In News

สวนดุสิตโพลชี้'ดัชนีการเมืองไทยต.ค.68' ฝ่ายค้านคะแนนพุ่ง/'รักชนก'ดาวการเมือง



กรุงเทพฯ-สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจดัชนีการเมืองไทย ต.ค. 68  คะแนนภาพรวมเฉลี่ย 4.02 คะแนน (เท่า ก.ย. 68) คะแนนสูงสุด คือ ผลงานของฝ่ายค้าน (4.60) คะแนนต่ำสุด คือ แก้ปัญหาคอร์รัปชัน (3.58) นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลโดดเด่นประจำเดือน คือ อนุทิน ชาญวีรกูล 48.01% นักการเมืองฝ่ายค้านโดดเด่นประจำเดือน คือ รักชนก ศรีนอก 37.85% ผลงานฝ่ายรัฐบาลที่ชื่นชอบคือ เปิดใช้จ่ายคนละครึ่งพลัส ร้อยละ 64.42% ผลงานฝ่ายค้านที่ชื่นชอบประจำเดือน คือ ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล 53.34%

สรุปผลการสำรวจ "ดัชนีการเมืองไทย เดือนตุลาคม 2568" กลุ่มตัวอย่างให้คะแนนภาพรวมดัชนีการเมืองไทยประจำเดือนตุลาคม 2568 เฉลี่ย 4.02 คะแนน เท่ากับเดือนกันยายน 2568

ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนสูงสุด คือ ผลงานของฝ่ายค้าน เฉลี่ย 4.60 คะแนน ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนต่ำสุด คือ การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ความโปร่งใส 3.58 คะแนน นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน คือ อนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 48.01 นักการเมืองฝ่ายค้านที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน คือ รัชกชนก ศรีนอก ร้อยละ 37.85 ผลงานฝ่ายรัฐบาลที่ชื่นชอบประจำเดือน คือ เปิดใช้จ่ายคนละครึ่งพลัส ร้อยละ 64.42 ผลงานฝ่ายค้านที่ชื่นชอบประจำเดือน คือ ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ร้อยละ 53.34

ดร.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า ดัชนีการเมืองไทยเดือนตุลาคม 2568 ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า สะท้อนภาพรวมที่ประชาชน "เฝ้าดูแต่ยังไม่มั่นใจ" ต่อผลงานรัฐบาลชุดนี้ แม้จะพยายามเร่งขับเคลื่อนนโยบาย ทั้งคนละครึ่งพลัส และการแก้ปัญหาไทย-กัมพูชา แต่กระแสสังคมต่อประเด็น "สแกมเมอร์" และกรณี MOU แรร์เอิร์ธ ยังเป็นเรื่องที่ถูกตั้งคำถาม ทำให้กระทบต่อความเชื่อมั่น รวมถึงความโปร่งใสของรัฐบาลในสายตาประชาชน

ด้าน ผศ.ดร. เบญจพร พึงไชย ประธานหลักสูตรรัฐศาสตรบัณพิต โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต วิเคราะห์ว่า เดือนตุลาคม กล่าวได้ว่ามีสถานการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านการเมือง ส่วนของรัฐบาลที่ดูเหมือนจะต้องพยายามรักษาความเป็นรัฐบาลในระยะเวลา 4 เดือน ให้ได้ แต่ด้วยเหตุการณ์ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยืดเยื้อ แผ่ขยายไปถึงเรื่องสแกมเมอร์ การฟอกเงิน รวมไปถึงการค้ามนุษย์ และที่สำคัญ คงหนีไม่พ้นประเด็น MOU แรร์เอิร์ธ ที่ประชาชนไม่ได้รับทราบมาก่อน ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ล้วนส่งผลต่อดัชนีการเมืองไทยประจำเดือนนี้ ส่วนผลงานของฝ่ายค้านที่มีคะแนนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่าประชาชนไม่มั่นใจต่อรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ปัญาทุจริตคอร์รัปชัน ความโปร่งใส ที่ได้คะแนนต่ำสุด น่าจะเป็นผลพวงจากรัฐมนตรีที่มีชื่อพัวพันกับปัญหาสแกมเมอร์ที่กล่าวได้ว่าเป็นวาระแห่งชาติ ส่วนผลงานของรัฐบาลในเรื่องคนละครึ่งพลัส ที่ได้คะแนนอันดับ 1 น่าจะเป็นเพียงผลงานเดียวที่ช่วยยกระดับความเชื่อมั่นของรัฐบาลได้ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อคะแนนดัชนีที่คงที่ในเดือนนี้ อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลยังไม่สามารถแสดงออกถึงความโปร่งใสและความเชื่อมั่นต่อปัญาต่างๆ ที่เกิดขึ้น อาจส่งผลให้ความเชื่อมั่นลดลง และกระทบต่อเสถียรภาพและการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปีหน้า