In Global

จีนเดินหน้าควบคุม‘สงครามราคา’มุ่ง สร้างตลาดที่ยั่งยืน



ปักกิ่ง, 22 ต.ค. (ซินหัว)-จีนเร่งออกมาตรการจำกัดการแข่งขันที่รุนแรงเชิงลบที่ได้ผลตอบแทนไม่คุ้มค่า หรือที่เรียกว่า “วิ่งแข่งหนู” ในบางอุตสาหกรรม โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้ตลาดเน้นไปที่คุณค่าด้านนวัตกรรมและคุณภาพ โดยปัจจุบันเริ่มมองเห็นสัญญาณความก้าวหน้าเบื้องต้นแล้ว 

สือหง คณะกรรมการกิจการนิติบัญญัติของคณะกรรมการถาวรสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีนระบุว่า กฎหมายต่อต้านการแข่งขันไม่เป็นธรรมฉบับปรับปรุง ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันพุธ (15 ต.ค.) ที่ผ่านมา ได้มอบอำนาจแก่หน่วยงานที่กำกับดูแลในการจัดการกับการแข่งขันดุเดือดลักษณะดังกล่าว ที่บรรดาบริษัทแห่ลดราคาอย่างหนักหน่วง แต่ได้รับผลตอบแทนลดลง กฎหมายดังกล่าวยังระบุถึงมาตรการระบบตรวจสอบการแข่งขันที่เป็นธรรม เพื่อปรับปรุงกรอบการควบคุมพฤติกรรมดังกล่าว

จีนยังเสนอให้ปรับปรุงกฎหมายการกำหนดราคาที่มีอายุเกือบ 30 ปี โดยร่างกฎหมายฉบับแก้ไขที่เผยแพร่เมื่อเดือนกรกฎาคมเสนอให้ห้ามมิให้บริษัทต่างๆ ขายสินค้าต่ำกว่าต้นทุนเพื่อ “กีดกันคู่แข่งหรือก่อให้เกิดการผูกขาดตลาด”  

ประเด็นนี้ได้รับความสนใจหลัง มีการประชุมระดับผู้นำของส่วนกลางในเดือนกรกฎาคม ปี 2024 ซึ่งเรียกร้องสร้างวินัยในอุตสาหกรรมที่มีความเข้มงวดมากขึ้น และต่อมาถูกบรรจุไว้ในรายงานการทำงานของรัฐบาลปี 2025 โดยมีการให้คำมั่นว่าจะใช้ “มาตรการรอบด้าน” เพื่อต่อต้านการแข่งขันที่ไร้ระเบียบ 

ในการประชุมระดับสูงรายการหนึ่งเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาได้ย้ำถึงแผนการควบคุมองค์กรธุรกิจ และจัดการกำลังการผลิตในอุตสาหกรรมสำคัญๆ

มาตรการของจีนมีหลายด้าน อาทิ การคุมกำลังการผลิตในอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูง เช่น แผงโซลาร์เซลล์และปูนซีเมนต์ การติดตามราคาของยานยนต์พลังงานใหม่ และการทยอยหยุดกำลังการผลิตอุตสาหกรรมที่ล้าสมัย ซึ่งตอนนี้เริ่มเห็นผลลัพธ์ในเบื้องต้น 

เห็นได้จากเดือนกันยายนที่ผ่านมา ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ปรับตัวลดลงน้อยลงเป็นเดือนที่สอง และในเดือนสิงหาคม กำไรของบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.4 เมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งเป็นการเติบโตสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2023 ส่วนราคาโพลีซิลิกอนและแผงโซลาร์เซลล์ก็ขยับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สาม

นักวิเคราะห์เตือนว่า การแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมที่ไม่ได้รับการควบคุม อาจขัดขวางนวัตกรรมและส่งผลกระทบต่อการพัฒนาในระยะยาว โดยย้ำว่ามาตรการเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการปฏิรูปที่ต่อเนื่องและยั่งยืน

ว่านเจ๋อ นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยครุศาสตร์ปักกิ่งกล่าวว่า ความคิดริเริ่มนี้สะท้อนถึงการปฏิรูปเชิงระบบที่มุ่งขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างลึกซึ้งในอนาคต

ความพยายามดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระยะ 5 ปี ฉบับที่ 15 ของจีน (ปี 2026-2030) ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก เช่น การปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานและการเพิ่มขึ้นของแนวโน้มกีดกันทางการค้า โดยแผนพัฒนาฯ มุ่งเน้นการกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศและการส่งเสริมนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี

นักวิเคราะห์ชี้ว่า จำเป็นต้องมีการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศผ่านการปฏิรูปการกระจายรายได้ การปรับปรุงสภาพแวดล้อมการบริโภค และการขจัดปัญหาคอขวดของอุปทาน ซึ่งไม่ใช่การอาศัยมาตรการกระตุ้นระยะสั้นๆ

เพื่อกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการต่างๆ ทั้งขยายขอบเขตโครงการแลกเปลี่ยนสินค้าเพื่อผู้บริโภค การเพิ่มการเข้าถึงสินเชื่อเพื่อการบริโภค และการสนับสนุนการจ้างงานอย่างแข็งขัน

ทั้งนี้ หลี่เฉียง นายกรัฐมนตรีจีนได้เรียกร้องให้เดินหน้าขจัดปัญหาต่างๆ เพิ่มอุปสงค์ภายในประเทศ เสริมความเข้มแข็งให้การหมุนเวียนทางเศรษฐกิจภายใน ส่งเสริมการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ กระตุ้นพลวัตของตลาด และแก้ไขปัญหาการแข่งขันที่ไร้ระเบียบ

(ที่มา: https://www.xinhuathai.com/silkroad/539769_20251022 , https://en.imsilkroad.com/p/347909.html)