In News
กกจ.เตือนคนไทยถูกหลอกทำงานคอลฯ เร่งช่วยแรงงานถูกต้ม300คนสูญ22ล้าน
กรุงเทพฯ-กรมการจัดหางาน เตือนภัย! อย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพหลอกคนไทยไปทำงานประเทศเพื่อนบ้าน เสี่ยงถูกบังคับทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และทำผิดกฎหมาย พร้อม เร่งช่วย! คนหางานถูกหลอกไป ตปท. 300 ราย เสียหาย 22 ล้าน ปคม.จ่อออกหมายจับ
นายพิเชษฐ์ ทองพันธ์ อธิบดีกรมการจัดหางาน(กกจ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีกลุ่มมิจฉาชีพใช้สื่อออนไลน์ ทั้งเว็บไซต์ และเพจเฟซบุ๊กโฆษณาชักชวนคนไทยไปทำงานประเทศเพื่อนบ้าน ในตำแหน่งแอดมินออนไลน์ ตอบแชทลูกค้า โดยแอบอ้างว่ามีค่าตอบแทนสูง สวัสดิการดี มีที่พักและอาหารให้ เพื่อจูงใจ เมื่อมีผู้สนใจตกลงทำงานและเดินทางไปถึง จะถูกบังคับให้ทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือเว็บการพนันผิดกฎหมาย มีการกักขัง ให้อดอาหารและมีการข่มขู่ รวมถึงทำร้ายร่างกาย ยึดเอกสารประจำตัว หรือมีการขายต่อให้นายจ้างรายอื่น

“กรมการจัดหางาน มีความห่วงใยและให้ความสำคัญกับการคุ้มครองคนหางานทุกคน จึงขอแจ้งเตือนผู้ที่สนใจไปทำงานต่างประเทศ ตรวจสอบข้อมูลการรับสมัครงานและบริษัทจัดหางานให้ถูกต้องตามกฎหมาย และโปรดระมัดระวังหากพบเห็นการโฆษณาที่ให้ผลตอบแทนสูงเกินจริงและมีลักษณะผิดปกติ รวมถึงขอย้ำว่าอย่าหลงเชื่อขบวนการหลอกลวงให้ไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้านโดยเด็ดขาด ทั้งนี้ การโฆษณาจัดหางานบนสื่อสังคมออนไลน์ โดยไม่ได้รับอนุญาตถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528 และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยมีโทษ จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” นายพิเชษฐ์ กล่าว
ทั้งนี้ ผู้สนใจทำงานต่างประเทศสามารถศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศที่ตนจะเดินทางไปทำงาน เพื่อป้องกันการหลอกลวงที่เว็บไซต์ doe.go.th หรือเว็บไซต์กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ doe.go.th/overseas หรือที่สายด่วนกระทรวงแรงงานโทร.1506 กด2 กรมการจัดหางาน
เร่งช่วย!คนหางานถูกหลอกไปตปท.300รายสั่งฟันบริษัทฯนายหน้า

นายพิเชษฐ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีมีคนหางานถูกกลุ่มบุคคล แอบอ้างเป็นตัวแทนของบริษัทรับจัดทำวีซ่าแห่งหนึ่งหลอกลวงว่าจะสามารถส่งไปทำงานเกษตรที่ประเทศแคนาดาและออสเตรเลียได้โดยเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้เสียหาย ว่า ในวันที่ 22 ตุลาคม 2568 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ได้ประสานกรมการจัดหางานว่ามีคนหางานมาร้องทุกข์เพิ่มเติมในกรณีดังกล่าว จึงได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการกองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน และเจ้าหน้าที่ เร่งเข้าร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงและรับเรื่องร้องทุกข์คนหางาน ณ กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยสรุปได้ว่า มีคนหางาน มาร้องทุกข์เพิ่มเติมอีก 134 คน ซึ่งถูกกรรมการบริษัทกับกลุ่มผู้ร่วมกระทำผิด หลอกลวงในลักษณะเดียวกัน โดยผู้เสียหายแต่ละรายได้จ่ายค่าบริการและค่าใช้จ่ายเป็นเงินประมาณคนละ 60,000 – 150,000 บาท รวมมูลค่าความเสียหายเพิ่มเติมกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งยอดรวมผู้เสียหายจากกรณีดังกล่าว ณ วันที่ 21 – 22 ตุลาคม 2568 มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 303 คน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 22 ล้านบาท
นายพิเชษฐ์ กล่าวว่าได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อบริษัทดังกล่าวและผู้ที่เกี่ยวข้องทันที ในข้อหาฝ่าฝืนพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามมาตรา 91 ตรี ซึ่งมีโทษหนัก คือ จำคุกตั้งแต่ 3 ปี - 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 60,000 - 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์จะเร่งดำเนินการขอให้ศาลออกหมายจับผู้บริหารของบริษัทดังกล่าวกับพวก เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
"ขอให้คนหางานทุกคนตระหนักถึงภัยการหลอกลวงในรูปแบบนี้ และย้ำอีกครั้งว่า ก่อนตัดสินใจโอนเงินให้สายนายหน้าหรือผู้แทนบริษัทรายใด ขอให้ตรวจสอบรายชื่อบริษัทจัดหางานที่ได้รับอนุญาตให้จัดส่งคนหางาน ไปทำงานต่างประเทศจากกรมการจัดหางาน ที่เว็บไซต์กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน doe.go.th/ipd เสียก่อน" นายพิเชษฐ์ กล่าว
ทั้งนี้ หากคนหางานได้รับความเดือดร้อนจากการถูกสาย/นายหน้าหลอกลวงไปทำงานต่างประเทศ สามารถขอรับคำปรึกษาและขอความช่วยเหลือได้ที่ กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน โทร. 0 2248 4792 และ โทร. 0 2245 6763 หรือที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 10 หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน
