In News

การปฏิวัติเงียบ: การรีเซ็ตทางการเงินการล่มสลายของเงิน FIAT โดย: ฟอนต์ สีดำ



บทนำ: เงามืดแห่งความไม่แน่นอนในระบบเศรษฐกิจโลก

ในยุคที่โลกหมุนวนด้วยความเร็วอันน่าตื่นตะลึงของเทคโนโลยีและการค้าโลก สถานการณ์ทางการเงินกลับเต็มไปด้วยความขัดแย้งและความไม่สอดคล้องที่ซ่อนเร้นไว้เบื้องหลังภาพลวงตาของความมั่งคั่ง รอยร้าวลึกในโครงสร้างเศรษฐกิจโลก แม้ว่าตลาดหุ้นจะทะยานสู่จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่สัญญาณเตือนภัยของการปรับฐานที่เจ็บปวดกำลังก่อตัวขึ้นอย่างเงียบเชียบ ท่ามกลางกระแสข่าวสารที่ไหลบ่าไม่ขาดสาย โลกกำลังเผชิญกับการรีเซ็ตทางการเงินทั่วโลก ซึ่งไม่ใช่เพียงการปรับเปลี่ยนชั่วคราว แต่เป็นการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ที่อาจกำหนดอนาคตของมนุษยชาติ

การรีเซ็ตนี้มิใช่เรื่องสมมติ แต่เป็นกระบวนการที่กำลังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยมีรากฐานมาจากความไม่สมดุลทางเศรษฐกิจที่สะสมมานานหลายทศวรรษ ตามรายงานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ในปี 2025 การเติบโตทางเศรษฐกิจโลกถูกปรับลดลงเหลือเพียง 2.8% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 3.3% สะท้อนถึงผลกระทบจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ตลาดหุ้นพุ่งทะยาน แต่ราคาทองคำที่ทะลุ 3,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์กลับเป็นเครื่องบ่งชี้ชัดเจนถึงความสูญเสียความเชื่อมั่นในหมู่นักลงทุนทั่วโลก

บทความนี้จะนำเสนอการวิเคราะห์เชิงลึก โดยยึดมั่นในสาระสำคัญจากเนื้อหาดังกล่าว พร้อมทั้งขยายความด้วยข้อมูลล่าสุดจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ผู้อ่านทั่วไปสามารถเข้าใจบริบทที่ซับซ้อนนี้ได้อย่างชัดเจน เราจะสำรวจประเด็นสำคัญต่างๆ ตั้งแต่ราคาทองคำ คำกล่าวของนักวิเคราะห์ การขัดแย้งระหว่างธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) กับรัฐบาลทรัมป์ การอัปเดตระบบ FedNow การค้นพบทองคำใหม่ในยูกันดา การริเริ่มสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และกระบวนการไถ่ถอนหนี้ประวัติศาสตร์ที่ถูกสั่งให้เงียบงัน

ราคาทองคำ: สัญญาณเตือนภัยของความไม่เชื่อมั่น

ราคาทองคำที่พุ่งสูงขึ้นถึง 3,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปี 2025 ไม่ใช่เพียงปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจธรรมดา แต่เป็นภาพสะท้อนของความหวาดกลัวลึกซึ้งในใจของนักลงทุนทั่วโลก ทองคำในฐานะสินทรัพย์หลบภัย (safe haven) ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้นและดอลลาร์สหรัฐฯ ตามข้อมูลจาก BullionVault ราคาทองคำทะลุ 3,600 ดอลลาร์ในเดือนกันยายน 2025 โดยได้รับแรงหนุนจากความอ่อนแอของดอลลาร์ที่ตกต่ำลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์

ปรากฏการณ์นี้ชี้ให้เห็นถึงการขาดความเชื่อมั่นในระบบการเงินกระดาษ (fiat money) ซึ่งถูกบ่อนทำลายโดยหนี้สาธารณะที่พุ่งสูงและนโยบายการเงินที่ไม่แน่นอน ในรายงานของ Goldman Sachs Research คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะทะยานสู่ 3,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในสิ้นปี 2025 สะท้อนถึงกระแสการไหลเข้าของนักลงทุนสถาบันที่มองหาความมั่นคงท่ามกลางพายุทางการเงิน นอกจากนี้ J.P. Morgan ยังคาดการณ์ว่าราคาจะเฉลี่ยอยู่ที่ 3,675 ดอลลาร์ในไตรมาสที่สี่ของปี และอาจทะลุ 4,000 ดอลลาร์ในปี 2026

การพุ่งขึ้นของราคาทองคำนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นส่วนหนึ่งของการรีเซ็ตที่กำลังเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงการซื้อทองคำจำนวนมากของธนาคารกลางทั่วโลก ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ปี 2022 เพื่อกระจายความเสี่ยงจากดอลลาร์สหรัฐฯ ตามข้อมูลจาก Discovery Alert การเปลี่ยนแปลงของระบบการเงินโลกกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ที่ทองคำกลับมาเป็นศูนย์กลางอีกครั้ง สร้างแรงกระตุ้นให้เกิดการปรับฐานที่อาจเจ็บปวดสำหรับระบบเศรษฐกิจที่พึ่งพาหนี้

คำกล่าวของนักวิเคราะห์ Mark Jensen: จุดแบ่งประวัติศาสตร์ทางการเงิน

หนึ่งในประเด็นที่โดดเด่นในวิดีโอคือคำกล่าวของนักวิเคราะห์ Mark Jensen ผู้ซึ่งประกาศว่า "ประวัติศาสตร์ทางการเงินถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน" หลังจากที่สหรัฐฯ ใช้นโยบายภาษีเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2025 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการรีเซ็ตทางการเงินที่ทองคำจะเป็นผู้นำอย่างไม่ต้องสงสัย แม้จะไม่พบข้อมูลตรงตัวของ Mark Jensen ในฐานะนักวิเคราะห์ที่กล่าวถึง แต่คำพูดนี้สะท้อนถึงมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์หลายท่านที่มองว่านโยบายภาษีของทรัมป์เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ

ตามรายงานของ IMF การประกาศภาษีในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน 2025 ได้ส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก ลดลง 0.8% จากการคาดการณ์เดิม สร้างความไม่แน่นอนที่อาจนำไปสู่การปรับฐานครั้งใหญ่ นโยบายนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มต้นทุนการค้าสำหรับประเทศอื่นๆ แต่ยังกระตุ้นให้เกิดการตอบโต้จากพันธมิตรทางการค้า ส่งผลให้เกิดความผันผวนในตลาดการเงิน Mark Jensen's insight ชี้ให้เห็นว่าประวัติศาสตร์ทางการเงินก่อนและหลังวันที่ 2 เมษายนจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยทองคำจะกลายเป็นสินทรัพย์หลักในการนำทางผ่านพายุนี้

การแบ่งแยกนี้คล้ายคลึงกับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ เช่น Nixon Shock ในปี 1971 ที่สิ้นสุดการแปลงดอลลาร์เป็นทองคำ สร้างการรีเซ็ตระบบ Bretton Woods ในปัจจุบัน การใช้นโยบายภาษีของทรัมป์ถูกมองว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบใหม่ที่อาจรวมถึงสกุลเงินดิจิทัลและการปรับค่าของทองคำให้สูงขึ้น เพื่อรักษาสมดุลในระบบที่กำลังล้มสลาย

ความขัดแย้งระหว่าง Fed และรัฐบาล Trump: สงครามเปิดเผยที่สั่นคลอนระบบ

ความขัดแย้งระหว่างธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) กับรัฐบาลของประธานาธิบดี Donald Trump ได้ทวีความรุนแรงขึ้นจนกลายเป็น "สงครามที่เปิดเผย" โดยทรัมป์กล่าวหา Fed ว่าใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยและจัดการกองทุนอย่างไม่โปร่งใส ตามรายงานจาก CNN Business ทรัมป์ได้โจมตี Jerome Powell ประธาน Fed อย่างต่อเนื่อง โดยขู่ว่าจะไล่เขาออกเนื่องจากไม่ลดอัตราดอกเบี้ยตามที่ต้องการ

ในเดือนสิงหาคม 2025 ทรัมป์ประกาศไล่ Lisa Cook ผู้ว่าการ Fed ออกด้วยข้อหาฉ้อโกงสินเชื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สร้างความกังวลถึงความเป็นอิสระของ Fed ที่เป็นเสาหลักของระบบการเงินสหรัฐฯ ตามบทวิเคราะห์จาก The New York Times ทรัมป์วางแผนแต่งตั้งผู้ภักดีในคณะกรรมการ Fed เพื่อควบคุมการตัดสินใจทางการเงิน ซึ่งอาจนำไปสู่การลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อจัดการหนี้สาธารณะที่พุ่งสูง

ความขัดแย้งนี้ไม่เพียงแต่สั่นคลอนตลาดสหรัฐฯ แต่ยังส่งผลกระทบทั่วโลก โดยดอลลาร์อ่อนค่าลงและตลาดพันธบัตรผันผวน ตาม BBC ทรัมป์มองว่า Fed เป็นสถาบันที่ "เสียหาย" และต้องการควบคุมเพื่อจัดการหนี้และกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่านี่อาจนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อรุนแรงและวิกฤตการเงินครั้งใหม่

การอัปเดตระบบ FedNow: การเปลี่ยนผ่านสู่มาตรฐาน ISO 20022

Fed กำลังอัปเดตระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ FedNow ให้เป็นมาตรฐาน ISO 20022 ร่วมกับธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการทำธุรกรรม ตามประกาศจาก Federal Reserve Financial Services การเปลี่ยนผ่านนี้จะเกิดขึ้นในวันที่ 14 กรกฎาคม 2025 โดยแทนที่รูปแบบ FAIM เดิมด้วย ISO 20022

มาตรฐานนี้ช่วยให้ข้อมูลการชำระเงินมีโครงสร้างที่ชัดเจนมากขึ้น สนับสนุนการรวมระบบกับ FedNow ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการชำระเงินทันที ตาม MyStandards platform ผู้เข้าร่วมสามารถทดสอบข้อความและแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เข้ากันได้กับระบบใหม่ การอัปเดตนี้เป็นส่วนหนึ่งของการรีเซ็ตที่ใหญ่กว่า โดยมุ่งเน้นการรวมระบบการเงินโลกให้เป็นดิจิทัลมากขึ้น ลดความเสี่ยงจากธุรกรรมเก่าและเพิ่มความโปร่งใส

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนผ่านนี้อาจสร้างความท้าทายสำหรับธนาคารชุมชนที่ขาดทรัพยากร แต่ Federal Reserve มุ่งมั่นที่จะให้การสนับสนุนเพื่อให้การปรับตัวราบรื่น สะท้อนถึงความพยายามในการสร้างระบบที่ยั่งยืนท่ามกลางความไม่แน่นอน

การค้นพบทองคำใหม่: ยูกันดาและโอกาสทางเศรษฐกิจในแอฟริกา

ยูกันดาประกาศการค้นพบแหล่งทองคำสำรองขนาดใหญ่ ซึ่งอาจเปลี่ยนโฉมหน้าของเศรษฐกิจแอฟริกาและโลก ตาม Reuters ในเดือนสิงหาคม 2025 ยูกันดาเปิดเหมืองทองคำขนาดใหญ่แห่งแรก มูลค่า 250 ล้านดอลลาร์ โดยบริษัทจีน ซึ่งคาดว่าจะผลิตทองคำกลั่น 1.2 ตันต่อปี

การค้นพบนี้มีมูลค่าประมาณ 12 ล้านล้านดอลลาร์ โดยมีแร่ทองคำ 31 ล้านตันที่สามารถสกัดได้ 320,158 ตัน ตาม Ministry of Energy and Mineral Development การสำรวจทางอากาศใน Karamoja และพื้นที่อื่นๆ ยืนยันศักยภาพมหาศาลนี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มการส่งออกทองคำของยูกันดาให้ถึง 3.4 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม มีข้อกังวลเรื่องการยึดที่ดินและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่รัฐบาลยูกันดาวางแผนใช้รายได้เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น โรงไฟฟ้าและรถไฟ สร้างโอกาสสำหรับนักลงทุนทั่วโลกและเป็นส่วนหนึ่งของการรีเซ็ตที่กระจายความมั่งคั่งไปยังประเทศกำลังพัฒนา

ธนาคารกลางยุโรปและสกุลเงินดิจิทัล: การเปิดตัวเพื่อไม่ให้ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยอมรับว่าจะต้องเปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลของตนเองเพื่อไม่ให้ถูกทิ้งไว้ข้างหลังในยุคดิจิทัล ตาม ECB website โครงการ digital euro กำลังอยู่ในขั้นเตรียมการ โดยคาดว่าจะตัดสินใจในเดือนตุลาคม 2025 และเปิดตัวในปี 2026

Digital euro จะเป็นสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) ที่ให้ความเป็นส่วนตัวสูงสุดและใช้งานฟรีสำหรับการชำระเงินดิจิทัล ตาม Piero Cipollone สมาชิก ECB การริเริ่มนี้มุ่งเสริมความเข้มแข็งให้ยูโรในระบบการเงินระหว่างประเทศ ท่ามกลางการแข่งขันจาก CBDC ของจีนและสหรัฐฯ

ECB ได้ร่วมมือกับภาคเอกชนผ่าน innovation platform โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 70 รายเพื่อพัฒนาฟังก์ชันการใช้งาน การเปิดตัวนี้เป็นส่วนสำคัญของการรีเซ็ต โดยช่วยให้ยุโรปรักษาความเป็นอิสระทางการเงินและปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี

กระบวนการไถ่ถอนหนี้: สัญญาณเริ่มต้นของความเคลื่อนไหวครั้งสุดท้าย

กระบวนการไถ่ถอนหนี้ประวัติศาสตร์ที่ถูกสั่งให้ "เงียบ" เป็นสัญญาณเริ่มต้นของความเคลื่อนไหวครั้งสุดท้ายในการรีเซ็ต ตามแนวคิด debt jubilee จากประวัติศาสตร์โบราณ เช่น ในสมัยบาบิโลนและพระคัมภีร์ไบเบิล การยกเลิกหนี้ช่วยรีเซ็ตสังคมและป้องกันความเหลื่อมล้ำ

ในยุคสมัยใหม่ นักเศรษฐศาสตร์อย่าง Michael Hudson เสนอ debt jubilee เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยยกเลิกหนี้ที่ไม่สามารถชำระได้จากวิกฤต COVID-19 ตาม IMF หนี้ของประเทศกำลังพัฒนาพุ่งสูงสุดในรอบ 50 ปี สร้างความจำเป็นสำหรับการยกเลิกหนี้เพื่อกระตุ้นการเติบโต

กระบวนการนี้ถูก "สั่งให้เงียบ" เพื่อหลีกเลี่ยงความตื่นตระหนก แต่เป็นส่วนสำคัญของการรีเซ็ตที่มุ่งสร้างระบบที่ยุติธรรมมากขึ้น โดยไม่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานทางสังคม

สรุป: อนาคตที่กำลังก่อตัวท่ามกลางความไม่แน่นอน

การรีเซ็ตทางการเงินที่ไม่เคยหยุดนิ่งนี้เป็นการเปลี่ยนผ่านที่จำเป็นเพื่อแก้ไขความไม่สมดุลที่สะสมมานาน จากราคาทองคำที่พุ่งสูง การขัดแย้งระหว่าง Fed และทรัมป์ ไปจนถึงการริเริ่มดิจิทัลและการค้นพบทองคำใหม่ ทุกประเด็นชี้ไปยังจุดเปลี่ยนที่กำลังมาถึง โลกต้องเตรียมพร้อมสำหรับการปรับฐานที่อาจเจ็บปวด แต่ก็เปิดโอกาสสำหรับระบบที่ยั่งยืนและเท่าเทียมมากขึ้น

แหล่งอ้างอิง

  1. International Monetary Fund (IMF). (2025). World Economic Outlook, April 2025. Retrieved from .
  2. CBS News. (2025). Gold prices surge past $3,600 per ounce. Retrieved from .
  3. BullionVault. (2025). Gold Breaks $3600 as Dollar Falls. Retrieved from .
  4. Goldman Sachs Research. (2025). Gold Price Forecast. Retrieved from .
  5. CNN Business. (2025). What happens if Trump gets control of the Fed? Retrieved from .
  6. BBC. (2025). Trump vs the Fed: Why this row could rattle the US economy. Retrieved from .
  7. The New York Times. (2025). Trump’s Plan to Pack the Fed With Loyalists. Retrieved from .
  8. Federal Reserve Financial Services. (2025). The FedNow Service and ISO 20022. Retrieved from .
  9. Reuters. (2025). Uganda targets higher exports with first large-scale gold mine. Retrieved from .
  10. European Central Bank (ECB). (2025). Digital euro. Retrieved from .
  11. Michael Hudson. (2020). A debt jubilee is the only way to avoid a depression. The Washington Post. Retrieved from .