ECO & ESG

TEI สนับสนุน'การทูตพหุภาคี'รับมือวิกฤต สิ่งแวดล้อมโลก



กรุงเทพฯ-สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI) ชี้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภาวะโลกร้อน และมลพิษข้ามพรมแดน ได้กลายเป็นความเสี่ยงหลักที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจและสังคมโลก ย้ำแม้ไทยจะปล่อยก๊าซเรือนกระจกในสัดส่วนที่น้อยมากเพียง 0.88% แต่กลับเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบรุนแรงระดับต้นๆของโลก พร้อมเสนอทางออกเร่งด่วนให้ไทยใช้ “การทูตสิ่งแวดล้อมเชิงรุก” (Proactive Environmental Diplomacy) และแนวทางพหุภาคี เพื่อรับมือวิกฤตและแรงกดดันทางการค้าที่เพิ่มสูงขึ้น

ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI) และเลขาธิการองค์การธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ร่วมประชุมวิชาการสถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 27 ประจำปี 2568 ในหัวข้อ "แนวทางพหุภาคีและการทูตด้านสิ่งแวดล้อม" (Multilateral Approaches to Environmental Diplomacy) ว่า ปัจจุบันปัญหาสิ่งแวดล้อมได้กลายเป็นความเสี่ยงสำคัญที่สุด 5 ใน 10 อันดับแรกของโลก จากการประชุมนักธุรกิจระดับโลก โดยเฉพาะ 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลให้เกิดสภาพอากาศสุดขั้ว การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และปัญหามลพิษ ซึ่งรวมถึงวิกฤต PM2.5 และหมอกควันข้ามแดน ขยะมูลฝอยและขยะพลาสติกที่ประเทศไทยกำลังประสบอยู่ แม้ว่าไทยจะปล่อยก๊าซเรือนกระจกคิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.88% ของโลก (ประมาณ 378 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า) แต่กลับเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงสูงระดับต้นๆ ต่อผลกระทบที่รุนแรงและคาดเดาได้ยาก เช่น การเกิดน้ำท่วมในพื้นที่ที่เคยประสบปัญหาภัยแล้งซ้ำซากในพื้นที่ภาคเหนือในปี พ.ศ. 2567-2568

ดร.วิจารย์ ชี้ว่า กุญแจสำคัญในการรับมือคือ "การทูตสิ่งแวดล้อม" เนื่องจากสิ่งแวดล้อมไม่มีพรมแดน ปัญหาอย่าง PM2.5 หมอกควันข้ามแดน หรือมลพิษจากสารหนูในแม่น้ำโขง แม่น้ำกก ล้วนเป็นประเด็นที่ต้องอาศัยความร่วมมือและเจรจาข้อตกลงกันระหว่างประเทศ

"เราไม่สามารถใช้การบังคับกับประเทศอื่นที่มีอำนาจอธิปไตยได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างความร่วมมือผ่านกลไกการทูตและการเจรจา ประเทศไทยต้องใช้ 'การทูตสิ่งแวดล้อมเชิงรุก' และต้องเตรียมพร้อมด้วยข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือในการเจรจาต่อรอง"

สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ได้เสนอแนะแนวทางเชิงนโยบายเพื่อขับเคลื่อนการทูตด้านสิ่งแวดล้อมของไทย โดยเน้นการส่งเสริมบทบาทไทยในเวทีอาเซียนและสหประชาชาติด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการเพิ่มขีดความสามารถในการเจรจาโดยใช้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่แม่นยำ และการสนับสนุนความร่วมมือประเทสกำลังพัฒนาผ่านความร่วมมือแบบ South-South Cooperation นอกจากนี้ ยังต้องส่งเสริมเทคโนโลยีสีเขียว การทูต การค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พัฒนาฐานข้อมูล (Big Data) การผลักดันเศรษฐกิจหมุนเวียนของไทยให้เป็นรูปธรรม ตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Green Supply Chain) และสู่เป้าหมาย Net Zero รวมทั้งการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมตามหลักการมีส่วนร่วม ธรรมาภิบาล หลักนิติธรรม การเปิดข้อมูลสาธารณะตลอดจนบูรณาการการทูตด้านสิ่งแวดล้อมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายต่างประเทศหลัก การดำเนินการ….สิ่งแวดล้อมต้องควบคู่ไปกับประชาธิปไตยสิ่งแวดล้อม (Environmental democracy) ประกอบด้วย การเข้าถึงข้อมูล (Access to information) การมีส่วนร่วม (Participation) และการเข้าถึงหลักยุติธรรม (Access to justice)

การประชุมวิชาการสถาบันพระปกเกล้าครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อร่วมกันหาแนวทางและบทบาทของการทูตสิ่งแวดล้อมในโลกยุคพหุภาคี เพื่อสร้างกลไกความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน และกำหนดทิศทางของประเทศไทยในการรับมือกับแนวโน้มการทูตสิ่งแวดล้อมในอนาคต