In News
นายกฯหารือทูตลาวประจำไทย2ประเด็น ขยายสัมปทานซื้อไฟ/แก้ไขค่าขนส่ง2ปท.

กรุงเทพฯ-นายกฯ หารือ เอกอัครราชทูต สปป.ลาว อำลาในโอกาสพ้นจากหน้าที่ ย้ำความสัมพันธ์ไทย - สปป.ลาว ที่ใกล้ชิดแนบแน่น พร้อมเดินหน้าสานต่อความร่วมมือระหว่างกันในทุกมิติ เพื่อประโยชน์ร่วมกันของประชาชนทั้งสองประเทศ
วันนี้ (วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม 2568) เวลา 11.00 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายคำพัน อั่นลาวัน (Mr. Khamphan Anlavan) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่ออำลาในโอกาสพ้นจากหน้าที่
นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณเอกอัครราชทูต สปป.ลาว ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่นตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างไทยกับลาวให้ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในการประสานงานการเยือน สปป.ลาว อย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและเป็นกันเองจากรัฐบาลและประชาชนลาว
นายกรัฐมนตรีได้ฝากคำขอบคุณมายัง นายทองลุน สีสุลิด ประธานประเทศ สปป.ลาว และนายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว สำหรับการให้การต้อนรับอย่างสมเกียรติ และย้ำความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการร่วมมือกับ สปป.ลาว ในทุกมิติ เพื่อประโยชน์ร่วมกันของประชาชนทั้งสองประเทศ
ด้านเอกอัครราชทูต สปป.ลาว กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนการทำงานของสถานเอกอัครราชทูต สปป.ลาว ด้วยดีเสมอมา พร้อมแสดงความยินดีที่นายกรัฐมนตรีได้เลือก สปป.ลาว เป็นประเทศแรกในการเยือนอย่างเป็นทางการหลังเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2568 ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพอันแนบแน่นระหว่างสองประเทศ พร้อมอวยพรให้นายกรัฐมนตรีประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและมีสุขภาพแข็งแรง
โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นความร่วมมือที่สำคัญ อาทิ
ด้านพลังงาน ไทยได้เสนอให้ สปป.ลาว พิจารณาการขยายสัญญาสัมปทานและการจำหน่ายไฟฟ้าให้กับประเทศไทย เพื่อสร้างเสถียรภาพด้านพลังงานระยะยาว
ด้านการขนส่งสินค้าข้ามแดนและผ่านแดน นายกรัฐมนตรีเสนอให้ทั้งสองฝ่ายอำนวยความสะดวกและพิจารณาร่วมกันในเรื่องอัตราค่าขนส่ง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนผู้บริโภค
สำหรับประเด็นความร่วมมืออื่น ๆ จะใช้กลไกการประชุมคณะกรรมาธิการร่วม (Joint Commission – JC) และคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Commission - JBC) ในการขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างสองประเทศต่อไป
โดยในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณเอกอัครราชทูต สปป.ลาว ที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้ใกล้ชิดและรอบด้านมากขึ้น และเชื่อมั่นว่า ประสบการณ์ของเอกอัครราชทูตจะช่วยสานความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนไทยและลาวต่อไปในอนาคต
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า บรรยากาศการหารือเป็นไปด้วยมิตรภาพและความอบอุ่น สะท้อนให้เห็นถึงสายสัมพันธ์ “ไทย–ลาว” ที่แนบแน่น พร้อมเดินหน้าความร่วมมือเพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนร่วมกันของสองประเทศ