Digitel Tech & AI
แคสเปอร์สกี้ชี้เทรนด์การใช้AIวางแผน เที่ยวยังไม่แพร่หลายถ้าได้ลอง90%พอใจ

กรุงเทพฯ-จากผลสำรวจของแคสเปอร์สกี้ พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนน้อยกว่าหนึ่งในสาม หรือ 28%ไว้วางใจให้ AI วางแผนการเดินทาง และพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามที่ใช้ AI จำนวน96% พึงพอใจกับประสบการณ์นี้ และ 84% วางแผนที่จะใช้ในอนาคต
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา AIหรือปัญญาประดิษฐ์ ได้กลายเป็นส่วนสำคัญของการใช้งานอินเทอร์เน็ต ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงวิธีการค้นหาและตรวจสอบข้อมูลของผู้ใช้ เมื่อ AI ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การใช้งานAI ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ทำให้เครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI แทบจะแพร่หลายไปทั่ว ในช่วงที่ฤดูกาลท่องเที่ยวคึกคักที่สุด แคสเปอร์สกี้จึงสำรวจว่าผู้คนใช้ AI ในการวางแผนการเดินทางบ่อยแค่ไหน และนักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวพร้อมจะมอบความไว้วางใจให้ปัญญาประดิษฐ์ดูแลด้านใดบ้าง
ใครใช้ AI และใช้เพราะเหตุใด
ผลสำรวจยืนยันว่า AI ได้กลายเป็นเครื่องมือที่แพร่หลายในหมู่ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต โดยผู้ตอบแบบสอบถาม72% ระบุว่าเคยใช้ AI อย่างน้อยหนึ่งครั้ง ในกลุ่มอายุต่ำกว่า 35 ปี ตัวเลขนี้สูงถึง 88% อย่างไรก็ตาม ตามที่คาดการณ์ไว้ คนรุ่นเก่า (อายุ 54 ปีขึ้นไป) มีแนวโน้มที่จะใช้บริการ AI น้อยกว่าโดยมีเพียง 54% เท่านั้นที่เคยใช้ AI และ 20% ไม่สนใจที่จะลองใช้
การใช้งาน AI ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือเพื่อการวิจัย โดยผู้ตอบแบบสอบถาม 76% ยืนยันว่าเป็นการใช้งาน AI ที่พบบ่อยที่สุด รองลงมาคือ AI เพื่อการทำงาน (45%) และการเรียนรู้ (40%) ส่วน AI เพื่อความบันเทิง (39%) และการทดลองใช้เทคโนโลยี (39%) อยู่ในอันดับที่สี่ร่วมกันส่วน AI ในการวางแผนการเดินทาง มีเพียง28% ยังไม่ได้รับความนิยมสูงสุด
แม้ว่าผู้ใช้ AI ที่ใช้วางแผนการเดินทางจะมีสัดส่วนค่อนข้างน้อย แต่เกือบทั้งหมด (96%) พึงพอใจกับประสบการณ์นี้ โดย 44% ระบุว่า ‘สมบูรณ์แบบ’ ขณะที่ 52% ระบุว่า ‘ดี’ ซึ่งยังคงเป็นหนึ่งในคะแนนความพึงพอใจสูงสุด ในทั้งสองกรณี ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนมาก (84%) ยืนยันว่าวางแผนที่จะใช้ AI ในการเตรียมตัวสำหรับการเดินทางในอนาคต ซึ่งบ่งชี้ว่าบริการ AI อาจได้รับความนิยมมากขึ้นในฐานะเครื่องมือวางแผนการเดินทางในอนาคตอันใกล้
AI ในการวางแผนการเดินทาง
สำหรับนักเดินทางท่องเที่ยวAI ยังคงได้รับความนิยมสูงสุด นั่นคือ ผู้ตอบแบบสอบถาม 70% ที่เคยใช้ AI ในการวางแผนการเดินทาง ไว้วางใจให้ AI ช่วยระบุกิจกรรมและกิจกรรมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาทัวร์ที่เหมาะสม เส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยม และร้านขายของที่ระลึก 66% ใช้ AI เลือกที่พัก 60% ใช้ AI จัดทำรายชื่อร้านอาหาร และ 58% ใช้ AI ค้นหาตั๋ว ที่น่าสนใจคือ ครอบครัวที่มีลูกใช้ AI ต่างๆ ในการเตรียมตัวเดินทางมากกว่ากลุ่มที่ไม่มีลูก ซึ่งชี้ให้เห็นว่า AI ช่วยให้ผู้ใช้ประหยัดเวลา
จากข้อมูลการวิจัยพบว่า การจองที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้รับความนิยมน้อยกว่าในทุกกลุ่ม จากการสำรวจพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม45% จองโรงแรมผ่านบริการ AI 43% จองตั๋วผ่าน AI และเพียง 38% จองร้านอาหารผ่าน AI ที่น่าสังเกตคือ ผู้ตอบแบบสอบถาม45% ระบุว่าใช้ AI ช่วยแก้ปัญหาเรื่องวีซ่าและการย้ายถิ่นฐาน ซึ่งทำให้เกิดข้อกังวลบางประการ เมื่อไม่นานมานี้ มีข่าวนักเขียนชาวออสเตรเลียที่ไม่สามารถเดินทางไปร่วมการประชุมที่ชิลีได้เนื่องจากคำแนะนำเรื่องวีซ่าที่ไม่ถูกต้องจาก ChatGPT ชี้ให้เห็นว่าสำหรับแอปพลิเคชันที่มีความสำคัญที่สุดแล้ว ความเสี่ยงจาก AI มีมากกว่าประโยชน์เรื่องการประหยัดเวลา
วลาดิสลาฟ ทุชคานอฟ ผู้จัดการกลุ่ม Kaspersky AI Technology Research Center กล่าวว่า “แนวโน้มการใช้งาน AI ที่เราสังเกตเห็นแสดงให้เห็นว่าบทบาทของ AI ในการแก้ไขปัญหาในชีวิตประจำวันกำลังเปลี่ยนแปลงไป ผู้ตอบแบบสอบถามทุกคนให้ความสำคัญกับเวลาและต้องการผลลัพธ์ที่ AI มอบให้เฉพาะบุคคล เทคโนโลยีนี้กำลังพัฒนาและบรรลุผลอย่างรวดเร็วตามคำมั่นสัญญาในการวิจัยที่ดีขึ้นและการสร้างสรรค์ไอเดียสร้างสรรค์ การเลือกตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดจึงกลายเป็นเครื่องมือช่วยตัดสินใจที่สำคัญ ซึ่งแน่นอนว่ากระตุ้นให้เกิดการไตร่ตรองเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของข้อมูลที่ให้มา บริการที่ขับเคลื่อนด้วย AI กำลังกลายเป็นเครื่องมือที่เป็นที่ต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับการแก้ปัญหาต่างๆ รวมถึงการวางแผนการเดินทาง อย่างไรก็ตาม เราควรจำไว้ว่าการตัดสินใจขึ้นอยู่กับตัวเราเอง”