Digitel Tech & AI

ฟิลิปส์เผยนวัตกรรมรักษาโรคหัวใจในงาน APAC Cardiology Symposium2025



 กรุงเทพฯ ประเทศไทย – รอยัล ฟิลิปส์ (NYSE: PHG, AEX: PHIA) ผู้นำด้านเทคโนโลยีเพื่อการดูแลสุขภาพระดับโลก จัดงานประชุมวิชาการด้านโรคหัวใจระดับภูมิภาค “APAC Cardiology Symposium 2025” ครั้งที่ 10 ณ โรงแรมคอนราด กรุงเทพมหานครฯ โดยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ แพทย์มัณฑนากรหัวใจและหลอดเลือด นักรังสีวิทยา และพยาบาล จากโรงพยาบาลชั้นนำจาก 8 ประเทศในแถบเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ ประเทศไทย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินเดีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กว่า 100 คน เข้าร่วมงาน

ภายในงานฯ ประกอบด้วยการประชุมวิชาการทางการแพทย์แบบเจาะลึก การนำเสนอนวัตกรรมการดูแลรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดใหม่ล่าสุด การเสวนาแลกเปลี่ยนความรู้โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การอบรมเชิงปฏิบัติการ และการเข้าร่วมการจำลองสถานการณ์การดูแลรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาล ตั้งแต่แผนกฉุกเฉิน (Emergency Care) ไปจนถึงการทำหัตถการในห้องปฏิบัติการตรวจสวนหัวใจและหลอดเลือด (Cath Lab) จนไปพักฟื้นในวอร์ดผู้ป่วย โดยครอบคลุม 3 หัวข้อหลัก ได้แก่ 1.โรคโครงสร้างหัวใจผิดปกติ (Structural Heart Disease) 2.โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Disease) 3.เวิร์กโฟลว์การดูแลโรคหัวใจที่มีประสิทธิภาพ (Cardiac Workflow Optimization)

นับเป็นครั้งที่ 10 ที่ฟิลิปส์ได้จัดงานประชุมวิชาการ ‘Philips Cardiology Symposium’ ซึ่งปัจจุบันได้ก้าวสู่การเป็นเวทีด้านวิชาการระดับภูมิภาคและฟิลิปส์หวังผลักดันสู่การเป็นความร่วมมือทางวิชาการและการแพทย์ระหว่างประเทศ สำหรับงานฯ ในปีนี้ได้รับเกียรติจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในระดับภูมิภาคและนานาชาติกว่า 15 ท่าน มาร่วมเป็นวิทยากรถ่ายทอดองค์ความรู้และแชร์ประสบการณ์จากการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการดูแลรักษาและทำหัตถการโรคหัวใจและหลอดเลือด อาทิ ดร. วิกเตอร์ โคชา จากประเทศปราก, ศาสตราจารย์ลูคาช เชซุตโก จากประเทศโปแลนด์, ศาสตราจารย์ยูสตากิโอ อากรีโคลา จากประเทศอิตาลี, ดร. คริส แอนโทนี จากประเทศออสเตรเลีย และนายแพทย์ณัฐวุฒิ วงษ์ประภารัตน์ จากประเทศไทย

แพทย์หญิงคอนคอน โมลิน่า ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจ Image Guided Therapy Systems ฟิลิปส์ เอเชีย-แปซิฟิก (APAC) และผู้บริหารการตลาด ฟิลิปส์ Growth Region กล่าวว่า “การจัดงานประชุมวิชาการนี้ในประเทศไทยสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของฟิลิปส์ในระยะยาว เพื่อยกระดับการดูแลรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดในภูมิภาคนี้ โดยการรวมเอาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายประเทศ การนำเสนอนวัตกรรมระดับโลก และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการดูแลรักษาผู้ป่วยมาไว้บนเวทีในงานประชุมวิชาการฯนี้ ซึ่งจะเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยสนับสนุนและสร้างความมั่นใจให้แก่ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและแพทย์มัณฑนากรโรคหัวใจและหลอดเลือดในการส่งมอบผลลัพธ์ที่ดีกว่าในการรักษาผู้ป่วยให้มากขึ้น”

 ด้านนายวิโรจน์ วิทยาเวโรจน์ ประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิลิปส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “โรคหัวใจและหลอดเลือดยังคงเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตอันดับ 1 ของโลก ในขณะที่ข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขพบในปีพ.ศ. 2566 พบว่ามีจำนวนผู้ป่วยสะสมด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดในประเทศไทยมากกว่า 2.5 แสนราย และเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดมากถึง 4 หมื่นราย เราตระหนักถึงความสำคัญในการมุ่งมั่นที่จะช่วยยกระดับระบบสาธารณสุขไทย ผ่านการนำเสนอนวัตกรรม พัฒนาองค์ความรู้ และการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจในประเทศไทย เพื่อมีส่วนร่วมในการพัฒนาและยกระดับการดูแลรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดในประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การได้เข้าร่วมงานประชุมวิชาการ ‘APAC Cardiology Symposium’ นี้มีส่วนในการส่งต่อความคิดเห็นของแพทย์ไทยไปยังฟิลิปส์โกลบอล ซึ่งส่งผลในการต่อยอดการพัฒนานวัตกรรมในอนาคต ในขณะเดียวกันแพทย์ไทยก็ได้แลกเปลี่ยนความรู้กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากนานาชาติ และได้อัพเดทเทคโนโลยีทางการแพทย์ในการดูแลรักษาโรคหัวใจใหม่ล่าสุด เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่างานประชุมวิชาการนี้ฯ จะเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการพัฒนาการดูแลสุขภาพหัวใจของคนไทยอย่างยั่งยืน”

