ ฝ่ายไทย ได้ส่งมอบข้อมูลพิกัดที่ตั้งสแกมเซนเตอร์ กว่า 60 แห่งให้กัมพูชา ให้ไปดำเนินการปราบปรามขั้นเด็ดขาด ซึ่งเป็นสิ่งที่คณะทำงานนี้จะหารือกัน ซึ่งผู้แทนของตำรวจไทยและรองผู้บัญชาการตำรวจกัมพูชาได้หารือกันนอกรอบ เพื่อนัดหมายการประชุมประสานงานตามข้อตกลงนี้เรียบร้อยแล้ว โดยมีกำหนดการวันที่ 16 ก.ย. ที่จังหวัดสระแก้ว
4. การบริหารจัดการพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะกรณีบ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม( JBC) ไทยกัมพูชา หารือเพื่อให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับพื้นที่ดังกล่าว และให้คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) หารือแนวทางการบริหารจัดการ บนพื้นฐานผลการหารือในกรอบ GBC โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว และผู้ว่าฯจังหวัดบันเตียเมียนเจย ประสานงานกันเพื่อการบริหารจัดการสถานการณ์ ให้เกิดความสงบเรียบร้อย ทั้งนี้หากโมเดลนี้ประสบความสำเร็จ จะนำไปใช้บริหารจัดการพื้นที่อื่น ซึ่งมีปัญหาในลักษณะเดียวกัน
5.หารือการผ่อนปรนผ่านแดนบางประเภท บางจุด และระหว่างที่สถานการณ์ไม่เป็นปกติ เพื่อลดผลกระทบภาคธุรกิจ การขนส่งข้ามแดน โดยมอบหมายให้กลไก RBC ไปหารือความเป็นไปได้ ในการอนุญาตให้มีการขนส่งสินค้า จุดผ่านแดนบางจุดที่ไม่มีปัญหาด้านความมั่นคง โดยอาจเริ่มดำเนินการที่จุดผ่านแดนถาวรจันทบุรีและตราด
นอกจากทั้ง 2 ฝ่าย เห็นพ้องที่จะถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดนแล้ว พัฒนาการสัมพันธ์การประชุม GBC ครั้งนี้ คือทั้ง 2 ฝ่าย กำหนดแนวทางการดำเนินการใน 2 เรื่องที่ไทยให้ความสำคัญ แต่ก่อนหน้านี้ฝ่ายกัมพูชายังไม่เคยตอบรับ ได้แก่ การเก็บกู้ทุ่นระเบิด และการปราบปรามสแกมเมอร์ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยจะติดตามกับฝ่ายกัมพูชา ให้ดำเนินการตามที่ตกลงโดยเร็ว โดยการประชุม GBC ครั้งต่อไปจะกำหนดขึ้นภายใน 30 วัน โดยมีฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ
พล.อ.ณัฐพล ย้ำว่าไทย-กัมพูชา ไม่อาจย้ายหนีจากกันได้ จึงมีความจำเป็นที่ 2 ประเทศต้องแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี เพื่อนำสันติภาพไปสู่ชายแดน และประชาชนทั้งสองประเทศจะได้กลับมาใช้ชีวิตปกติสุข
โดยวานนี้ (9 ก.ย.2568) ได้รับทราบแนวทางจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่ได้เน้นย้ำเรื่องปกป้องอธิปไตย ต้องมาเป็นอันดับแรก และให้ความสำคัญกับบทบาทกองทัพในการป้องกันประเทศ พร้อมให้ดูแลความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ซึ่งตนมีวิธีที่จะบริหารจัดการแบ่งโซนพื้นที่ตามความตึงเครียดของสถานการณ์ตามลำดับ
โซนที่ 1 มีความตึงเครียดสูงคือพื้นที่กองทัพภาค 2 ประกอบไปด้วย จ.อุบลราชธานี จ.ศรีสะเกษ จ.สุรินทร์ และ จ.บุรีรัมย์
โซนที่ 2 คือ จ. สระแก้ว พื้นที่ความรับผิดชอบของ กองทัพภาคที่ 1
โซนที่ 3 คือ จ.จันทบุรีและจ.ตราด มีความตึงเครียดน้อยกว่าจุดอื่น
การแบ่งโซนดังกล่าว นำมาซึ่งแนวความคิดในการผ่อนผัน ซึ่งจะดูที่สถานการณ์ในระดับความตึงเครียดและจากที่ผู้ประกอบการขอให้ผ่อนปรนบ้างจึงได้ดำเนินการในโซนที่ 3 ก่อน และมอบหมายให้กองกำลัง จันทบุรี-ตราด ไปพิจารณาดำเนินการ เพราะเป็นมาตรการทางด้านความมั่นคง โดยให้ประสานงานในพื้นที่กับ กรมศุลกากร กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมสนับสนุนข้อมูลเพื่อเป็นแนวทางที่นำมาเจรจากัน
โดยก่อนการประชุมตนได้หารือกับ พล.อ.เตรีย เซรย ฮา แบบโฟว์อาย ตนพูดสองประเด็น คือสาส์น ของพลเอก ฮุนมาเนต ที่ส่งถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูร นายกรัฐมนตรีของไทย ในการแสดงความยินดีต่อนายอุทิน โดยข้อความแสดงถึงท่าทีซึ่งจะนำไปสู่การคลี่คลายสถานการณ์ ท่านนายกฯ จึงอยากทราบแนวทางความคืบหน้าในการหารือในวันนี้
“ผมได้คุยกับท่านเตีย เซียฮา ว่าประเด็นเจ็บปวดที่ต้องแก้ไขของบ้านเราในวันนี้คือเรื่องการเก็บกู้วัตถุระเบิด กับ บ้านหนองจานขอความกรุณาให้ทางกัมพูชา ตอบรับในเรื่องนี้ด้วยซึ่งผลการประชุมได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากกัมพูชาอย่างไรก็ตามก็ต้องติดตามความจริงใจของกัมพูชา ในการดำเนินการตามผลการประชุมวันนี้หรือไม่” พล.อ.ณัฐพล กล่าว