Authority & Harm

อดีตตำรวจมือปราบน้ำมันเถื่อนร้องสว. ถูกเบี้ยวค่าสินบนจับกุมเรือน้ำมันเถื่อน



นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา
อดีตตำรวจมือปราบน้ำมันเถื่อน ร้อง สว.หลังรอความเป็นธรรมมา 26 ปี จากคำพิพากษาศาลฏีกา

วันที่ 3 พ.ย. ที่สำนักงานประสานงาน สมาชิกวุฒิสภา จ.สงขลา ถนนไทยอาคาร อ.หาดใหญ่ พ.ต.ท.ยงยศ เทียมประชา อดีต รอง ผกก.หัวหน้า สภ.อ.สุคินริน จ.นราธิวาส ได้ยื่นเอกสารเพื่อขอความเป็นธรรม จาก รัฐบาล ผ่านนายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภาสายสื่อมวลชน เพื่อเรียกร้องความยุติธรรม โดย พ.ต.ท.ยงยศ เปิดเผยว่า เมื่อปี 2534 ขณะเป็น สารวัตรสืบสวน อยู่ที่ ภ.จว.สตูล ได้รับคำสั่งจาก พล.ต.ต.พิชัย พิศาลสุพงศ์ รอง ผบช.ภ 4 ให้ ดำเนินการสืบสวนจับกุมผู้มีอิทธิพลค้าน้ำมันเถื่อน ใน จ.สตูล และได้จับกุมเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนของผู้มีอิทธิพลขณะกำลังขนถ่ายน้ำมันเถื่อนจากเรือฮะเฮง และเรือลักษมี ขึ้นสู่รถบรรทุกน้ำมัน ดำเนินคดีตามกฎหมาย ปรากฏว่าผู้ถูกจับกุมได้ต่อสู้คดีว่าเป็นการจับกุมโดยมิชอบ และน้ำมันที่ถูกจับกุมเป็นน้ำมันที่ถูกต้องตามกฎหมาย  พ.ต.ท.ยงยศ ได้มีการต่อสู้คดีด้วยตนเอง และถูกกลั่นแกล้งโดยย้ายจาก จ.สตูล ไปทำหน้าที่ใน จังหวัดต่างๆ จนสุดท้ายถูกย้ายมาเป็น รอง ผกก.หน.สภ.สุคิริน จ.นราธิวาส ก่อนเกษียณอายุ สำหรับผลคดี ศาลฎีกา ได้มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2542 ให้ พ.ต.ท.ยงยศ เทียมประชา ชนะคดี และพิพากษาให้ ด่านศุลกากร จ.สตูล จำหน่ายของกลาง คือ เรือเดินสมุทร ฉะเฮง 1 และ ลักษมี น้ำมันดีเซล 43.000 ลิตร รถบรรทุกน้ำมัน เป็นน้ำมันเถื่อน ริบเป็นของกลาง จ่ายสินบนแก้ผู้จับ

พ.ต.ท.ยงยศ กล่าวว่า หลังมีคำพิพากษาศาลฎีกา ให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรริบของกลาง จำหน่าย และจ่ายสินบนให้ผู้จับกุมส่วนหนึ่ง ริบเข้าหลวงส่วนหนึ่ง ตนได้ติดตามทวงถาม แต่ไม่มีความคืบหน้า โดย ศุลกากรตอบจดหมายว่า ต้องรอให้ขายของกลางครบถ้วนก่อน จึงจะจ่ายสินบนแก่ผู้จับกุมได้ ต่อมาตนสืบทราบจนทราบว่า เรือทั้ง 2 ลำ รวมทั้ง รถบรรทุกน้ำมัน นายทุนได้ขอประกัน ในวงเงินเพียง 1,1 50,000 บาท โดยเจ้าของเรือที่ขอนำเรือไปเก็บรักษาเอง อ้างว่าเรือทั้ง 2 ลำ ได้ จมน้ำไปแล้ว ตนจึงได้ยืนฟ้องเจ้าหน้าที่ และเจ้าหน้าที่ศุลกากรได้ยื่นฟ้องเจ้าของเรือในข้อหา ให้การเท็จ และถูกจำคุก 6 เดือน เพราะเรือทั้ง 2 ลำ มีการขายไปให้กับบุคคลอื่นแล้ว

