EDU Research & Innovation
‘ธรรมศาสตร์’วิจัย‘ผ้าไทยต.ก้อ’สู่แฟชั่น สืบสานพระราชปณิธาน‘พระพันปีหลวง’
กรุงเทพฯ-ทีมนักวิชาการธรรมศาสตร์ ลุยวิจัยยกระดับ “ผ้าไทยในชุมชนตำบลก้อ จังหวัดลำพูน” หนึ่งเดียวในอุทยานแห่งชาติแม่ปิง สร้างความยั่งยืนชุมชน ต่อยอดจุดแข็งเดิมเพิ่มเติมมูลค่าด้วยลวดลาย-การตัดเย็บ-เทคนิคใหม่ หวังส่งเสริมอุตสาหกรรมแฟชั่น-เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ตามพระราชปณิธาน และแนวทางพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมเปิดนิทรรศการ SDGs แสดง 40 ผลงาน คณาจารย์สายสังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ มธ. ถึงเดือน ก.พ. 2569
ผศ. ดร.วุฒิไกร ศิริผล รองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศไทยกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จากปี 2567 พบว่า อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทย สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจเป็นจำนวนมากกว่า 1.44 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 8.01% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) และยังสร้างการจ้างงานเพิ่มขึ้นเกือบ 1 ล้านคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมแฟชั่น และวงการผ้าไทยเติบโต ที่ยังเป็นที่ต้องการของตลาด

สำหรับการเติบโตของวงการผ้าไทย ถือเป็นมรดกจากพระราชกรณียกิจต่างๆ ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ผลักดันให้เกิดระบบนิเวศที่สมบูรณ์ ทั้งการสร้างบรรยากาศที่ดีต่อผ้าไทย การใช้งานผ้าไทย ทรงเป็นแบบอย่างในการใช้ผ้าไทย และที่สำคัญสร้างให้เป็นอาชีพที่มั่นคงให้กับคนไทย
ผศ. ดร.วุฒิไกร กล่าวว่า เพื่อเป็นการสืบสานพระราชปณิธานตามแนวทางพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ประกอบกับโอกาสทางเศรษฐกิจ และความต้องการในการสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชน ตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ทีมวิจัยคณะศิลปศาสตร์ ธรรมศาสตร์ จึงได้ร่วมกันดำเนินโครงการวิจัยการพัฒนาแนวคิดการออกแบบแบบองค์รวม เพื่อการพัฒนาสินค้าหัตถกรรมชุมชน กรณีศึกษาสิ่งทอของ ต.ก้อ อ.ลี้ จ.ลำพูน ชุมชนแห่งเดียวในอุทยานแห่งชาติแม่ปิง เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมอาชีพของคนในชุมชน

สำหรับโครงการวิจัยนี้ อยู่ภายใต้การควบคุมของ ผศ. ดร.วุฒิไกร และ ดร. นลินี เนติธรรมากร หัวหน้าสาขาวิชาศิลปะการออกแบบพัสตราภรณ์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ โดยมีเป้าหมายที่จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์ของชุมชนมีมูลค่าสูงขึ้น และใช้ทรัพยากรจากธรรมชาติอย่างเหมาะสม เพื่อลดโอกาสในการเกิดไฟป่า อันจะนำไปสู่ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 รวมถึงในแง่ของวิชาการก็จะเป็นการพัฒนากรอบแนวคิด (Framework) ในการทำงานด้านการออกแบบร่วมกับชุมชน เพื่อให้ในอนาคตสามารถถูกนำไปใช้ต่อยอด และสร้างประโยชน์ในวงกว้างเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ชุมชน ต.ก้อ อ.ลี้ จ.ลำพูน มีความพิเศษคือกระบวนการผลิตที่เป็นเอกลักษณ์ สามารถทำได้ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำภายในชุมชนเอง ทั้งการปลูกฝ้าย การทำให้เป็นเส้นใย การทอ การตัดเย็บ ไปจนถึงการจำหน่าย ด้วยกระบวนการผลิตนี้ จะช่วยให้สามารถควบคุมต้นทุน และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ได้ส่วนหนึ่ง ทีมวิจัยจึงเข้าไปให้ความรู้และพัฒนาทักษะคนในชุมชน เช่น การอบรมในการทำลวดลายผ้า การตัดเย็บ เทคนิคการทำแบบใหม่ ฯลฯ และอีกส่วนคือการออกแบบผลิตภัณฑ์ของชุมชน ได้แก่ การย้อมสีโดยใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ อาทิ เปลือกต้นประดู่ เปลือกต้นเพกา ฯลฯ จากนั้นนำไปแปรรูปเป็นผ้าทอ ก่อนพัฒนาเป็นเครื่องแต่งกาย เพื่อให้ชุมชนมีรูปแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ไปจำหน่ายเพื่อสร้างรายได้ นอกจากนี้ ยังมีการมอบอุปกรณ์อย่างจักรเย็บผ้า และอุปกรณ์ย้อมผ้าให้ด้วย

ผศ. ดร.วุฒิไกร กล่าวว่า ผลจากการดำเนินการดังกล่าวได้ทำให้คนในชุมชน ต.ก้อ อ.ลี้ จ.ลำพูน มีทักษะในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่า และสร้างรายได้ให้กับชุมชนได้เพิ่มขึ้น ภายใต้การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างเหมาะสม และกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ในเป้าหมายที่ 11 เมืองและชุมชนยั่งยืน เป้าหมายที่ 12 การผลิตและการบริโภคอย่างมีความรับผิดชอบ และเป้าหมายที่ 15 การปกป้อง ฟื้นฟู และสนับสนุนการใช้ระบบนิเวศบนบกอย่างยั่งยืน จัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน
“ที่ผ่านมาก็มีการนำผลงานเครื่องแต่งกายจากงานวิจัยชิ้นนี้ไปจัดแสดงในหลายๆ แห่งแล้ว เช่น Bangkok Design Week งานมหกรรมวิจัยแห่งชาติ และช่วงปลายปีนี้ก็จะมีไปจัดแสดงที่งาน Chiangmai Design Week ส่วนปัจจุบันมีการจัดแสดงอยู่ที่ธรรมศาสตร์” ผศ. ดร.วุฒิไกร ระบุ
อนึ่ง ปัจจุบันผลงานเครื่องแต่งกายจากการวิจัยดังกล่าว ถูกจัดแสดงรวมกับอีกกว่า 40 ผลงานจากหลากหลายคณะสายสังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ ในงานนิทรรศการหมุนเวียนเพื่อความยั่งยืน (SDGs) Phase 2 ในธีม “เมืองและชุมชนยั่งยืน” ที่จัดขึ้นตั้งแต่เดือน พ.ย. 2568 - ก.พ. 2569 ณ SDG Lab อุทยานการเรียนรู้ป๋วย 100 ปี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ซึ่งสามารถเข้าชมนิทรรศการได้ทุกวันอังคาร และวันพฤหัสบดี ตั้งแต่ 10.00 - 16.00 น. โดยผู้ที่สนใจสามารถจองเพื่อเข้าชมนิทรรศการได้ที่ https://forms.gle/n9a4z3HYqzskLeLh8

สำหรับงานนิทรรศการครั้งนี้ เป็นการจัดแสดงผลงานเพื่อถ่ายทอดแนวคิดความยั่งยืน ผ่านมุมมองของมนุษย์ สังคม และวัฒนธรรม โดยแบ่งเป็น 5 โซนสำคัญ ได้แก่ 1. โซนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั้งด้าน Mitigation และ Adaptation 2. โซนเกี่ยวกับเมืองและชุมชนยั่งยืน 3. โซนด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนและนวัตกรรมเพื่อการผลิตที่ยั่งยืน 4. โซนด้านความยั่งยืนด้านเกษตร อาหาร และสุขภาพ และ 5. โซนความหลากหลาย ความเป็นธรรม ความครอบคลุม ประเด็นด้านมนุษยศาสตร์ศิลปวัฒนธรรม ชาติพันธุ์
