Think In Truth

'จีน'สลัดทิ้ง!...ดอลลาร์สหรัฐฯ: ก้าวสู่ยุค' หลายขั้วการเงิน'ของโลก โดย: ฟอนต์ สีดำ



บทนำ: รอยร้าวในจักรวาลการเงินดอลลาร์

ตลอดกว่าเจ็ดทศวรรษที่ผ่านมา ดอลลาร์สหรัฐฯ ดำรงสถานะเสมือนเลือดหล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจโลก มันไม่เพียงเป็นสกุลเงินกลางในการซื้อขายพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ แต่ยังถูกใช้เป็นสินทรัพย์สำรองหลักของธนาคารกลางนับร้อยประเทศ ทว่าท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน ความเป็นเอกสิทธิ์ของดอลลาร์กลับกำลังถูกท้าทายอย่างรุนแรงจากจีน ซึ่งเร่งผลักดันเงินหยวนขึ้นสู่เวทีโลกอย่างไม่เคยมีมาก่อน

รายงานล่าสุดจาก The Economist (2025) ชี้ว่า เงินหยวนได้ครองสัดส่วนการชำระเงินข้ามพรมแดนทะลุ 50% แล้ว เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากต่ำกว่า 1% ในปี 2010 นี่มิใช่เพียงสถิติ หากแต่เป็นสัญญาณแห่ง “การเปลี่ยนขั้ว” ทางการเงินที่กำลังเขย่าโครงสร้างอำนาจดั้งเดิมที่วอชิงตันครอบครองมายาวนาน

ดอลลาร์ที่กำลังโรยแรง

ปัจจัยที่เปิดโอกาสให้ปักกิ่งเร่งเดินเกม มิได้เกิดจากการผลักดันฝ่ายเดียว หากยังสะท้อนความอ่อนแรงของดอลลาร์เอง

  1. การอ่อนค่าของดอลลาร์
    นับตั้งแต่เดือนมกราคม ดอลลาร์ร่วงลงกว่า 7% เมื่อเทียบกับตะกร้าเงินหลัก ถือเป็นการเริ่มต้นปีที่เลวร้ายที่สุดนับแต่ปี 1973 เมื่อครั้งระบบ Bretton Woods สิ้นสุดลง
  2. นโยบายการค้าของทรัมป์
    มาตรการกีดกันการค้าและการใช้ภาษีศุลกากรอย่างคาดเดาไม่ได้ ภายใต้การกลับมาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้บั่นทอนความเชื่อมั่นในความเสถียรของตลาดการเงินสหรัฐฯ
  3. การขาดดุลงบประมาณเรื้อรัง
    หนี้สาธารณะสหรัฐฯ ทะยานเกิน 34 ล้านล้านดอลลาร์ พร้อมการขาดดุลงบประมาณที่ขยายตัวต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนบางส่วนตั้งคำถามต่อความยั่งยืนในระยะยาว
  4. ความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)
    กระแสกดดันทางการเมืองต่อการกำหนดอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าการตัดสินใจของ Fed อาจมิได้ตั้งอยู่บนฐานเศรษฐกิจล้วน ๆ อีกต่อไป

ปัจจัยเหล่านี้รวมกันได้สร้าง “รอยร้าว” ในความเชื่อมั่นต่อดอลลาร์ และเปิดช่องว่างให้จีนเข้ามาเติมเต็ม

จีนกับความฝันหยวนสากล

ความพยายามผลักดันเงินหยวนสู่สกุลเงินสากลไม่ใช่เรื่องใหม่ ปักกิ่งเคยริเริ่มในปี 2009 หลังวิกฤติการเงินโลก แต่ความผันผวนในตลาดหุ้นและการไหลออกของเงินทุนในปี 2015 ทำให้ยุทธศาสตร์ครั้งนั้นสะดุดลง

อย่างไรก็ตาม บทเรียนในอดีตทำให้จีนปรับยุทธศาสตร์ใหม่ โดยเน้น การควบคุมเงินทุนที่เข้มงวด และ การสนับสนุนเชิงโครงสร้าง ผ่านมาตรการรัฐ ไม่ว่าจะเป็น:

  • บังคับให้ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่จัดสรรสินเชื่อไม่น้อยกว่า 40% ด้วยเงินหยวน
  • เพิ่มสัดส่วนการค้าสินค้าและบริการด้วยเงินหยวน ซึ่งปัจจุบันทะยานเกิน 30% จากเพียง 14% ในปี 2019
  • พัฒนาและเร่งใช้งาน CIPS (Cross-Border Interbank Payment System) ระบบชำระเงินทางเลือกนอกเหนือจาก SWIFT

CIPS: เส้นเลือดใหม่แทน SWIFT

ระบบ CIPS ของจีนมิใช่เพียงโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน แต่เป็น “อาวุธยุทธศาสตร์” ที่ปักกิ่งตั้งใจใช้เพื่อลดอำนาจของสหรัฐฯ ในการบงการเศรษฐกิจโลกผ่านมาตรการคว่ำบาตร

