In News
ครม.มีมติอนุมัติงบฯช่วยค่าน้ำ-ค่าไฟวัด บรรเทาความเดือดร้อนพระทำกิจสงฆ์ได้
กรุงเทพฯ-ครม. มีมติอนุมัติหลักการบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่วัดที่ประสบปัญหามีหนี้ค้างชำระค่าสาธารณูปโภคมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนดังกล่าวเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในระยะสั้น เพื่อไม่ให้วัดถูกระงับการใช้บริการสาธารณูปโภค และให้การประกอบศาสนกิจหรือกิจของสงฆ์ดำเนินต่อไป
4 พฤศจิกายน 2568 นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่วัดที่ประสบปัญหามีหนี้ค้างชำระค่าสาธารณูปโภค ดังนี้
1. ขอความร่วมมือให้การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาค บรรเทาความเดือดร้อนให้แก่วัดที่มีหนี้ค้างชำระ โดยงดการระงับการให้บริการไว้ก่อน
2. ขอความร่วมมือให้การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาค แจ้งรายละเอียดค่าบริการดังกล่าวของวัดที่ค้างชำระ ไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติรวบรวมและเสนอคณะกรรมการกองทุน “วัดช่วยวัด” หรือขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการ เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนต่อไป
3. มอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติดำเนินการรณรงค์ให้วัดจัดทำมาตรการประหยัดพลังงานภายในวัด เพื่อควบคุมการใช้พลังงานภายในวัดให้เหมาะสม รวมทั้งให้วัดจัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายของวัดให้ชัดเจน เป็นระบบ เพื่อให้วัดสามารถวางแผนการใช้จ่ายเงินและการบริหารจัดการได้โดยไม่เกิดภาระหนี้ในอนาคต
ทั้งนี้ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่วัดที่ประสบปัญหามีหนี้ค่าสาธารณูปโภคค้างชำระ และการประกอบศาสนกิจหรือกิจของสงฆ์สามารถดำเนินต่อไปได้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของ “วัด” ในฐานะศูนย์กลางของชุมชนและจิตใจของประชาชน และ “การอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา” ของรัฐ
มาตรการบรรเทาความเดือดร้อนดังกล่าวเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในระยะสั้น เพื่อไม่ให้วัดถูกระงับการใช้บริการสาธารณูปโภค และให้การประกอบศาสนกิจหรือกิจของสงฆ์ดำเนินต่อไปได้ แต่การช่วยเหลือเพียงอย่างเดียวไม่ทำให้ปัญหานี้หมดไป ดังนั้น ในระยะยาวควรพัฒนาแนวทางเชิงระบบโดยวางระบบบริหารจัดการเงินของวัดให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้วัดรู้สถานะการเงินของตนเองและสามารถบริหารจัดการรายรับ-รายจ่ายได้โดยไม่เกิดภาระหนี้สิน รวมทั้งเสริมบทบาทคณะกรรมการวัดและชุมชนให้เกิดการมีส่วนร่วมและรับผิดชอบร่วมกันด้วย
