In News
นายกไทย-เขมรเซ็นJoint Declaration ยึด4ข้อแสดงเจตนารมณ์ก้าวสู่สันติภาพ
นายกฯ อนุทิน เผยไทย-กัมพูชา ลงนามถ้อยแถลงแล้ว กัมพูชายืนยันปฏิบัติตามข้อตกลง ด้านการหารือ ปธน.ทรัมป์ ผลักดันการพิจารณาลดภาษี หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมหารือผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ต่อไป ส่วนรายละเอียดสำคัญในการลงนาม “Joint Declaration” ที่กัวลาลัมเปอร์ พร้อมยืนยันว่าไทยจะปล่อยตัวประกันเมื่อมีการดำเนินการใน 4 ข้อที่ได้ตกลงกันไว้
วันนี้ (วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2568) เวลา 18.25 น. นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ ในเวลา 13.20 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเร็วกว่ากรุงเทพฯ 1 ชม.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ให้สัมภาษณ์สื่อโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ภายหลังการลงนามถ้อยแถลงผลการพบหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรไทยและนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย โดยสรุปสาระสำคัญดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการลงนามถ้อยแถลงผลการพบหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรไทยและนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย โดยมีนายโดนัลด์ เจ ทรัมป์ (The Honorable Donald J. Trump) ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม (Dato’ Seri Anwar Ibrahim) นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งทุกฝ่ายช่วยกัน เพื่อต้องการสร้างสันติภาพ โดยตระหนักว่ามีความคุ้มค่ามากกว่าการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยนายกรัฐมนตรีได้มีโอกาสพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ยืนยันว่าจะปฏิบัติตามแนวทางและข้อตกลงที่ได้ลงนามร่วมกันไว้ ถือว่าเป็นข้อปฏิบัติที่จะนำไปสู่การบริหารจัดการความขัดแย้งให้ลดระดับลงมา

สำหรับการพบหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า บันทึกข้อตกลงที่ได้ลงนามไป ได้มีการพูดคุยกันหลายรอบแล้ว และการพูดคุยในวันนี้ได้ขอให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ช่วยสนับสนุนไทยมากขึ้น โดยเฉพาะประเด็นเรื่องอัตราภาษี ซึ่งไทยให้ความร่วมมือกับสหรัฐฯ ในหลาย ๆ เรื่อง จึงอยากให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ พิจารณาลดภาษีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงที่เกี่ยวข้องไปหารือกับทางผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (U.S. Trade Representative) ต่อไป
รายละเอียดสำคัญในการลงนาม“Joint Declaration”

นายสิริพงศ์ เปิดเผยอีกว่า การลงนาม Joint Declaration by the Prime Minister of the Kingdom of Cambodia and the Prime Minister of the Kingdom of Thailand on the outcomes of their meeting in Kuala Lumpur, Malaysia โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมกับสมเด็จฯ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยมีประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา และนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม แห่งมาเลเซีย ประธานอาเซียน เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน ถือเป็นก้าวสำคัญของทั้งสองประเทศ โดย Joint Declaration ที่มีการลงนามในวันนี้ มีสาระสำคัญ ดังนี้
1) ผู้นำไทยและกัมพูชาแสดงเจตนารมณ์ต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างสองประเทศ ตามที่เคยประกาศไว้ ณ เมืองปุตราจายา เมื่อ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยย้ำความมุ่งมั่นที่จะละเว้นการคุกคามและใช้กำลัง แก้ไขข้อพิพาทโดยสันติ เคารพต่อเขตแดนและกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อส่งเสริมสันติภาพ เสถียรภาพ และความรุ่งเรืองร่วมกันในภูมิภาค
2) สองประเทศยืนยันความมุ่งมั่นในการยึดมั่น และดำเนินการตามข้อตกลงที่ได้บรรลุร่วมกันในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป
3) สองประเทศได้ลงนามในเอกสาร “ขอบเขตการจัดตั้งกลไกผู้สังเกตการณ์อาเซียน” (ASEAN Observer Team: AOT) ซึ่งจะประกอบไปด้วยบุคลากรจากรัฐสมาชิกอาเซียน เพื่อให้แน่ใจว่าข้อตกลงหยุดยิงจะได้รับการปฏิบัติอย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ โดยขอให้รัฐสมาชิกให้การสนับสนุนเพื่อให้ AOT ประสบความสำเร็จในการปฏิบัติภารกิจ
4) ให้คำมั่นที่จะลดความตึงเครียด ฟื้นฟูความเชื่อมั่น และความสัมพันธ์ที่เป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ เพื่อบรรลุและสนับสนุนเป้าหมายเหล่านี้ ได้มีการตกลงในขั้นตอนดังต่อไปนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าข้อตกลงหยุดยิงจะได้รับการปฏิบัติอย่างสมบูรณ์
- ทั้งสองฝ่ายจะลดความตึงเครียดทางทหาร โดยจะถอนอาวุธหนักและยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูงออกจากพื้นที่ชายแดนภายใต้การสังเกตการณ์ของ AOT พร้อมมอบหมายคณะทำงานร่วมจัดทำแผนปฏิบัติการอย่างเป็นขั้นตอน
- ละเว้นการเผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือวาทกรรมที่ยั่วยุความขัดแย้ง เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งสันติและความไว้วางใจระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ
- เห็นพ้องที่จะดำเนินมาตรการสร้างความเชื่อมั่นทันทีและเต็มรูปแบบ เพื่อฟื้นฟูและรักษาความเชื่อมั่น ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน แก้ไขความแตกต่างอย่างสันติ นำไปสู่การฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ
- ประสานงานเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในพื้นที่ชายแดน ตามที่ได้ตกลงในที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เพื่อปกป้องชีวิตพลเรือน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างสองประเทศ
- ยืนยันความมุ่งมั่นในการแก้ไขข้อพิพาทชายแดนและจัดทำหลักเขตแดน โดยสันติวิธีและกฎหมายระหว่างประเทศ โดยละเว้นการคุกคามหรือใช้กำลัง และการกระทำที่เป็นการยั่วยุ โดยใช้กลไกทวิภาคีสำหรับการทำงานร่วมกัน ได้แก่ คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) รวมถึงให้มีการประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดในระดับท้องถิ่น เพื่อบริหารจัดการสถานการณ์ในพื้นที่โดยสันติ รวมถึงการรุกล้ำพื้นที่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

ทั้งนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีย้ำว่า ต้องมีการดำเนินการตามข้อ 1-4 แล้วเท่านั้น ทั้งสองประเทศจึงจะพิจารณายุติสถานะความเป็นปรปักษ์อย่างเป็นทางการ และจึงจะเริ่มเข้าสู่กระบวนการปล่อยเชลยศึกชาวกัมพูชา เพื่อแสดงเจตนารมณ์แห่งมิตรภาพและสันติภาพ จากนั้น สองประเทศจึงจะพร้อมเพิ่มพูนร่วมมือด้านต่าง ๆ ต่อไป อาทิ การแบ่งปันข้อมูล การสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์ รวมทั้งเสริมสร้างความเข้มแข็งของการตรวจสอบควบคุมตามแนวชายแดน รวมถึงการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติในพื้นที่ชายแดน เพื่อให้สองประเทศมองไปข้างหน้าและเริ่มต้นพัฒนาความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนบ้านต่อไป นายสิริพงศ์กล่าว