  • ปัจจุบันมี ธนาคารกว่า 1,700 แห่งทั่วโลก เข้าร่วม CIPS เพิ่มขึ้นถึงหนึ่งในสามตั้งแต่ก่อนสงครามยูเครน
  • ปริมาณธุรกรรมปี 2024 เพิ่มขึ้นถึง 43%
  • mBridge โครงการสกุลเงินดิจิทัลระหว่างธนาคารกลางที่จีนพัฒนาร่วมกับฮ่องกง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และไทย มียอดธุรกรรมหลายพันล้านดอลลาร์

ด้วยโครงสร้างเหล่านี้ จีนไม่เพียงสร้าง “ถนนสายใหม่” ให้เงินหยวน แต่ยังปูทางสู่การเป็นศูนย์กลางการเงินคู่ขนานที่ไม่ขึ้นกับวอชิงตัน

โลกในระบอบ "หลายขั้วการเงิน"

นายพัน กงเชิง ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน กล่าวในสุนทรพจน์เมื่อเดือนมิถุนายนว่า โลกกำลังเข้าสู่ “ยุคหลายขั้ว” ทางการเงิน การแข่งขันระหว่างสกุลเงินต่าง ๆ จะเปิดโอกาสให้ประเทศต่าง ๆ ลดการพึ่งพิงดอลลาร์ และสร้างความยืดหยุ่นต่อแรงกดดันจากตะวันตก

แนวโน้มนี้สอดรับกับปรากฏการณ์ใหญ่ที่เกิดขึ้นทั่วโลก:

  • BRICS ขยายสมาชิกภาพ สู่ซาอุดีอาระเบีย อียิปต์ อิหร่าน และชาติสำคัญอื่น ๆ โดยมีเป้าหมายใช้เงินสกุลท้องถิ่นมากขึ้น
  • การค้าพลังงานเปลี่ยนมือ ซาอุดีอาระเบียและรัสเซียเพิ่มการรับชำระค่าน้ำมันเป็นหยวน
  • การสะสมทองคำ ของหลายประเทศเพื่อกระจายความเสี่ยงจากดอลลาร์

บทวิเคราะห์: โลกหลังดอลลาร์เป็นศูนย์กลาง

แม้ดอลลาร์ยังคงเป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลก แต่การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกำลังบอกเราว่า “ยุคทองของดอลลาร์” อาจถึงจุดสูงสุดแล้ว

  1. สหรัฐฯ สูญเสียความน่าเชื่อถือเชิงนโยบาย
    ทั้งการเมืองภายในที่แตกแยก และการใช้มาตรการคว่ำบาตรอย่างพร่ำเพรื่อ ทำให้ประเทศต่าง ๆ มองหาทางเลือกใหม่
  2. จีนมีฐานเศรษฐกิจแข็งแกร่ง
    ด้วยการเป็นผู้ส่งออกอันดับหนึ่งของโลก และการมีภาคการผลิตที่ครองห่วงโซ่อุปทานสำคัญ ทำให้หยวนได้รับความต้องการใช้งานจริง
  3. ระบบการเงินดิจิทัลกำลังเป็นตัวเร่ง
    e-CNY และโครงการ mBridge คือกลไกที่ช่วยให้หยวนก้าวกระโดดข้ามข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์
  4. แต่ข้อจำกัดยังคงอยู่
    จีนยังควบคุมเงินทุนอย่างเข้มงวด และตลาดการเงินยังขาดความโปร่งใสเพียงพอที่จะทำให้หยวนเป็นสินทรัพย์สำรองหลักอย่างแท้จริง

บทสรุป: เส้นทางขรุขระสู่โลกใหม่

การที่หยวนครองสัดส่วนการชำระเงินข้ามพรมแดนทะลุ 50% นับเป็นหมุดหมายสำคัญที่โลกไม่อาจมองข้าม ทว่าหนทางสู่การท้าชิงอำนาจดอลลาร์ยังคงเต็มไปด้วยอุปสรรค

หากเปรียบระบบการเงินโลกเป็นท้องทะเลกว้าง ดอลลาร์ยังคงเป็นมหาสมุทรที่แผ่กว้างสุดสายตา แต่หยวนกำลังผงาดขึ้นเป็นกระแสน้ำเชี่ยวที่พร้อมจะเปลี่ยนทิศทางของกระแสหลัก ในที่สุด อนาคตอาจไม่ใช่การแทนที่กันโดยตรง หากแต่เป็น “ทะเลหลายกระแส” ที่สกุลเงินต่าง ๆ ร่วมกันกำหนดชะตาเศรษฐกิจโลก ที่จะส่งผลให้เงินบาทถูกยกขึ้นมามีบทบาทสำคัญในสกุลของของโลกในอนาคต

แหล่งอ้างอิง

  • The Economist. (2025). China pushes the yuan as the dollar falters.
  • IMF Data, Cross-Border Payments Report (2024).
  • People’s Bank of China, Governor Pan Gongsheng’s speech, June 2025.
  • SWIFT & CIPS Transaction Statistics (2024).
  • #imctnews รายงาน