In News

นายกฯประชุมคอภ.สั่งบูรณาการ7ข้อใหญ่ ช่วยน้ำท่วมใต้จี้ผู้ว่าฯแอ็คทีฟช่วยปชช.



กรุงเทพฯ-นายกฯ อนุทิน ประชุม คอภ. สั่งการ 7 ข้อใหญ่ ระดมทุกหน่วย เร่งช่วยน้ำท่วมใต้ ให้ผู้ว่าฯ เร่งสำรวจความเสียหาย–จ่ายเยียวยาไม่ให้ล่าช้า ย้ำความปลอดภัยประชาชนสูงสุด สนับสนุนของอุปโภค-บริโภคให้เพียงพอ

วันนี้ (24 พ.ย. 2568) เวลา 15.30 น. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (คอภ.) ครั้งที่ 2/2568 โดยมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เลขาธิการนายกรัฐมนตรี รวมถึงผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งยังมีการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อรับฟังสถานการณ์และการเตรียมความพร้อมในพื้นที่

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้กล่าวก่อนการประชุมฯ ว่า ได้ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ อย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง และลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ พร้อมทั้งสั่งการให้ทุกหน่วยงานเร่งบูรณาการช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยเร่งด่วน โดยเฉพาะ ในขณะนี้ในพื้นที่ภาคใต้เกิดฝนตกหนักมากทำให้อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญ เสียหายค่อนข้างมาก รวมถึงจังหวัดพัทลุง ปัตตานี นครศรีธรรมราชที่ได้รับผลกระทบ สำหรับพื้นที่ภาคกลาง ตั้งแต่จังหวัดพิจิตร อ่างทอง ชัยนาท สิงห์บุรี และพระนครศรีอยุธยา ที่มีน้ำท่วมขังต่อเนื่องเป็นเวลานานได้สั่งการให้เร่งแก้ไขปัญหาแล้ว โดยนายกรัฐมนตรีได้ติดตามและลงพื้นที่ในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานระดมความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง ทั้งเครื่องอุปโภค บริโภค และอุปกรณ์ในการดำรงชีวิต พร้อมให้หน่วยงานสนับสนุนเครื่องมือ เครื่องจักรกลสาธารณภัย เช่น เรือ รถ GMC รถยกสูง และเตรียมเครื่องสูบน้ำจากทุกภาคทั่วประเทศเข้าช่วยเหลือในพื้นที่ โดยเน้นย้ำให้ดูแล ช่วยเหลือประชาชนให้มีความปลอดภัยเป็นลำดับแรก

“ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งสำรวจความเสียหายของผู้ประสบภัยให้ครอบคลุมทุกหลังคาเรือน รวมถึงทรัพย์สินที่ได้รับผลกระทบ เพื่อจัดทำข้อมูลอย่างชัดเจนและแม่นยำสำหรับการเข้าระบบการช่วยเหลือเยียวยา ซึ่งการจ่ายเงินเยียวยาต้องดำเนินการอย่างไม่ล่าช้า พร้อมมอบหมายให้สำนักงบประมาณเร่งจัดเตรียมงบกลางเสนอเข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาอนุมัติเป็นกรณีเร่งด่วน โดยให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือประชาชนในทุกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน”

นายกรัฐมนตรีได้ให้ข้อสั่งการในการช่วยเหลือประชาชนในทุกพื้นที่เป็นไปด้วยความรวดเร็ว ทั่วถึง จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ดังนี้

1. ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กรมชลประทาน เฝ้าระวังติดตามแนวโน้มสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตลอด 24 ชั่วโมง แจ้งเตือนประชาชนผ่านระบบ Cell broadcast ให้ทราบและเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดใช้กลไกท้องถิ่นและท้องที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการแจ้งเตือนประชาชนผ่านช่องทางต่าง ๆ ในทุกช่องทาง และครอบคลุมทุกพื้นที่ 
2. ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ประสบอุทกภัย ใช้กลไกศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัด ในการบริหารจัดการ บูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วน เข้าให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้เป็นไปอย่างมีเอกภาพ ให้ความสำคัญกับการแจกจ่ายอาหารปรุงสำเร็จที่รับประทานได้ทันที น้ำดื่ม รวมถึงสิ่งของจำเป็นให้กับประชาชนในพื้นที่ใช้ดำรงชีพ ได้อย่างทั่วถึง สำหรับพื้นที่ที่น้ำท่วมสูง อาจเกิดอันตรายกับประชาชน ให้จัดตั้งศูนย์อพยพให้ประชาชนได้พักพิงชั่วคราว พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ดูแลความเป็นอยู่ให้ครอบคลุมทุกด้าน และมีทีมปฏิบัติการตระเวนช่วยเหลือ พาประชาชนมายังศูนย์อพยพได้อย่างปลอดภัย 
3. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กรมชลประทาน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หน่วยทหาร สนับสนุนจังหวัด ที่ประสบอุทกภัย วางแผนเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ ทำการพร่องน้ำ เพิ่มประสิทธิภาพการไหลของน้ำ ลดปริมาณน้ำที่ท่วมขัง สนับสนุน เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ ตลอดจนเครื่องจักรกลสาธารณภัยที่เกี่ยวข้อง พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนให้มีน้อยที่สุด 
4. ให้กระทรวงคมนาคม กำชับหน่วยงานในพื้นที่ ดูแลเส้นทางคมนาคม ทั้งถนน และทางรถไฟ จัดให้มีเส้นทางสำรอง เส้นทางเลี่ยง ในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก ติดตั้งป้ายเตือน ป้ายแนะนำเส้นทางเลี่ยงที่ปลอดภัย และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ 
5. ให้กระทรวงสาธารณสุข กำชับหน่วยงานในพื้นที่ ในการจัดทีมแพทย์และสาธารณสุข ดูแลสุขภาพกายและจิตใจประชาชน สนับสนุนเวชภัณฑ์ยาต่างๆ ให้เพียงพอ รวมถึงเฝ้าระวังโรคที่มากับน้ำท่วมขัง 
6. การช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัย ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) ร่วมกับจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งสำรวจและจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย เพื่อให้ผู้ประสบภัยได้รับการช่วยเหลือเยียวยาครอบคลุม ครบถ้วนทุกกรณี 
7. การฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย ให้ทุกหน่วยงานเร่งสำรวจความเสียหายทุกด้าน พร้อมทั้งเร่งซ่อมแซม และฟื้นฟูความเสียหายต่างๆ ทั้งด้านบ้านเรือนที่พักอาศัย ระบบสาธารณูปโภค ระบบไฟฟ้า ประปา ระบบการสื่อสาร เส้นทางคมนาคม เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว

โดยในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตน ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (คอภ.) สั่งการในภาพรวม 7 ข้อ โดยให้หัวหน้าส่วนราชการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ได้มอบหมายร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ลงพื้นที่บัญชาการในหน่วยพื้นที่สถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดสงขลา ขณะที่อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ลงพื้นที่ร่วมตรวจสอบสถานการณ์และเร่งระดมสรรพกำลังเพื่อช่วยเหลือประชาชนในทันที นอกจากนี้ หน่วยงานในพื้นที่ระดมทรัพยากรที่มีอยู่ เพื่อสนับสนุนและเข้าถึงพื้นที่ประสบภัยโดยเร็วที่สุด โดยเน้นให้จัดเตรียมอาหาร น้ำดื่มให้เพียงพอกับความต้องการของผู้ประสบภัย และห้องน้ำให้มีจำนวนที่เพียงพอ รวมถึงให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ประสบภัย