In News
ผลสำรวจของ'สวนดุสิตโพล'เผย56.81% ทุกพรรคพร้อมเลือกตั้ง/ปชน.ยังครองใจ
กรุงเทพฯ-สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็น ความพร้อมของพรรคการเมืองกับการเลือกตั้ง พบกลุ่มตัวอย่างค่อนข้างพร้อมสำหรับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปี 2569 คือ 56.81% โดยมองว่าการเลือกตั้งใหญ่ ที่จะมีขึ้นอาจจะเกิดความขัดแย้งหรือการเมืองซ้ำรอยเดิม 53.15%
9 พ.ย. 2568 -“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ความพร้อมของพรรคการเมืองกับการเลือกตั้ง” กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 1,174 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 4-7 พฤศจิกายน 2568 พบว่า กลุ่มตัวอย่างค่อนข้างพร้อมสำหรับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปี 2569 ร้อยละ 56.81 โดยมองว่าการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมีขึ้นอาจจะเกิดความขัดแย้งหรือการเมืองซ้ำรอยเดิม ร้อยละ 53.15 ทั้งนี้อยากเห็นพรรคการเมืองเตรียมทีมงานมืออาชีพพร้อมทำงานจริงหลังการเลือกตั้ง ร้อยละ 56.39 โดยพรรคการเมืองที่มองว่ามีความพร้อมรับศึกเลือกตั้งมากที่สุด คือ พรรคประชาชน ร้อยละ 18.99 รองลงมาคือ ภูมิใจไทย ร้อยละ 16.87 และเพื่อไทย ร้อยละ 15.25
ดร.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า ประชาชนส่วนใหญ่พร้อมสำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้น แต่ยังมีเงาความไม่ไว้วางใจต่อการเมืองไทยอยู่ไม่น้อย โดยกังวลว่าจะเกิดสถานการณ์ซ้ำรอยเหมือนการเลือกตั้งที่ผ่านมา จึงอยากเห็นกติกาและระบบเลือกตั้งที่ยุติธรรมและเคารพเสียงของประชาชนอย่างแท้จริง ทั้งนี้ พรรคการเมืองควรจัดทัพเตรียมบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ พร้อมทำงานจริงหลังการเลือกตั้ง และพิสูจน์ให้ได้ว่าพร้อมจริง ไม่ใช่แค่คำพูด
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ศิริมา บุญมาเลิศ อาจารย์ประจำโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต วิเคราะห์ว่า จากผลโพลสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนมีความพร้อมที่จะออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งในต้นปี 2569 แต่ที่ตัวเลขยังไม่สูงมากนักเนื่องจากเกรงว่าอาจจะมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่ทำให้การเมืองเกิดการพลิกผันอย่างเช่นที่เคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งการเลือกตั้งปี 2566 ที่พรรคประชาชนได้คะแนนเสียงมาเป็นอันดับหนึ่งแต่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ และมีการสลับขั้วเปลี่ยนข้างกันเกิดขึ้น โดยอ้างถึงการปลดล็อคทางการเมือง มาในครั้งนี้แม้จะมีการทำ “บันทึกข้อตกลง” (Memorandum of Agreement : MOA) ระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชนว่าจะผลักดันเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญและยุบสภาภายใน 4 เดือน และนายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล จะให้ไทม์ไลน์คร่าว ๆ ไว้ว่าประมาณสิ้นเดือนมกราคม 2569 จะยุบสภาแล้วก็ตาม แต่พรรคภูมิใจไทยก็มีเบื้องหลังหลายคดีที่ต้องสะสาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฮั้ว สว. และเขากระโดง รวมทั้งท่าทีของพรรคภูมิใจไทยที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาก่อนหน้านี้ และการพยายามสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ตามวลีของพรรคคือ “พูดแล้วทำ” พร้อมกับการเดินเกมเตรียมความพร้อมเลือกตั้งกับพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคกล้าธรรม การดึงเกมยุบสภาและการมีดีลลับทางการเมืองอาจเกิดขึ้น จนทำให้เกิดการพลิกผันทางการเมืองอย่างไม่คาดคิดอีกครั้งก็เป็นได้
