In News

นายกฯร่วม'คนละครึ่งUpskill-Reskill' พัฒนาความรู้ทักษะร้านค้าคนละครึ่งพลัส



กรุงเทพฯ-นายกฯ ร่วมกิจกรรมประชาสัมพันธ์โครงการ Upskill- Reskill สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง พลัส โดยร้านค้าในโครงการคนละครึ่ง พลัส สามารถเลือกเข้าร่วมการพัฒนาทักษะระหว่างวันที่ 19 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2568 อย่างใดอย่างหนึ่ง ล่าสุดครม. เห็นชอบโครงการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill)  สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง พลัส และกรอบวงเงินงบประมาณจำนวนไม่เกิน 800 ล้านบาทและแนะวิธีสมัครใช้เครื่องมือดิจิทัลของ depa ฟรี! 19 พ.ย.–19 ธ.ค. นี้

วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน 2568 เวลา 10.00 น. ณ โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมกิจกรรมประชาสัมพันธ์โครงการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง พลัส พร้อมด้วยนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมด้วย

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คณะรัฐมนตรีเล็งเห็นความสำคัญของการยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง พลัส จึงได้จัดทำโครงการฯ สำหรับกลุ่มเป้าหมายจำนวนไม่เกิน 400,000 ร้านค้า โดยร้านค้าในโครงการคนละครึ่ง พลัส สามารถเลือกเข้าร่วมการพัฒนาทักษะระหว่างวันที่ 19 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2568 อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ดังต่อไปนี้ 
1. เข้าร่วมเป็นร้านค้าบนแพลตฟอร์มของผู้ให้บริการระบบขนส่งอาหาร (Food Delivery Platform)
2. เข้าร่วมและผ่านเกณฑ์การอบรมออนไลน์ของธนาคารออมสิน
3. เข้าร่วมและผ่านเกณฑ์การอบรมออนไลน์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์

โดยร้านค้าที่ผ่านหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการพัฒนาทักษะจำนวนไม่เกิน 400,000 ร้านค้าแรก จะได้รับสิทธิเงินสนับสนุนจากภาครัฐ ร้อยละ 20 ของยอดขายที่เกิดจากโครงการคนละครึ่ง พลัส เฉพาะในส่วนที่ภาครัฐร่วมจ่าย นับตั้งแต่วันที่ร้านค้าได้ดำเนินการพัฒนาทักษะสำเร็จ จนถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2568 ทั้งนี้ สูงสุดไม่เกิน 2,000 บาทต่อร้านค้า โดยกระทรวงการคลังจะประกาศผลผู้ได้รับสิทธิในวันที่ 23 ธันวาคม 2568 ผ่านข้อความบนแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” และข้อความสั้น (Short Message Service: SMS) และโอนเงินสนับสนุนให้แก่ร้านค้าผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ที่ผูกกับแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ในวันที่ 25 ธันวาคม 2568

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมบูธ ได้แก่ 1. ธนาคารออมสิน 2. กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (Department of Business Development: DBD) 3. สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy Promotion Agency: DEPA) และ 4. ผู้ให้บริการ Food Delivery ได้แก่ Grab Lineman Robinhood และ ShopeeFood

ครม. เห็นชอบโครงการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill)

18 พฤศจิกายน 2568 นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติ ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ ดังนี้

1.เห็นชอบโครงการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง พลัส และกรอบวงเงินงบประมาณจำนวนไม่เกิน 800 ล้านบาท โดยมอบหมายให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขรายละเอียดที่ไม่ขัดกับหลักการโครงการฯ และหลักการโครงการคนละครึ่ง พลัส เพื่อให้การดำเนินโครงการฯ และโครงการคนละครึ่ง พลัส เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเกิดประสิทธิภาพ
2. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวนไม่เกิน 800 ล้านบาท โดยจัดสรรให้แก่ สศค. สำหรับการดำเนินโครงการฯ
3.มอบหมายธนาคารออมสินและกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงการฯ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า โครงการฯ เป็นการต่อยอดโครงการคนละครึ่ง พลัส เพื่อกระตุ้นและจูงใจให้ร้านค้าพัฒนาธุรกิจของตนเอง ผ่านการเรียนรู้ทักษะที่จำเป็น ร้านค้า โดยมีรายละเอียดโครงการฯ ดังนี้

1. ระยะเวลาการพัฒนาทักษะ: ตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2568

