EDU Research & Innovation

มจธ.จับมือกะเหรี่ยงโผล่งปั้น‘ตลาดน่าเอ๊’ โมเดลเศรษฐกิจวัฒนธรรมราชบุรี



กรุงเทพฯ-ตลาด “น่าเอ๊” ของอำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี ตลาดนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะจากทั้งนักท่องเที่ยวและคนในชุมชน มีกลิ่นอาหารพื้นบ้านหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณ บรรยากาศคึกคักเจือความอบอุ่นนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะมีตลาดนัดชุมชนธรรมดา แต่เป็นผลลัพธ์ของการทำงานร่วมกันระหว่างนักวิจัย มหาวิทยาลัย ภาครัฐ ภาคเอกชน และคนในชุมชนกะเหรี่ยง ที่ตั้งใจฟื้นฟูและต่อยอดทุนทางวัฒนธรรมให้ “กินได้” และ “สร้างรายได้” ให้เกิดขึ้นได้จริง

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายใต้โครงการ “การเชื่อมต่อพื้นที่วัฒนธรรมกะเหรี่ยงโผล่วเขตเทือกเขาตะนาวศรี เพื่อการขับเคลื่อนสำนึกรักท้องถิ่น สร้างแรงบันดาลใจและผลกำไรตามสมควร” ” ดำเนินงานโดย ผศ.นันทนา บุญลออ หัวหน้าโครงการวิจัยด้านทุนวัฒนธรรม และอาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ร่วมกับศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง จ.ราชบุรี ภายใต้ทุนวิจัยจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ประจำปี 2567 ในกรอบการวิจัย “การจัดการทุนทางวัฒนธรรมเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชนและสำนึกท้องถิ่น”

จุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงนี้ มาจากการที่ทีมวิจัยลงพื้นที่เก็บข้อมูลทุนทางวัฒนธรรมของชุมชนกะเหรี่ยงในราชบุรีและเพชรบุรีตั้งแต่ปี 2564 ใช้เวลาเดินสำรวจทุกหมู่บ้าน สัมภาษณ์ผู้เฒ่าผู้แก่ และค้นหามรดกภูมิปัญญาที่ซ่อนอยู่ เช่น ประเพณีการปลูกไร่หมุนเวียน หัตถกรรมผ้าทอ เครื่องเงิน และวิถีชีวิตที่ผูกพันกับธรรมชาติ

“ปีแรก เราก็เหมือนนักวิจัยทั่วไป เข้าไปเก็บข้อมูล สัมภาษณ์ แล้วก็กลับ แต่พอทำไปเรื่อย ๆ เราเริ่มรู้ว่าถ้าอยากให้ชุมชนเห็นคุณค่าของสิ่งที่เขามี เราต้องให้เขามีส่วนร่วมในการเก็บข้อมูลด้วย จึงชักชวนชาวบ้าน 20 คนจาก 4 หมู่บ้านมาเป็น ‘นักจัดการข้อมูลชุมชน’ สอนให้ใช้เครื่องมือ เช่น การทำแผนที่ชุมชน การใช้ GPS การถ่ายภาพ เพื่อให้เขาเก็บเรื่องราวและภูมิปัญญาของตัวเอง” ” ผศ.นันทนา เล่าถึงจุดตั้งต้นและการสร้างความมีส่วนร่วมตั้งแต่เริ่มต้น

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่ฐานข้อมูลที่ครบถ้วนยิ่งขึ้น แต่ทำให้ชาวบ้านได้เห็นชัดว่าชุมชนของตัวเองมี “สมบัติ” มากมาย ทั้งเรื่องราว ประเพณี สถานที่ และผู้คนที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ ข้อมูลเหล่านี้จึงถูกนำมาใช้ต่อยอดเป็นกิจกรรมและพื้นที่ทางวัฒนธรรม หนึ่งในนั้นคือ “ตลาดวิถีวัฒนธรรมน่าเอ๊” บนพื้นที่สาธารณะของชุมชนขนาด 4 ไร่

ตลาดแห่งนี้เกิดจากการออกแบบร่วมกันระหว่างนักวิจัย ผู้นำชุมชน ศิลปิน และช่างฝีมือท้องถิ่น โดยมีโครงสร้างไม้ไผ่ที่สะท้อนความน่ารักและความอบอุ่นของชุมชน ชั้นล่างเป็นพื้นที่ค้าขายสินค้าพื้นบ้านและเกษตรอินทรีย์ ส่วนชั้นบนใช้รับประทานอาหาร ชมวิวป่า และจัดการแสดงดนตรีหรือกิจกรรมทางวัฒนธรรมต่าง ๆ