ตนในฐานะผู้เสียหาย ได้ร้องต่อหน่วยงานต่างๆ เช่น นายกรัฐมนตรี ผู้ตรวจการแผ่นดิน กระทรวงยุติธรรม ให้ดำเนินการกับคดีนี้ เพื่อเอาผิดกับ เจ้าของเรือ เรือที่มีมูลค่ารวมกัน 40 ล้านบาท กรมศุลกากรจะยึดเอาเงินประกันเรือ 1,150,000 บาท เป็นค่าเรือของกลางไม่ได้ เพราะเงิน 1,150,000 บาท เป็นเงินประกันเรือ ไม่ใช่มูลค่าของเรือ เรื่องนี้รัฐเป็นผู้เสียหาย เพราะเงินจากการขายของกลางส่วนหนึ่งจ่ายสินบนนำจับ ส่วนหนึ่งเป็นของรัฐ แต่ทุกหน่วยงานที่ตนร้องเรียนไป มีหนังสือตอบกลับว่าจะดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย แต่ไม่ได้ดำเนินการต่ออย่างใด

ต่อมาในปี 2563 ตนได้ติดตามความคืบหน้าเรื่องการขายของกลางและจ่ายสินบนนำจับ จนได้ทราบว่า ศุลกากรจังหวัดสตูล ได้จำหน่ายของกลาง และส่งหนังสือให้ตนไปรับทราบเพื่อรับสินบนนำจับ แต่ จดหมายดังกล่าวถูกส่งไปยัง สภ.เมืองสตูล ไม่ได้ส่งให้ตนเองตามภูมิลำเนาที่ อ.เมือง จ.ตรัง และ สภ.เมืองสตูล ไม่ได้แจ้งให้ตนทราบ จนครบ 1 ปี  สินบนนำจับจึงถูกส่งคืน กรมบัญชีกลาง ตามระเบียบทางราชการ จนได้ร้องขอความเป็นธรรมไปยัง พ.ต.อ.ทวี สองส่อง อดีตรัฐมนตรียุติธรรม และ มีการสั่งให้สอบสวนข้อเท็จจริง โดย พล.ต.ต.นรินทร์ บูสะมัญ รอง ผบก.ภ.9  ได้ตอบเอกสาร เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 68 ว่า สภ.สตูล ได้รับ เอกสารจาก ศุลกากร จ.สตูล จริง โดยส.ต.อ.ญาญวัฒน์ ใฝ่ฝัน  เป็นผู้รับเอกสาร แต่ไม่มีรายละเอียดอื่นๆ  จึงได้สั่งยุติเรื่อง

พ.ต.ท. ยงยศ เทียมประชา จึงได้ร้องขอความเป็นธรรมจาก นายกรัฐมนตรี ให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ตั้งแต่เรือของกลางที่หายไปซึ่งมีมูลค่า 40 ล้านบาท แต่ ศุลกากรยึดเพียงเงินประกันเรือ 1,150,000 บาท เป็นมูลค่าเรือของกลาง โดยไม่มีการเอาผิดกับเจ้าของเรือ เพราะเงินประกันเรือกับมูลค่าเรือของกลางเป็นคนละส่วนกัน รวมทั้งการที่ ศุลกากร จ.สตูล ได้ส่ง เอกสาร ให้ตนตามภูมิลำเนา แต่ส่งให้กับ สภ.เมืองสตูล และ สภ.เมืองสตูล หลังรับเอกสาร ไม่ได้ส่งให้กับตนเอง ทำให้ ตนเอง ได้รับความเสียหาย ไม่ได้รับสิบบนนำจับตามกฎหมาย เรื่องนี้ตนเองไม่ได้เสียหายคนเดียวแต่รัฐเป็นผู้เสียหาย เพราะเงินจากการขายของกลางส่วนหนึ่งเป็นของแผ่นดิน สำหรับตนเองรอความเป็นธรรม จากวันที่ศาลฎีกาพิพากษาให้ชนะคดีมายาวนานถึง 26 ปี ขณะนี้อายุ 92 ปี แต่ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงขอเรียกร้องความเป็นธรรมเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะเสียชีวิต

ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา