In News

ทล.เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นภาคเอกชน ร่วมลงทุนที่พักริมทางมอเตอร์เวย์M7,9



กรุงเทพฯ-กรมทางหลวง เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นภาคเอกชน (Market Sounding) เดินหน้าโครงการร่วมลงทุนสำหรับการพัฒนาและบริหารจัดการที่พักริมทางบนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และ 9

วันนี้ (17 พฤศจิกายน 2568) กรมทางหลวง (ทล.) กระทรวงคมนาคม จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นภาคเอกชน (Market Sounding) สำหรับโครงการให้เอกชนร่วมลงทุนในการพัฒนาและบริหารจัดการที่พักริมทางบนทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 และหมายเลข 9 เพื่อเผยแพร่ข้อมูลของโครงการและเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนได้แสดงความคิดเห็นและมีส่วนร่วมในการพัฒนาและบริหารที่พักริมทางบนทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการของระบบทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสู่มาตรฐานสากล ณ ห้องพญาไท 4 โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท กรุงเทพฯ

นายปิยพงษ์ จิวัฒนกุลไพศาล อธิบดี ทล. เปิดเผยว่า ภายใต้นโยบายของกระทรวงคมนาคม ที่มุ่งยกระดับโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมให้ทันสมัย สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ลดต้นทุนการขนส่งและโลจิสติกส์ของผู้ประกอบการ ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันแก่ภาคธุรกิจ ส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นการหมุนเวียนของเศรษฐกิจ และสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์และการคมนาคมขนส่งในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทล. จึงเดินหน้าพัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นโครงข่ายมาตรฐานสูง รองรับการเดินทางและขนส่งสินค้าระหว่างภูมิภาคและเมืองเศรษฐกิจ ให้การเดินทางเชื่อมโยงอย่างสมบูรณ์ไร้รอยต่อ เพื่อสนับสนุนการขนส่ง การท่องเที่ยวและการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน ซึ่งการพัฒนา “ที่พักริมทาง” ถือเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญ เนื่องจากที่พักริมทางเป็นองค์ประกอบหลักของระบบทางหลวงพิเศษ ที่มีบทบาทเป็นจุดแวะพักที่ให้บริการแก่ผู้ใช้เส้นทางบนทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สามารถใช้เป็นสถานที่เพื่อผ่อนคลายอิริยาบถ พักผ่อนระหว่างการเดินทาง การทำธุระส่วนตัว รวมถึงการใช้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มีวัตถุประสงค์ช่วยป้องกันและลดอุบัติเหตุจากความเมื่อยล้าหรือหลับใน สนับสนุนเป้าหมายเรื่องการลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุและลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน ตลอดจนลดการเข้า - ออกจากระบบทางหลวงพิเศษโดยไม่จำเป็น ช่วยให้ผู้ใช้ทางประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง

อธิบดี ทล. กล่าวเพิ่มเติมว่า การพัฒนาและบริหารจัดการที่พักริมทางต้องอาศัยเงินลงทุนและการบริหารงานในระยะยาว ขณะที่ภาครัฐมีข้อจำกัดด้านงบประมาณและความคล่องตัว ทล. จึงมีนโยบายเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (Public-Private Partnership: PPP) เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ โดยอาศัยศักยภาพและนวัตกรรมของภาคเอกชนในการยกระดับคุณภาพบริการตามมาตรฐานสากล โครงการนี้ครอบคลุมการพัฒนาและบริหารจัดการที่พักริมทางขนาดเล็ก (Rest Stop) รวม 5 ตำแหน่ง บนทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง 2 เส้นทาง ได้แก่ 1) ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 สายกรุงเทพฯ - ชลบุรี – มาบตาพุด มีจุดพักรถลาดกระบัง (กม. 21) พื้นที่ประมาณ 10 ไร่ จุดพักรถหนองรี (กม. 72) พื้นที่ประมาณ 18 ไร่ และจุดพักรถมาบประชัน (กม. 118) พื้นที่ประมาณ 16 ไร่ และ 2) ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 9 สายถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ด้านตะวันออก มีจุดพักรถคลองหลวง (กม. 20) พื้นที่ประมาณ 5 ไร่ และจุดพักรถทับช้าง (กม. 49) พื้นที่ประมาณ 8 ไร่ ปัจจุบันแต่ละแห่งได้เปิดให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน เช่น ห้องน้ำสะอาด ที่จอดรถ และพื้นที่พักผ่อนแล้ว โดยส่วนที่เอกชนจะเข้ามาดำเนินการพัฒนาพื้นที่พาณิชย์เพิ่มเติม ได้แก่ ร้านค้า ร้านอาหาร และร้านจำหน่ายเครื่องดื่ม เพื่อให้บริการแก่ผู้ใช้ทางได้อย่างครบวงจร โครงการมีกรอบระยะเวลาการร่วมลงทุนประมาณ 10 - 15 ปี แบ่งเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงที่ 1 การพัฒนาโครงการ ภาคเอกชนเป็นผู้จัดหาเงินทุน ออกแบบ พัฒนาพื้นที่พาณิชย์ และสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการต่าง ๆ ภายใต้ข้อกำหนดของ ทล. และช่วงที่ 2 การดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) ภาคเอกชนเป็นผู้บริหารจัดการ บำรุงรักษา และบูรณะโครงการให้เป็นไปตามมาตรฐานและข้อกำหนด ภายใต้การกำกับดูแลของทล. โดยมีสิทธิรับรายได้จากโครงการและจ่ายค่าตอบแทนให้ภาครัฐตามเงื่อนไขในสัญญาร่วมลงทุน ปัจจุบัน โครงการอยู่ระหว่างการจัดทำรายงานศึกษาและวิเคราะห์โครงการ เพื่อเสนอขออนุมัติตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 โดยมีแผนเสนอขออนุมัติโครงการ และเริ่มกระบวนการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนและลงนามสัญญาร่วมลงทุนภายในปี 2569

สำหรับการจัดประชุมในครั้งนี้เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ นักลงทุน และสถาบันการเงิน ได้รับทราบข้อมูลแนวทางการดำเนินโครงการ พร้อมทั้งเสนอความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาในการปรับปรุงการศึกษาและวิเคราะห์ รวมถึงกำหนดรูปแบบการร่วมลงทุนโครงการให้มีความเหมาะสม และสามารถดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม ภายในงานได้รับความสนใจภาคเอกชนหลากหลายธุรกิจ ทั้งจากกลุ่มผู้พัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ กลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มผู้ประกอบการด้านพลังงาน กลุ่มผู้ประกอบการด้านการก่อสร้างและบริหารมอเตอร์เวย์และทางด่วนกว่า 27 บริษัท สถาบันการเงิน หน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจกว่า 18 หน่วยงาน ตลอดจนสื่อมวลชนเข้าร่วมงานกว่า 150 คน

นอกจากการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกภายในบริเวณจุดพักรถของทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหรือมอเตอร์เวย์แล้ว ทล. ยังเตรียมที่จะเปิดให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุนติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้า (EV Charging Station) บริเวณจุดพักรถบรรทุกที่เปิดใช้งานแล้วกว่า 150 แห่ง บนโครงข่ายทางหลวงแผ่นดินทั่วประเทศ ในรูปแบบ PPP เพื่อส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ของประเทศตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งจะจัดให้มีการประเมินความสนใจของภาคเอกชน (Market Sounding) เร็ว ๆ นี้ จากการสรุปข้อมูลภาพรวมของจุดพักรถ (Rest Stop) ในโครงข่ายทางหลวงทั่วประเทศ เพื่อรองรับการให้บริการแก่ผู้ใช้เส้นทาง ปัจจุบันมีจุดพักรถรวมทั้งสิ้น 173 แห่ง เปิดให้ประชาชนใช้บริการได้แล้ว 167 แห่ง ส่วนอีก 6 แห่ง อยู่ระหว่างกระบวนการดำเนินการก่อสร้าง เพื่อเพิ่มความสะดวกและยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนอย่างต่อเนื่อง ทล. คาดหวังให้โครงการพัฒนา “ที่พักริมทาง”เป็นอีกก้าวสำคัญในการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการบนโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองของประเทศไทยให้ได้มาตรฐานสากล และรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างมั่นคงและยั่งยืน