ลดความเสี่ยงในหัตถการโรคหลอดเลือดหัวใจ

โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Disease หรือ CAD) เป็นโรคหัวใจที่พบมากที่สุดทั่วโลก การรักษาด้วยวิธีการหัตถการชนิดแผลเล็กอย่างเทคนิคการทำบอลลูนหัวใจ (Percutaneous Coronary Intervention: PCI) ที่ช่วยขยายหลอดเลือดที่อุดตันให้กลับมาไหลเวียนได้ตามปกติ ถือเป็นวิธีการรักษาที่ใช้อยู่อย่างแพร่หลาย

ภายในงานฯ มีการแลกเปลี่ยนความรู้และแนวทางการใช้เทคโนโลยีด้านรังสีภาพใหม่ล่าสุด ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความปลอดภัย และช่วยปรับปรุงกระบวนการทำงาน ไปพร้อมๆกับการรองรับภาระงานที่เพิ่มขึ้นของทีมแพทย์ในห้องปฏิบัติการ โดยให้ความสำคัญในด้านการลดปริมาณรังสีในการตรวจวินิจฉัย ซึ่งเป็นข้อกังวลหลักสำหรับตัวผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ แต่ยังคงมาตรฐานด้านความคมชัดของภาพวินิจฉัยและความเชื่อมั่นในการวินิจฉัยได้อย่างครบถ้วน

การลดปริมาณการปล่อยรังสี แต่ยังคงให้ภาพวินิจฉัยที่คมชัดเท่าเดิมหรือดีกว่าเดิม ถือเป็นหนึ่งในหัวใจ

สำคัญของนวัตกรรมด้านเครื่องตรวจสวนหัวใจและหลอดเลือด เพราะแพทย์ที่ทำหัตถการจำเป็นต้องได้ภาพฉายความคมชัดสูง แต่ใช้รังสีในปริมาณต่ำ เพื่อประกอบการตัดสินใจในหลายขั้นตอนของดูแลรักษาผู้ป่วย ขณะเดียวกันในตัวผู้ป่วยที่มีอาการของโรคที่ซับซ้อน หรือจำเป็นต้องเข้ารับการตรวจติดตามและรักษาซ้ำ การลดปริมาณรังสีที่ผู้ป่วยได้รับถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งต่อตัวผู้ป่วย เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2568 ฟิลิปส์ ได้เผยผลการศึกษา RADIQAL ที่เก็บข้อมูลจากผู้ป่วยกว่า 800 ราย ในแถบยุโรปและสหรัฐอเมริกา เพื่อประเมินถึงเทคโนโลยีภาพวินิจฉัยที่ใช้รังสีต่ำพิเศษ (ultra-low dose) จะสามารถช่วยลดรังสีที่ผู้ป่วยได้รับ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพกระบวนการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจ

การพัฒนาประสิทธิภาพเวิร์กโฟลว์ในห้องปฏิบัติการตรวจสวนหัวใจและหลอดเลือด Cath Lab

ปัจจุบัน ผู้ให้บริการทางการแพทย์ต้องเผชิญกับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นในกระบวนการดูแลรักษาโรคหัวใจ ทำให้การเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กโฟลว์และการยกระดับผลลัพธ์การรักษาในห้องปฏิบัติการตรวจสวนหัวใจและหลอดเลือด (Cath Lab) มีความสำคัญมากยิ่งขึ้น การประชุมวิชาการในครั้งนี้ มีการพูดคุยในประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการออกแบบระบบและแนวทางการรักษาแบบบูรณาการ ที่ช่วยพัฒนาการติดตามและการตัดสินใจระหว่างการทำหัตถการให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมงานฯ ยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับโซลูชันส์ติดตามสัญญาณชีพแบบต่อเนื่อง, หน้าจอและเครื่องมือแสดงผลภาพที่ใช้งานง่าย ที่จะมาช่วยลดความซับซ้อนในการใช้งาน ลดเวลาในการฝึกอบรม และสนับสนุนการทำงานร่วมกันอย่างราบรื่นระหว่างภายในหัตถการกับห้องควบคุม ทำให้ทีมแพทย์สามารถโฟกัสที่ตัวผู้ป่วยได้มากขึ้น และยังเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลรักษาและประสานงานกันได้