Biz news
GULF เคาะดอกเบี้ยหุ้นกู้อายุ3-10ปีที่ 1.76-2.37%ต่อปีชู5เหตุผลที่ควรลงทุน

กรุงเทพฯ-บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ประกาศอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้ทั้ง 4 ชุด อายุหุ้นกู้ระหว่าง 3 -10 ปี โดยมีอัตราดอกเบี้ยคงที่ระหว่าง 1.76 – 2.37% ต่อปี พร้อมชี้ 5 เหตุผลที่ควรลงทุนกับ GULF 1) ธุรกิจมีความแข็งแกร่ง 2) ฐานะทางการเงินมีความมั่นคง 3) มีอันดับเครดิตสูงที่ “AA-” 4) ให้ผลตอบแทนมั่นคงและสม่ำเสมอ และ 5) เป็นเครื่องมือลงทุนที่เหมาะสมในภาวะเศรษฐกิจผันผวนและทิศทางดอกเบี้ยอยู่ในขาลง โดยหุ้นกู้ดังกล่าวพร้อมเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 10 แห่ง ระหว่างวันที่ 30 กันยายน และวันที่ 1-2 ตุลาคม 2568
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่า GULF ประกาศอัตราดอกเบี้ยสำหรับหุ้นกู้ ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 4 ชุด ประกอบด้วย หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 1.76% ต่อปี เสนอขายเฉพาะผู้ลงทุนสถาบัน และสำหรับอีก 3 ชุด เสนอขายให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไป ได้แก่ หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.00% ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.20% ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 4 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.37% ต่อปี
“หุ้นกู้ GULF พร้อมเสนอขายให้กับนักลงทุนทุกประเภทในระหว่างวันที่ 30 กันยายน และวันที่ 1-2 ตุลาคมนี้ ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 10 แห่ง ซึ่งทางบริษัทมั่นใจว่าหุ้นกู้ชุดนี้จะได้รับการตอบรับที่ดี ด้วยปัจจัยหลายประการ โดยเฉพาะจากความแข็งแกร่งทางธุรกิจ และความมั่นคงด้านฐานะทางการเงินของ GULF ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุนที่กำลังมองหาโอกาสการลงทุนในหุ้นกู้ที่มีคุณภาพและให้อัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม ท่ามกลางความไม่แน่นอนและความท้าทายของเศรษฐกิจในปัจจุบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน GULF กล่าว
ด้านสถาบันการเงินผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ GULF เปิดเผยว่า “หุ้นกู้ GULF ที่ออกและเสนอขายในครั้งนี้ มีจุดเด่นที่น่าสนใจ อันประกอบด้วย ธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยธุรกิจภายใต้การดำเนินงานของ GULF ครอบคลุมธุรกิจพลังงาน ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ ธุรกิจโทรคมนาคมและดาวเทียม และธุรกิจดิจิทัล ซึ่งล้วนเป็นธุรกิจมีศักยภาพในการเติบโตอย่างมั่นคง อยู่ในเมกะเทรนด์ และมีความจำเป็นต่อผู้คนในวงกว้าง ด้านฐานะทางการเงินที่มั่นคง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 742,205 ล้านบาท มีส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 346,100 ล้านบาท และมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิ (รวมหนี้สินตามสัญญาเช่า) ต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ต้องดำรงตามข้อกำหนดสิทธิอยู่ที่ 0.87 เท่า ซึ่งต่ำกว่าเงื่อนไขและข้อตกลงที่กำหนดสำหรับหุ้นกู้ของบริษัทฯ ที่ 3.50 เท่า”
“นอกจากนี้ หุ้นกู้ GULF ยังมีอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ “AA-” แนวโน้ม “คงที่” (Stable) จัดอันดับโดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด โดยทริสระบุว่า อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนสถานะความเป็นผู้นำของบริษัทฯ ในธุรกิจผลิตไฟฟ้าภายในประเทศ รวมถึงการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่มีการกระจายตัวดี และความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงจากการมีสัญญาซื้อขายไฟระยะยาวจากทางภาครัฐ นอกจากนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงรายได้จากเงินปันผล และส่วนแบ่งกำไรจำนวนมากที่บริษัทฯ ได้รับจากการลงทุนในหลายกิจการ โดยเฉพาะจากบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (ADVANC) ทั้งนี้ อันดับเครดิตดังกล่าวทำให้หุ้นกู้ GULF เป็นหุ้นกู้ที่มีศักยภาพในการชำระหนี้สูง รวมถึงให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ โดยกำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 6 เดือน”
“พร้อมกันนี้ เราเชื่อว่า การลงทุนในหุ้นกู้ GULF จะเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดีที่จะช่วยบริหารพอร์ตให้กับผู้ลงทุน โดยเฉพาะในช่วงภาวะดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มขาลง เพื่อลดความเสี่ยงโดยรวม และเพิ่มความมั่นคงให้กับพอร์ตการลงทุน” สถาบันการเงินผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ GULF ระบุ
ปัจจุบัน GULF ดำเนินธุรกิจในลักษณะ Holding Company ครอบคลุม 5 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจพลังงาน ในฐานะหนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าภาคเอกชนชั้นนำของประเทศ ที่ดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ และจากพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจก๊าซ ในการจัดหา นำเข้า และจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักที่มีความสำคัญต่อการผลิตไฟฟ้า ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้แก่ประเทศไทย ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ ที่มุ่งเน้นส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนผ่านโครงการในระดับเมกะโปรเจกต์ ธุรกิจโทรคมนาคมและดาวเทียม ผ่านการถือหุ้นในบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (ADVANC) และบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) (THCOM) ธุรกิจดิจิทัล ร่วมเป็นพันธมิตรระดับโลกกับ Google, Oracle, Singtel และ Binance ในธุรกิจด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เช่น ศูนย์ข้อมูล (Data Center) ธุรกิจคลาวด์ (Cloud) และธุรกิจการให้บริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล โดยทั้งหมดนี้ ทางบริษัทฯ มุ่งดำเนินธุรกิจภายใต้หลักธรรมาภิบาลและการพัฒนาอย่างยั่งยืน