2. กลุ่มเป้าหมาย: ร้านค้าในโครงการคนละครึ่ง พลัส จำนวนไม่เกิน 400,000 ร้านค้า

3. คุณสมบัติของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ:
3.1 เป็นร้านค้าในโครงการคนละครึ่ง พลัส ในวันก่อนเริ่มดำเนินการพัฒนาทักษะ
3.2 ได้ตกลงให้ความยินยอม (Consent) ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และข้อตกลงเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของโครงการฯ ก่อนดำเนินการพัฒนาทักษะ
3.3 เข้าร่วมการพัฒนาทักษะโดยใช้เลขประจำตัวประชาชน (กรณีบุคคลธรรมดา) หรือเลขประจำตัวผู้เสียภาษี (กรณีนิติบุคคล) ที่ตรงกับการลงทะเบียนร้านค้าในโครงการคนละครึ่ง พลัส เท่านั้น
3.4 ไม่เป็นผู้ประกอบการด้านขนส่งมวลชนสาธารณะในโครงการคนละครึ่ง พลัส
3.5 ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในโครงการของรัฐ ได้แก่ โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 1 - 5 และโครงการคนละครึ่ง พลัส
ทั้งนี้ หากตรวจสอบพบในภายหลังว่า ร้านค้ามีการกระทำผิดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขโครงการของรัฐข้างต้น จะถูกตัดสิทธิจากโครงการฯ

4. วิธีดำเนินการ: ร้านค้าในโครงการคนละครึ่ง พลัส สามารถเลือกเข้าร่วมการพัฒนาทักษะระหว่างวันที่ 19 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2568 อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ดังต่อไปนี้
4.1 เข้าร่วมเป็นร้านค้าบนแพลตฟอร์มของผู้ให้บริการระบบขนส่งอาหาร (Food Delivery Platform) 
4.2 เข้าร่วมและผ่านเกณฑ์การอบรมออนไลน์ของธนาคารออมสิน 
4.3 เข้าร่วมและผ่านเกณฑ์การอบรมออนไลน์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์

5. สิทธิประโยชน์: ร้านค้าที่ผ่านหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการพัฒนาทักษะจำนวนไม่เกิน 400,000 ร้านค้าแรก จะได้รับสิทธิเงินสนับสนุนจากภาครัฐ ร้อยละ 20 ของยอดขายที่เกิดจากโครงการคนละครึ่ง พลัส เฉพาะในส่วนที่ภาครัฐร่วมจ่าย นับตั้งแต่วันที่ร้านค้าได้ดำเนินการพัฒนาทักษะสำเร็จ จนถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2568 ทั้งนี้ สูงสุดไม่เกิน 2,000 บาทต่อร้านค้า โดยกระทรวงการคลังจะโอนเงินสนับสนุนให้แก่ร้านค้าผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ที่ผูกกับแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ในวันที่ 25 ธันวาคม 2568

สมัครใช้เครื่องมือดิจิทัลของ depa ฟรี! 19 พ.ย.–19 ธ.ค. นี้

วันนี้ 18 พฤศจิกายน 2568 นางสาวลลิดา เพริศวิวัฒนา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า มาตรการ “คนละครึ่งพลัส” ไม่เพียงช่วยลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชน แต่ยังออกแบบมาเพื่อ พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการรายย่อย ให้พร้อมแข่งขันในยุคดิจิทัล ผ่านกิจกรรม Reskill–Upskill และการสนับสนุนเครื่องมือดิจิทัลฟรีจากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa)

ภายใต้มาตรการนี้ ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมสามารถ สมัครใช้งานผลิตภัณฑ์ดิจิทัลของ depa ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เช่น
• ระบบบัญชีออนไลน์สำหรับร้านค้า
• ระบบส่งเสริมการขายและจัดการลูกค้า
• เครื่องมือบริหารสต๊อก
• ระบบช่วยจัดการหลังร้าน และโซลูชันธุรกิจที่ขึ้นทะเบียนกับ depa

โดยทั้งหมดออกแบบมาเพื่อช่วยร้านค้า บริหารต้นทุนได้ดีขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการขาย และต่อยอดธุรกิจเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ได้ง่ายขึ้น

ผู้ประกอบการสามารถสมัครใช้งานผลิตภัณฑ์ดิจิทัลได้ตั้งแต่19 พฤศจิกายน – 19 ธันวาคม 2568

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่า รัฐบาลต้องการให้ร้านค้ารายย่อยได้ “เครื่องมือ” พร้อม “โอกาส” เพื่อยกระดับธุรกิจ โดยเฉพาะร้านอาหารและบริการที่ต้องแข่งขันสูงในยุคดิจิทัล มาตรการนี้จึงเป็นทั้งการช่วยลดต้นทุน และช่วยเพิ่มทักษะให้ผู้ประกอบการเติบโตได้อย่างยั่งยืน

“คนละครึ่งพลัส ไม่ได้มีแค่เรื่องค่าใช้จ่ายของประชาชน แต่ยังเป็นการลงทุนกับอนาคตของร้านค้ารายย่อย ให้แข็งแรงขึ้น เข้าถึงลูกค้าใหม่ และก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างเต็มรูปแบบ” รองโฆษกกล่าว