ผศ. นันทนา บุญลออ กล่าวเพิ่มเติมว่า "น่าเอ๊" ในภาษากะเหรี่ยงมีความหมายว่า "น่ารัก" การออกแบบสถาปัตยกรรมของตลาดจึงสะท้อนถึงความน่ารักของชุมชน โดยได้รับความร่วมมือจาก อาจารย์ฉัตรพงษ์ ชื่นฤดีมล ศิลปินศิลปาธร สาขาสถาปัตยกรรม ปี 2563 โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย จั่วหลาย ๆ หลังหมายถึงบ้านหลายครอบครัว ภูเขาที่โอบล้อม และตุงประดับที่พอลมพัดก็เคลื่อนไหว เหมือนวัฒนธรรมที่ยังมีชีวิต แต่ความท้าทายไม่ได้อยู่แค่การออกแบบ กลับเป็นการสร้างด้วยมือคนในชุมชนเอง เพราะไม่มีผู้รับเหมาคนใดรับงาน เนื่องจากโครงสร้างซับซ้อน “ชาวบ้านที่ไม่เคยมีประสบการณ์เลยต้องเรียนรู้และลงมือทำด้วยตัวเอง ทุกคนช่วยกันตั้งแต่ตัดไม้ไผ่ ขัดแต่ง จนประกอบเป็นอาคารจนเสร็จสมบูรณ์ แม้จะล่าช้ากว่ากำหนด แต่ก็สร้างความภูมิใจให้ชาวบ้านเป็นอย่างมาก”

ด้าน คุณชูศิลป์ ชีช่วง  ผู้ใหญ่บ้านบ้านโป่งกระทิง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญของโครงการบอกว่า “ผมทำงานอนุรักษ์วัฒนธรรมมากว่า 30 ปี ปัญหาสำคัญที่เราต้องยอมรับคือคนรุ่นใหม่ในชุมชนมองว่าเรื่องวัฒนธรรม หรือรากเหง้าของตัวเองเป็นเรื่องไกลตัว เพราะเค้าจับต้องมันไม่ได้ การที่ทีมวิจัยของ มจธ. เข้ามาช่วยชุมชนค้นหาคุณค่าที่ชุมชนมีอยู่ แล้วทำให้ชาวบ้านเห็นว่า วัฒนธรรมมันกินได้ มันสร้างรายได้จริง ช่วยสร้างแรงจูงใจให้คนรุ่นใหม่ในพื้นที่สืบสานภูมิปัญญาต่อในอนาคต”

นอกจากนี้ตลาดน่าเอ๊ยังทำหน้าที่เป็น “เวทีเรียนรู้” ที่เปิดให้คนทุกวัยจากหลากหลายชาติพันธุ์ในราชบุรีและเพชรบุรีมาพบปะ แลกเปลี่ยน และแสดงออกทางวัฒนธรรมกัน กิจกรรมประจำตลาดมีตั้งแต่การแสดงดนตรีพื้นบ้าน การสาธิตงานหัตถกรรม ไปจนถึงการทำอาหารท้องถิ่นให้นักท่องเที่ยวได้ลิ้มลองและเรียนรู้ไปพร้อมกัน งานวิจัยยังต่อยอดไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น ผ้าทอย้อมสีธรรมชาติ และบรรจุภัณฑ์ที่ใช้วัสดุย่อยสลายได้ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิดตลาดสีเขียว นักวิจัยมองว่าความสำเร็จของตลาดไม่ได้วัดจากยอดขายเพียงอย่างเดียว แต่คือการที่คนในชุมชนเริ่มเห็นคุณค่าของทุนทางวัฒนธรรมของตนเอง และพร้อมจะส่งต่อให้รุ่นต่อไป โดยมีตลาดน่าเอ๊เป็นสัญลักษณ์ของการอนุรักษ์และพัฒนาอย่างยั่งยืน

แม้จะยังต้องใช้เวลาให้ตลาดเติบโตและมีสินค้าที่สะท้อนเอกลักษณ์ที่มากและชัดขึ้น แต่ผศ.นันทนาย้ำว่า “สิ่งที่สำคัญที่สุดคือชุมชนรู้สึกว่าที่นี่เป็นพื้นที่ของพวกเขา ไม่ใช่ของนักวิจัย หรือคนจากภายนอก เราอยากให้ตลาดนี้เป็นต้นแบบเล็ก ๆ ที่แสดงว่าถ้าทุกฝ่ายจับมือกันอย่างจริงจัง วัฒนธรรมก็เลี้ยงคนได้จริง”

สำหรับผู้ที่สนใจที่จะไปเยี่ยมชมความน่ารัก น่าเอ๊ ของ ตลาดวัฒนธรรมกะเหรี่ยงน่าเอ๊ สามารถไปพบกันได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ หรือติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดได้ที่ www.facebook.com/yerdener