EDU Research & Innovation
วว.ร่วมถ่ายทอดโชว์งานตาลเดี่ยวโมเดล กับขับเคลื่อนเมืองสระบุรีคาร์บอนต่ำ
กรุงเทพฯ-กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) นำโดย ดร.เรวดี อนุวัฒนา ผู้อำนวยการ ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมวัสดุ(ศนว.)สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) และคณะนักวิจัย ศนว. ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมหุ่นยนต์และเครื่องจักรกลอัตโนมัติ (ศนย.) และกองบริการธุรกิจและนวัตกรรม สำนักจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม บรรยายถ่ายทอดความรู้และร่วมจัดนิทรรศการ “การดำเนินงานตาลเดี่ยวโมเดลกับการขับเคลื่อนเมืองสระบุรีคาร์บอนต่ำ (Saraburi Sandbox)” พร้อมนำเสนอองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีจัดการของเสีย การลดก๊าซเรือนกระจก และนวัตกรรมวัสดุเพื่อสิ่งแวดล้อม ที่เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนา “สระบุรีแซนด์บ็อกซ์” ให้เป็นเมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของประเทศไทย
โดยความร่วมมือในครั้งนี้ของ วว. เป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมสำคัญที่ สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดสระบุรี จัดขึ้นต้อนรับคณะนักศึกษาหลักสูตรนักปกครองท้องถิ่น ระดับต้น รุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2 จำนวนกว่า 200 คน จากหน่วยงานในสังกัดขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการเมืองสู่การเป็นเมืองคาร์บอนต่ำต้นแบบในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 ณ ห้องประชุมพระพุทธบาท ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดสระบุรี
ทั้งนี้นอกจากการจัดแสดงนิทรรศการดังกล่าววว. ยังได้โชว์และสาธิตเครื่องคัดแยกขยะอัจฉริยะ เพื่อให้คณะผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีต้นแบบที่สนับสนุนการจัดการของเสียอย่างเป็นระบบ ลดต้นทุนการจัดเก็บ และเพิ่มประสิทธิภาพการรีไซเคิลในระดับพื้นที่ ซึ่งเป็นหนึ่งในโมเดลสำคัญของการพัฒนาเมืองคาร์บอนต่ำของจังหวัดสระบุรี ที่จะส่งผลดีต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน โดยการใช้องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัสดุเหลือทิ้งในพื้นที่การเกษตรและชุมชนเมือง ก้าวไปสู่การเป็นชุมชนสังคมคาร์บอนต่ำในอนาคตได้อย่างยั่งยืน
อนึ่ง วว. และเครือข่ายพันธมิตรได้บูรณาการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้เทคโนโลยีจัดการขยะชุมชนตาลเดี่ยวโมเดล ขึ้น ประกอบด้วย1) ชุดคัดแยกขยะระบบกึ่งอัตโนมัติแบบเบ็ดเสร็จ พร้อมระบบกำจัดกลิ่นขยะและระบบทำความสะอาดถุงพลาสติก2) ชุดคัดแยกชนิดและสีพลาสติกด้วยระบบ NIR และ Vision พร้อมระบบผลิตเกล็ดพลาสติกคุณภาพสูง และ 3) นวัตกรรมและเทคโนโลยีการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพและการนำผลพลอยได้มาใช้ประโยชน์ใหม่ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มร่วมกับการผลิตสารปรับปรุงดินและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของชุมชนนอกจากนั้นยังเป็นศูนย์ถ่ายทอดองค์ความรู้ฯ ซึ่งชุมชนได้เรียนรู้การบริหารจัดการขยะตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน สามารถลดปริมาณขยะได้มากถึง 14,600 ตันต่อปี และชุมชนมีรายได้เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้สภาพแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของชุมชนดีขึ้น

