In Global
จีนอนุรักษ์ลุ่มแม่น้ำแยงซีเน้นการพัฒนา ที่ยั่งยืน

การเปลี่ยนแปลงของแม่น้ำแยงซีของจีน ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ยาวเป็นอันดับสามของโลก จากสภาพที่มีมลพิษสู่การมีน้ำใสเขาเขียวนั้น ถือเป็นประสบการณ์อันมีค่าแก่การอนุรักษ์แม่น้ำสายสำคัญๆของทั่วโลกที่กำลังเผชิญกับวิกฤตระบบนิเวศ
เมื่อเร็วๆ นี้ สถาบันวิจัย สำนักข่าวซินหวาเผยแพร่รายงานการวิจัยฉบับหนึ่งโดยเน้นถึงประสิทธิภาพและความสำคัญในการบริหารจัดการแม่น้ำแยงซีของจีนในยุคใหม่ พร้อมทั้งระบุว่า แนวทางการบริหารจัดการแม่น้ำแยงซีเป็นแนวทางที่มีลักษณะเป็นระบบ บูรณาการ และนวัตกรรม จึงเป็นประสบการณ์อันมีค่าในการปกป้องความมั่นคงทางนิเวศวิทยา ส่งเสริมความกลมกลืนระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ และสนับสนุนการพัฒนาที่ถือประชาชนเป็นศูนย์กลาง รวมทั้งขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจสีเขียวอีกด้วย
รายงานระบุว่า การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วโดยปราศจากการปกป้องระบบนิเวศอย่างมีประสิทธิภาพในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา เคยทำให้แม่น้ำแยงซี “ป่วยหนัก” ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2012 จีนกำหนดให้การฟื้นฟูระบบนิเวศของแม่น้ำแยงซีเป็นภารกิจสำคัญสูงสุดระดับชาติ และได้ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์จากการพัฒนาแบบดั้งเดิมไปสู่การอนุรักษ์ระบบนิเวศในลุ่มแม่น้ำแยงซีอย่างครอบคลุม
เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษในลุ่มแม่น้ำแยงซีจากทั้งต้นเหตุและปลายเหตุ จีนได้ใช้มาตรการต่างๆ ตั้งแต่การฟื้นฟูพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำ ควบคุมช่องทางระบายน้ำเสียและปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสีย ไปจนถึงการบังคับใช้กฎหมายห้ามทำประมงในแม่ย้ำแยงซีเป็นเวลา 10 ปี
จีนยังใช้วิธีการทางกฎหมาย เช่น กฎหมายคุ้มครองแม่น้ำแยงซี และมีการวางแผนที่ประสานสอดคล้องกัน รวมทั้งติดตามผลด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยเปลี่ยนวิธีการกำกับดูแลแม่น้ำจากแนวทางที่กระจัดกระจายเป็นช่วงๆ ไปเป็นยุทธศาสตร์ที่เป็นหนึ่งเดียวทั่วทั้งลุ่มน้ำ ทำให้มั่นใจได้ว่า การคุ้มครองจะมีความครอบคลุม เป็นระบบ และยั่งยืน
นอกจากนี้ เมืองใหญ่ตามริมแม่น้ำมีความมุ่งมั่นและดำเนินการในการอนุรักษ์ระบบนิเวศของลุ่มแม่น้ำแยงซี ควบคู่ไปกับการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เน้นเทคโนโลยีและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ก็ช่วยทำให้ระบบนิเวศในลุ่มแม่น้ำแยงซีฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
ปัจจุบัน สัดส่วนของน้ำคุณภาพสูงในแม่น้ำแยงซีเพิ่มขึ้นจาก 82.3 เปอร์เซ็นต์ในปี 2016 มาเป็น 98 เปอร์เซ็นต์ ความหลากหลายทางชีวภาพกำลังฟื้นตัวขึ้น ประชากรโลมาปากขวดในแม่น้ำแยงซีเพิ่มขึ้นเป็น 1,249 ตัวในปี 2023 ซึ่งเพิ่มจากปี 2017 ถึง 23.4 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ระหว่างปี 2021 ถึง 2024 ชนิดพันธุ์ปลาพื้นเมืองมี 344 ชนิด ซึ่งมากกว่าช่วงปี 2017-2020 ถึง 36 ชนิด
การเปลี่ยนแปลงของแม่น้ำแยงซีแสดงให้เห็นว่า การปกป้องระบบนิเวศไม่ได้เป็นภาระต่อเศรษฐกิจ แต่เป็นรากฐานของความเจริญรุ่งเรืองที่ยั่งยืน และได้เปิดเส้นทางสีเขียวเพื่อทดแทนอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิม
ปัจจุบัน มีสถานีกำเนิดไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่ 6 แห่ง ตั้งอยู่ในบริเวณลุ่มแม่น้ำแยงซี สถานีกำเนิดไฟฟ้าเหล่านี้ได้ผลิตไฟฟ้ามากกว่า 3.5 ล้านล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนมากกว่า 2,800 ล้านตัน ขณะเดียวกัน คลัสเตอร์อุตสาหกรรมระดับสูงในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และสิ่งทอ เติบโตอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคนี้
รายงานยังระบุว่า แถบเศรษฐกิจแม่น้ำแยงซี ซึ่งครอบคลุม 11 มณฑล และเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรและ GDP ทั่วประเทศ กำลังขับเคลื่อนการยกระดับโครงสร้างเศรษฐกิจ และการเติบโตที่มีคุณภาพสูง ตอกย้ำตำแหน่งของแถบเศรษฐกิจแม่น้ำแยงซีในฐานะแรงขับเคลื่อนระดับชาติในการขับเคลื่อนการพัฒนาด้วยนวัตกรรม
การเปลี่ยนแปลงอันลึกซึ้งของแม่น้ำแยงซีสะท้อนถึงภูมิปัญญาที่เคารพกฎธรรมชาติ แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบทางประวัติศาสตร์ที่เป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นปัจจุบันและอนาคต ตลอดจนสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางและการพัฒนาที่ยั่งยืน