Authority & Harm
'เรืองชัย ไม่รอด'แอบเป็นพระจีนช่วงกินเจ ชาวบ้านร้องหลวงพี่น้ำฝนตามรวบแล้ว

นครปฐม-เขาอีกแล้ว "เรืองชัย" หลวงตาเวิร์คฟอร์มโฮม แอบแต่งกายเป็นพระจีน ออกขอข้าวกิน ขอเงิน จนชาวบ้านระอาและโทรประสานหลวงพี่น้ำฝนนำทีมตำรวจพระไปจับ โดยเมื่อไปพบตัวหลวงพี่น้ำฝนถึงกับส่ายหัว เพราะเคยจับ นายเรืองชัย มาแล้วถึงสามครั้ง และจับศึกไปทุกครั้ง แต่คราวนี้เจ้าหน้าที่แจ้งชัดไม่ได้เป็นพระสงฆ์ไม่มีสัง หรือไม่ได้จำวัด แต่เป็นการแต่งกายเลียนแบบพระ ส่งเข้าดำเนินคดีเอาความผิดทางกฎหมายทันที รูดม่านฝันค้างเตรียมรอรับเงิน ผลประโยชน์จากเทศกาลกินเจปีนี้ กลายเป็นกินข้าวแดงในเรือนจำแทน
วันที่ 17 ตุลาคม 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ ( หลวงพี่น้ำฝน ) ผู้รักษาการแทน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม พระอารามหลวง จังหวัดนครปฐม ได้รับการแจ้งประสานงานจากประชาชนว่ามีชายสูงวัยแต่งกายคล้ายพระ ได้มีการออกมาขอข้าวกิน และขอเงินจากชาวบ้าน บริเวณร้าน ข้าวหมูแดง หงษ์หยก ถนนเทศาซอย 1 เขตเทศบาลนครนครปฐม จ.นครปฐม และได้เดินหลบเข้าไปในศาลเจ้าจีน ที่อยู่ห่างไปไม่ไกล จึงได้มอบหมายให้พระวินยาธิการ วัดไผ่ล้อม ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ ที่มูลนิธิเป๋าเก็งเต็ง ซอยบริพัตร ซึ่งอยู่ตรงข้ามกัน และได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจรถจักรยานยนต์สถานีตำรวจภูธรเมืองนครปฐม ให้ร่วมเข้าตรวจสอบ
โดยเมื่อพระวินยาธิการ ได้เข้า ตรวจสอบพบชายสูงวัยแต่งกายเป็นลักษณะคล้ายพระจีน จึงได้เข้าสอบและขอตรวจสอบเอกสารความเป็นพระ แต่เมื่อพบกับชายคนดังกล่าวทั้งพระและเจ้าหน้าที่ต่างร้องเสียงเดียวกันว่า "อีกแล้หรือ" เพราะชายคนที่แต่งกายลักษณะพระดังกล่าวคือนายเรืองชัย ทับทิมศรี อายุ 70 ปี หรือที่จดจำกันได้คือ หลวงตาเวิร์คฟอร์มโฮม ซึ่งเคยถูกจับสึกไปแล้วถึงสามครั้งเนื่องจากไม่สังกัดวัดและมีการออกเอกสารหนังสือสุทธิปลอมมาแล้ว
จากนั้นหลวงพี่น้ำฝน ได้ติดตามเข้ามาตรวจสอบ และเข้าสอบถามข้อมูลโดยมีสีหน้าเอื้อมระอาแต่ยังมีรอยยิ้ม ซึ่งสอบถามว่าเหตุใดจึงแต่งกายเป็นแบบพระจีนและสังกัดอยู่วัดใด ปรากฏว่านายเรืองชัย ได้ตอบเพียงสั้นสั้นว่าไม่ได้ไปบวชที่วัดไหนเป็นการภาวนาจิตด้วยตัวเองและแต่งกายเป็นพระจีน คล้ายอันนัมนิกาย ซึ่งหลวงพี่น้ำฝนบอกว่า ตอนนี้เท่ากับว่านายเรืองชัยไม่ใช่พระ จึงไม่ใช่อำนาจการตัดสินใจของอาตมา และขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง จึงได้ประสานไปยังพันตำรวจเอกอชิรวัตติ์ ถาวรเจริญวัด ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนครปฐม และนางพัทยา ทองเสภี ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม เพื่อให้ร่วมเข้าตรวจสอบ ขณะเดียวกันได้นายเรืองชัยได้พยายาม ใช้ วลีเดิมคือขอโอกาสให้ผมอีกสักครั้ง ซึ่งหลวงพี่น้ำฝนได้แจ้งว่าท่านพูดคำนี้มาหลายครั้งแล้วต่อไปก็คือหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่จะเป็นผู้พิจารณา
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวไปทำการสอบสวนและตรวจสอบประวัติทั้งหมด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม ได้ยืนยันว่าการแต่งกายลักษณะดังกล่าวเป็นการแต่งกายลักษณะของการแบบพระสงฆ์ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาแต่งกายหรือใช้เครื่องหมายที่แสดงเป็นพระภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวชในศาสนาใดโดยไม่ชอบ ซึ่งจะมีโทษทั้งจำทั้งปรับโดยวันนี้นายเรืองชัยจะถูกควบคุมตัวอยู่ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองนครปฐม ก่อนจะมีการส่งฟ้องศาลในวันพรุ่งนี้ เท่ากับ เป็นการดำเนินคดี ทางกฎหมายกับนายเรืองชัย อย่างเด็ดขาด
นายเอ๋ (นามสมมติ) อายุ 36 ปี เจ้าหน้าที่มูลนิธิเป๋าเก็งเต็ง ซอยบริพัตร บอกว่าเพิ่งเคยเห็นนายเรืองชัย เข้ามาที่ศาลเจ้าจีนในวันนี้ซึ่งปกติจะไม่มีคนพลุกพล่าน แต่วันนี้ได้มีการรวมตัวกันของเจ้าหน้าที่เพื่อเตรียมตัวในการเข้าสู่ช่วงเทศกาลถือศีลกินเจ ซึ่งที่นี่จะมีคนเข้ามาเป็นจำนวนมากเพราะประตูไม่ได้ปิด คาดว่านายเรืองชัยน่าจะขับขี่รถจักรยานยนต์โดยแต่งกายเป็นชุดปกติทั่วไปก่อนจะมาเปลี่ยนเป็นชุดพระจีนแล้วเดินออกไปขอข้าวกินที่บริเวณถนนเทศา ซอย 1 ก่อนจะมีหลวงพี่น้ำฝนและตำรวจเข้ามาติดตามจับกุม และตนเองจำได้ว่าเขาเคยถูกจับเรื่องการแต่งกายเป็นพระและเป็นพระอาศัยอยู่ที่บ้านมาแล้ว ไม่คิดว่าจะมาถึงสถานที่แห่งนี้อีก
นางสาวปุ้ย (นามสมมติ) อายุ 40 ปี แม่ค้าขายข้าวโพดที่หน้าร้านขายข้าวหมูแดง บอกว่าพบพฤติกรรมของนายเรืองชัยมาหลายวัน ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ได้แสดงความระอา เพราะเจ้าตัวจะแต่งกายเป็นพระจีนมาทุกวัน ที่ร้านเปิดขาย โดยจะมาขอกินข้าว จากนั้นเมื่อกินข้าวเสร็จ ก็จะขอเงิน เมื่อขอเงินเสร็จอยากกินอะไรก็เดินขอให้คนนั้นคนนี้ซื้อให้ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ดูแล้วไม่ ทั้งยังมีลักษณะที่เป็นการแสดงความน่ารังเกียจ คือเมื่อรับประทานอาหารอยู่มักจะขากเสลดถุยลงพื้นเสียงดังสร้างความไม่สบายใจให้กับลูกค้า และเป็นที่น่าสะอิดสะเอียน จนวันนี้รู้สึกว่าทนไม่ไหวจึงได้โทรประสานไปยังหลวงพี่น้ำฝนและมีการเข้ามาติดตามจับกุมถึงได้รู้ว่ามีการแต่งกายหลอกว่าเป็นพระ ซึ่งตนเองก็เคยเห็นเขาตามหน้าสื่อออนไลน์และตามหน้าข่าว ไม่คิดว่าจะกลับมาก่อเหตุซ้ำซากอย่างนี้อีกซึ่งอยากให้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างจริงจังซึ่งถือว่าโทรหาหลวงพี่น้ำฝนแล้วดำเนินการได้จบสิ้นวันนี้ ถือเป็นเรื่องดีเหมือนกัน
ขณะที่พันตำรวจโทตะวัน วัฒนรังสรรค์ รองผู้กำกับการปราบปราม สถานีตำรวจภูธรเมืองนครปฐม แจ้งว่าได้รับมอบหมายจากผู้กำกับการฯ วันนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบพบผู้ต้องหาแต่งกาย คล้ายพระ ซึ่งได้มีการดำเนินการควบคุมตัวมาทำการสอบสวน โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพระพุทธศาสนาได้ยืนยันว่าการแต่งกายลักษณะแต่งกายคล้ายกับพระพิสุสงฆ์จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งตอนนี้ได้ทำบันทึกแล้วส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไปตามกระบวนการ
ที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเรื่องชัย หรืออดีตพระเรืองชัย หรือที่รู้จักกันในชื่อหลวงตาเวิร์คฟอร์มโฮม ได้ถูกจับกุมมาแล้วสามครั้งซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 โดยครั้งแรกถูกจับกุมขณะแต่งกายเป็นพระและอาศัยอยู่บ้านพัก โดยไม่กลับวัดและขับรถกระบะไปบิณฑบาตก่อนจะกลับมานอน ก่อนจะถูกลงพี่น้ำฝนติดตามจับกุมตัวได้ที่หน้าบ้าน จนได้รับฉายาว่าเป็นหลวงตาเวิร์คฟอร์มโฮม
ต่อมาครั้งที่สองได้รับแจ้งจากประชาชนว่า นายเรืองชัย ได้แต่งกายคล้ายพระสงฆ์ ออกบิณฑบาต ที่บริเวณสำนักงานขนส่งนครปฐม ตลาดเซียฮวด ไม่ห่างจากวัดไผ่ล้อม ซึ่งหลวงพี่น้ำฝน ก็ได้นำคณะพระวินยาธิการ บุกตามจับได้อีก โดยมีลักษณะจะวิ่งหนีฝ่าวงล้อมออกไป
ส่วนครั้งที่สาม นายเรืองชัยได้เปลี่ยนสถานที่ แต่งกายเป็นพระแล้วออกเดินบิณฑบาตที่ตลาดสดอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ซึ่งตอนนั้นเจ้าหน้าที่กอ.รมน. จังหวัดนครปฐม ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม เจ้าหน้าที่เทศกิจ เทศบาลตำบลบ้านโป่ง ได้ร่วมกันควบคุมตัวโดยพบอุปกรณ์ติดตัวหลายอย่าง และสารภาพว่าไม่ได้มีสังกัดวัด ซึ่งเป็นไปตามหลักการทุกครั้ง และก็ถูกจับศึกมาแล้วทั้งสามครั้ง แต่ในครั้งนี้ได้เปลี่ยนวิธีคิดโดยการใช้ช่องทางแต่งกายเป็นลักษณะพระจีน และอ้างว่าปีการภาวนาตัวเอง โดยได้ไม่ได้มีการบวช โดยหวังจะเข้ามาอาศัยช่วงที่ประชาชนกำลังจะเข้าเทศกาลถือศีลกินเจประจำปี 2568 ในการออกรับบริจาค ขอข้าวปลาอาหาร และขอเงินทอง ซึ่งน่าจะสร้างรายได้ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ แต่ก็ถูกหลวงพี่น้ำฝนและพระวินธิการ เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองนครปฐม บุกตามรวบตัวได้ทันควันก่อนที่เทศกาลจะเริ่มต้นเพียงแค่หนึ่งวัน ทำให้ ฝันค้างจากที่คิดจะได้ข้าวปลาอาหารและผลประโยชน์จากเทศกาลกินเจกลายเป็น เปลี่ยนสถานที่ไป กินข้าวภายในเรือนจำแทน