In Bangkok
กทม.ชี้ขั้นตอนแก้หนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียว ยันโปร่งใสถกลดดอกเบี้ยกว่า230ล.
กรุงเทพฯ-กทม. แจงขั้นตอนแก้ปัญหาหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียวดำเนินการอย่างรอบคอบ-โปร่งใส พร้อมเจรจาลดดอกเบี้ยประหยัดงบฯ กว่า 230 ล้าน
นายสิทธิพร สมคิดสรรพ์ ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กทม. กล่าวชี้แจงถึงขั้นตอนการแก้ปัญหาหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ว่า การแก้ไขปัญหาหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 เป็นหนี้สะสมที่เกิดขึ้นจากค่าจ้างเดินรถส่วนที่ขาดตั้งแต่เดือน พ.ค. 62 ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินการตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยังไม่แล้วเสร็จ โดยภาระหนี้ประกอบด้วยเงินต้นจากค่าจ้างเดินรถส่วนที่ขาดและดอกเบี้ยจากการจ่ายล่าช้าตามเงื่อนไขสัญญาระหว่างบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (KT) และบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ที่กำหนดให้ต้องชำระภายในวันที่ 20 ของทุกเดือน หากล่าช้าจะคิดดอกเบี้ยในอัตรา MLR+1 จนกว่าจะชำระครบถ้วน
ทั้งนี้ ในเดือน ก.ค. 64 BTSC ได้เริ่มฟ้องคดีแรก ซึ่ง กทม. ได้ยกประเด็นต่อสู้คดี อาทิ ภาระความรับผิดชอบตามคำสั่ง คสช. และความไม่สมบูรณ์ของบันทึกมอบหมายที่ไม่ได้ผ่านสภา กทม. พร้อมมอบหมายให้ KT ตรวจสอบสัญญาและเงื่อนไขทั้งหมด แม้ศาลปกครองกลางจะมีคำพิพากษาในคดีแรก (ค่าจ้างเดินรถ พ.ค. 62 - พ.ค. 64) ให้ กทม. ชำระหนี้ในเดือน ก.ย. 65 แต่ กทม. ได้ใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์ เพื่อโต้แย้งยอดหนี้และข้อกฎหมาย สุดท้ายศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาในเดือน ก.ค. 67 ยืนยันให้ กทม. ชำระค่าจ้างเดินรถ
ต่อมา กทม. ได้รับทราบข้อมูลว่า สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดกรณีการดำเนินโครงการส่วนต่อขยายที่ 1 และส่งฟ้องไปยังอัยการสูงสุด จึงได้แจ้งข้อมูลต่อศาลปกครองกลางเพื่อขอให้พิจารณาคดีใหม่ พร้อมทั้งสอบถามความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานศาลปกครอง เพื่อขอคามเห็นและแนวทางการชำระหนี้ว่าสามารถดำเนนิการได้หรือไม่ กรณี ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดในการดำเนินโครงการส่วนต่อขยายที่ 1 และกรณีส่วนต่อขยายที่ 2 ยังไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภา กทม. อย่างไรก็ตาม ศาลมีคำสั่งไม่รับคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ กทม. จึงดำเนินการชำระหนี้คดีแรกจำนวน 14,476 ล้านบาทในเดือน ธ.ค. 67 ตามความเห็นของหน่วยงานต่าง ๆ
ในระหว่างที่การพิจารณาคดีแรกยังไม่สิ้นสุด BTSC ได้ยื่นฟ้องคดีที่ 2 ในเดือน พ.ย. 65 (ค่าจ้างเดินรถ มิ.ย. 64 – ต.ค. 65) โดย กทม. มอบหมายให้ KT เจรจากับ BTSC เพื่อขอลดเงินต้นและดอกเบี้ย 4 ครั้งตั้งแต่เดือน เม.ย. - ส.ค. 68 ผลการเจรจา BTSC ระบุว่าหากชำระภายในเดือน ต.ค. 68 บริษัทฯ จะคิดดอกเบี้ยถึงเดือน มี.ค. 68 และปรับลดดอกเบี้ยช่วงเดือน เม.ย. 68 ถึงวันชำระ จาก MLR+1 เป็น MLR ซึ่งจะทำให้ กทม. สามารถประหยัดงบประมาณได้กว่า 230 ล้านบาท และศาลปกครองกลางได้พิพากษาในเดือน ก.ย. 68 ให้ กทม. ชำระค่าจ้างเดินรถฯ ให้ BTSC เช่นเดียวกับคดีแรก ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากความเห็นของหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงผลการเจรจากับทาง BTSC กทม. จึงได้เร่งรัดตั้งงบประมาณจำนวน 32,461 ล้านบาท เพื่อชำระค่าจ้างเดินรถตั้งแต่เดือน มิ.ย. 64 - ส.ค. 68 และชำระให้ BTSC เมื่อวันที่ 30 ต.ค. 68 โดย BTSC ได้แจ้งต่อศาลเพื่อสละสิทธิการบังคับคดี จึงถือเป็นการยุติปัญหาภาระหนี้ที่ค้างชำระและยุติคดีความทั้งสองคดีได้สำเร็จลุล่วง ภายหลังการใช้สิทธิทางกฎหมายและการพิจารณาอย่างรอบคอบครบถ้วนแล้ว
