In News

นายกฯประกาศสงครามแก๊งค์สแกมเมอร์ ลงนามเอ็มโอยู15เครือข่ายใน5ด้านหลัก



กรุงเทพฯ-นายกฯ อนุทิน ประกาศสงครามกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (Scammer) รวมพลังเครือข่าย ย้ำต้องชนะเท่านั้น !ให้อาชญากรรมทางเทคโนโลยีสูญสิ้นไป ให้ประเทศไทยเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยจาก “สแกมเมอร์”

วันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 เวลา 11.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding: MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้บริหารระดับสูงจาก 15 เครือข่ายภาครัฐที่ร่วมลงนามใน MOU ได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (สำนักงาน ป.ป.ท.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ สมาคมธนาคารไทย และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมด้วย

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้รับฟังการแถลงมาตรการ และผลงานของ 8 หน่วยงาน จากนั้นได้ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนาม MOU พร้อมกับ “ประกาศสงครามกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (Scammer)” ว่า

วันนี้ คือ ก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่งของประเทศไทย เป็นวันที่มีการรวมตัวกัน "ประกาศสงครามกับอาชญากรรมออนไลน์" สงครามนี้เป็นสงครามที่เราต้องชนะ เพื่อปกป้องประชาชนจากภัย Scammer ที่กำลังบ่อนทำลายประเทศอยู่ทุกวัน เพราะเมื่อหนึ่งคนเป็นเหยื่อ ครอบครัวทั้งครอบครัวได้รับผลกระทบด้วย คนจำนวนมากต้องประสบกับความทุกข์ และความเครียด ศักยภาพของประเทศถูกบ่อนทำลายจากการกระทำของมิจฉาชีพ ชื่อเสียงประเทศต้องเสื่อมเสีย ภาพลักษณ์ถูกบั่นทอน ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการค้าและการลงทุน ความเสียหายที่ซ่อนอยู่จากภัยของอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเหล่านี้ มีมากจนประเมินค่ามิได้ คือภัยแห่งความมั่นคงอันดับต้นๆ ของประเทศ

“ในนามของรัฐบาล ขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่รวมพลังกันมาลงนาม ในบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ สิ่งที่ลงนามในวันนี้ไม่ใช่เป็นแต่เพียง "เอกสาร" แต่คือ "อาวุธ" ที่จะใช้ในการต่อสู้กับอาชญากรอย่างเป็นระบบ เพราะนี่คือ "วาระแห่งชาติ" ไม่ใช่ภารกิจของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง แต่เป็นภารกิจ ร่วมกันของทั้งประเทศ”

นายกรัฐมนตรีย้ำว่า รัฐบาลพร้อมสนับสนุนทุกด้าน ทั้งงบประมาณเทคโนโลยี และนโยบาย เพื่อให้การทำงานครั้งนี้ เห็นผลจริงในระยะสั้น และยั่งยืนในระยะยาวเพื่อประเทศไทยจะเป็นพื้นที่ปลอดภัยจาก scammer และเป็นดินแดนต้องห้ามของอาชญากรรม ทุกรูปแบบตลอดไป

โดย MOU มีจุดประสงค์เพื่อเดินหน้าปฏิบัติการเชิงรุกใน 5 ด้านหลัก คือ
1. บังคับใช้กฎหมายอย่างเฉียบขาด ไม่ว่าจะเป็นผู้กระทำความผิด หรือผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
2. สร้างระบบประสานงานแบบบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลข่าวกรอง และการสืบสวน
3. ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องทันที ตัดเส้นทางการเงิน อาชญากรไม่ให้ใช้ประเทศไทยเป็นฐานฟอกเงินอีกต่อไป
4. ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและ AI ในการตรวจจับเส้นทางเงินและพฤติกรรมของมิจฉาชีพ เพื่อสกัดก่อนเกิดเหตุ และ
5. ที่สำคัญ คือ การสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชน ส่งเสริมความรู้เท่าทัน และการแจ้งเบาะแส เพื่อให้คนไทยทั้งประเทศ ช่วยกันเป็นหูเป็นตk และเป็นส่วนหนึ่งของทีมไทยแลนด์ในสงครามครั้งนี้