In News
6แบงค์รัฐแห่งัดมาตรการช่วยน้ำท่วมใต้ 'ปล่อยกู้-ลดดอกเบี้ย-ยืดระยะเวลาชำระ'
กรุงเทพฯ-ธ.ก.ส. ช่วยเกษตรกรน้ำท่วม เตรียมวงเงินรวม 20,000 ล้านบาท สนับสนุนให้เกษตรกรเข้าถึงแหล่งเงินทุน ออกสินเชื่อฉุกเฉินดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือน ส่วนธอส. ห่วงใยพื้นที่ อ.หาดใหญ่ และพื้นที่ภาคใต้ที่ประสบอุทกภัย เร่งออก 7 มาตรการพักชำระหนี้ - ลดเงินงวด - ลดดอกเบี้ย - เคลมสินไหมเร่งด่วน ช่วยเหลือและเยียวยา บรรเทาความเดือดร้อนผู้ได้รับผลกระทบ ยื่นความประสงค์ร่วมมาตรการที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ สำหรับEXIM BANK ช่วยลูกค้าฝ่าวิกฤตน้ำท่วมในพื้นที่หาดใหญ่และภาคใต้ เพิ่มมาตรการยืดหนี้อัตโนมัติ 30 วัน เสริมด้วยมาตรการช่วยเหลือครบวงจร ขณะที่จากสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่จังหวัดภาคใต้ บสย. ออกมาตรการเร่งด่วน ช่วยเหลือลูกค้า บสย. และลูกหนี้ที่ บสย. จ่ายเคลม ที่ได้รับผลกระทบให้สามารถประคับประคองธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ และออมสินช่วยลูกหนี้ฝ่าวิกฤตน้ำท่วม ให้พักหนี้อัตโนมัติ 3 เดือนสำหรับพื้นที่ตามประกาศ ปภ. เงินต้นช่วงพักให้ยกไปจ่ายงวดสุดท้าย ส่วนดอกเบี้ยไม่ต้องจ่าย เบื้องต้นช่วยได้กว่า 100,000 ราย และธ.กรุงไทย ห่วงใยผู้ประสบภัยน้ำท่วมพื้นที่ภาคใต้ ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยและผู้ประกอบการเอสเอ็มอี มุ่งบรรเทาความเดือดร้อน ลดภาระทางการเงิน ครอบคลุมการลดดอกเบี้ย และลดค่างวดชำระหนี้
วันนี้ 26 พ.ย. 68 นางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบให้เกิดความเสียหายต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ทุกหน่วยงานเร่งระดมให้ความช่วยเหลือเป็นการด่วนในทุกด้าน ๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในเบื้องต้นทั้งด้านการใช้ชีวิต การประกอบอาชีพ รวมถึงที่อยู่อาศัย ทรัพย์สิน และพื้นที่การเกษตร
นางสาวอัยรินทร์ กล่าวว่า เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกร รัฐบาล โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ได้จัดมาตรการเร่งด่วน เพื่อดูแลและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ลูกค้า ผ่านมาตรการเสริมสภาพคล่องและฟื้นฟูให้ลูกค้า วงเงินรวม 20,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรลูกค้าที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำในการนำไปสร้างหรือซ่อมแซมที่อยู่อาศัย โรงเรือนการเกษตร เครื่องมือ เครื่องจักรกลการเกษตร รวมถึงการฟื้นฟูการผลิตที่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติหรือภัยพิบัติ ประกอบด้วย
1) โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน เพื่อเสริมสภาพคล่องเกษตรกรในด้านค่าใช้จ่ายทั่วไป เช่น ค่าอุปโภคและบริโภคที่จำเป็น อัตราดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือนแรก เดือนที่ 7 เป็นต้นไป คิดอัตราดอกเบี้ย MRR (ปัจจุบัน MRR เท่ากับ 6.625%) วงเงินกู้รายละไม่เกิน 50,000 บาท
2) โครงการสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อเป็นค่าลงทุนในการซ่อมแซมบ้านเรือนและทรัพย์สิน ค่าซ่อมเครื่องมือและอุปกรณ์การเกษตรที่ได้รับความเสียหายจาก ภัยพิบัติ รวมถึงเป็นค่าใช้จ่ายในการทำการเกษตรรอบใหม่ วงเงินรายละไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR-2
ธอส. จัด7มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้

ด้านนายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ และพื้นที่ภาคใต้ ส่งผลกระทบต่อบ้านเรือน การดำเนินชีวิต และการประกอบอาชีพของลูกค้าและประชาชนเป็นอย่างมาก ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” ได้จัดเตรียมมาตรการให้ลูกค้าสามารถพักชำระหนี้ ลดเงินงวด ลดดอกเบี้ย และเคลมสินไหมเร่งด่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนผู้ที่ได้รับผลลกระทบในพื้นที่ดังกล่าว ผ่าน “มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ปี 2568” โดยมีรายละเอียด ดังนี้
มาตรการที่ 1 : สำหรับลูกค้าปัจจุบัน ลดเงินงวดและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยพักชำระหนี้นาน 3 เดือน พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เหลือ 0% ต่อปี 3 เดือนแรก เดือนที่ 4 - 12 คิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2.00% ต่อปี พร้อมลดเงินงวดลง 50% ของเงินงวดที่ชำระในปัจจุบัน เมื่อครบระยะเวลาให้ความช่วยเหลือ ลูกค้าสามารถกลับไปใช้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เดิมต่อไป และลูกค้าที่ต้องการกู้เพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัยสามารถเข้าร่วมโครงการสินเชื่อซ่อม – แต่ง และสินเชื่อซ่อม- แต่ง Plus วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 3 แสนบาทต่อราย ระยะเวลาการกู้นานสูงสุด 5 ปี โดยวงเงิน 1 แสนบาทแรก อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีเพียง 1% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ย 1.99% ต่อปี ในวงเงิน 200,000 บาทถัดมา โดยไม่ต้องจดทะเบียนการจำนองเพิ่มที่สำนักงานที่ดิน
มาตรการที่ 2 : สำหรับลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ กู้เพิ่มเพื่อซ่อมแซม หรือปลูกสร้างทดแทนหลังเดิม วงเงินกู้สูงสุดต่อราย ต่อหลักประกันไม่เกิน 2 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 1 - 3 เท่ากับ 0% ต่อปี พร้อมปลอดชำระเงินงวด, อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 4 - 24 เท่ากับ 2.00% ต่อปี, อัตราดอกเบี้ยปีที่ 3 เท่ากับ MRR-3.30% ต่อปี (2.945% ต่อปี), ปีที่ 4 เท่ากับ MRR-2.40% ต่อปี (3.845% ต่อปี) และปีที่ 5 จนถึงตลอดอายุสัญญา กรณีลูกค้ารายย่อย เท่ากับ MRR-0.50% ต่อปี, ลูกค้าสวัสดิการ เท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี และกู้เพื่อซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย เท่ากับ MRR (อัตราดอกเบี้ย MRR ของ ธอส. ปัจจุบัน เท่ากับ 6.245% ต่อปี) ระยะเวลาการกู้ 40 ปี กู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง 3,100 บาทต่อเดือนเท่านั้น ฟรีค่าธรรมเนียมประเมินราคาหลักประกัน (1,900 – 2,800 บาท) และค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการจำนองไม่เกิน 1% ของวงเงินจำนอง เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน
มาตรการที่ 3 : สำหรับลูกค้าสถานะ NPL ที่หลักประกันได้รับความเสียหาย ให้ประนอมหนี้ระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี 6 เดือน โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี นาน 6 เดือนแรก และไม่ต้องชำระเงินงวด จากนั้นเดือนที่ 7-18 อัตราดอกเบี้ย 1.00% ต่อปี โดยให้ผ่อนชำระเงินงวดไม่น้อยกว่าดอกเบี้ยรายเดือน และเมื่อครบระยะเวลาประนอมหนี้ให้กลับมาใช้อัตราดอกเบี้ยตามสิทธิเดิมก่อนที่จะใช้มาตรการนี้
มาตรการที่ 4 : สำหรับลูกค้าสถานะ NPL ที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้ ให้ประนอมหนี้เป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี นาน 6 เดือนแรก และผ่อนชำระเงินงวดเพียง 1,000 บาท (ตัดเงินต้นทั้งหมด) จากนั้น เดือนที่ 7-12 อัตราดอกเบี้ย 1.00% ต่อปี โดยให้ผ่อนชำระเงินงวดไม่น้อยกว่าดอกเบี้ยรายเดือน บวกอีก 100 บาท และเมื่อผ่อนชำระครบระยะเวลาประนอมหนี้ ให้ลูกค้ากลับมาใช้อัตราดอกเบี้ยตามสิทธิเดิมก่อนที่จะใช้มาตรการนี้
มาตรการที่ 5 : สำหรับลูกค้าสถานะบัญชีปกติและสถานะ NPL ที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร ให้ผ่อนชำระ โดยใช้อัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี ตลอดระยะเวลาที่คงเหลือ (พิจารณาเป็นรายกรณี)
มาตรการที่ 6 : สำหรับลูกค้าสถานะบัญชีปกติและสถานะ NPL หากที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายทั้งหลัง และไม่สามารถซ่อมแซมได้ ให้ปลอดหนี้ในส่วนของราคาอาคาร และให้ผ่อนชำระต่อเฉพาะในส่วนของที่ดินที่คงเหลือเท่านั้น (พิจารณาเป็นรายกรณี)
มาตรการที่ 7 : พิจารณาสินไหมเร่งด่วน (Fast Track) สำหรับลูกค้าที่ทำกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัย ซึ่งคุ้มครองภัยธรรมชาติกับบริษัทประกันภัยที่ธนาคารจัดให้ พิจารณาจ่ายค่าสินไหมให้กับลูกค้าที่ประสบภัยทุกรายอย่างเร่งด่วนเป็นกรณีพิเศษ โดยผู้เอาประกันสามารถแจ้งความเสียหายโดยใช้ภาพถ่าย จ่ายตามความเสียหายจริงไม่เกิน 20,000 บาท และสำหรับลูกค้าที่มีกรมธรรม์เริ่มความคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 เพิ่มความคุ้มครองภัยธรรมชาติตามความเสียหายจริงอีกไม่เกิน 30,000 บาท ต่อปี (รายละเอียดและเงื่อนไขเป็นไปตามกรมธรรม์)
นอกจากนี้ ธอส. ร่วมกับกรมธนารักษ์ และชมรมพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหาร กองทัพอากาศ เตรียมลงพื้นที่ส่งมอบถุงยังชีพ และอาหารพร้อมทานให้กับผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ และพื้นที่ภาคใต้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นลูกค้าและประชาชน ทั้งนี้ ลูกค้าที่ประสงค์ขอรับบริการตามมาตรการดังกล่าวสามารถติดต่อได้ที่สาขา ธอส. ตั้งแต่บัดนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ G H Bank Call Center โทร 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ติดตามข่าวสารของธนาคาร ได้ที่ G H Bank Social Media และ www.ghbank.co.th
EXIM BANK ช่วยลูกค้าฝ่าวิกฤตน้ำท่วมในพื้นที่หาดใหญ่และภาคใต้
.jpg)
นายชลัช รัตนบุญนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องจนเกิดน้ำท่วมฉับพลัน สร้างความเสียหายในวงกว้างในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นที่ตั้งสาขาของ EXIM BANK ดูแลลูกค้าในพื้นที่ภาคใต้ทั้งหมด EXIM BANK จึงออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าเพิ่มเติม เพื่อบรรเทาภาระทันที ทั้งในส่วนของวงเงินกู้ระยะสั้น วงเงินกู้ระยะยาว รวมถึงสินเชื่อปรับโครงสร้างหนี้ ที่ครบกำหนดชำระในช่วงเดือนธันวาคม 2568 ด้วยการยืดหนี้อัตโนมัติเป็นระยะเวลา 30 วัน เพื่อบรรเทาผลกระทบอย่างเร่งด่วนให้แก่ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ตามที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประกาศ ซึ่งอาจประสบปัญหาความยากลำบาก ไม่สามารถติดต่อกลับมายังธนาคารได้
นอกจากนี้ ลูกค้า EXIM BANK สามารถแจ้งความประสงค์ขอเข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือกรณีได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในภาคใต้ได้ดังนี้
มาตรการช่วยเหลือสำหรับวงเงินกู้ระยะสั้น
• ขยายระยะเวลาตั๋วสัญญาใช้เงิน สูงสุด 180 วัน
• เพิ่มวงเงินหมุนเวียนชั่วคราว สูงสุด 20% ของวงเงินหมุนเวียนเดิม ทั้งนี้ ไม่เกิน 2 ล้านบาท โดยใช้อัตราดอกเบี้ยเดิม
• เปลี่ยนแปลงภาระหนี้ระยะสั้น เป็นภาระหนี้ระยะยาว ผ่อนชำระสูงสุด 3 ปี
มาตรการช่วยเหลือสำหรับวงเงินกู้ระยะยาว
• ขยายระยะเวลาเงินกู้ สูงสุด 7 ปี
• ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ปีแรกลง 0.50% หรือจ่ายดอกเบี้ยเพียง 50% ในช่วง 6 เดือนแรก
• พักชำระหนี้เงินต้น สูงสุด 1 ปี
บสย.ออกมาตรการด่วนเร่งเยียวยา SMEs ผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้

นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กล่าวว่า จากสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่จังหวัดภาคใต้ โดยเฉพาะพื้นที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา สร้างผลกระทบต่อประชาชน และกิจการร้านค้า ผู้ประกอบการ เป็นวงกว้าง บสย. ได้ออกมาตรการเร่งด่วน ช่วยเหลือลูกค้า บสย. และลูกหนี้ที่ บสย. จ่ายเคลม ที่ได้รับผลกระทบให้สามารถประคับประคองธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ผู้ประสบอุทกภัยและมีสถานประกอบการตั้งอยู่ในพื้นที่ตามประกาศของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
1. มาตรการช่วยเหลือลูกค้า ผ่อนผันการชำระค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อ และค่าจัดการค้ำประกัน โดยพักชำระออกไปอีก 6 เดือน นับจากวันถึงกำหนดชำระค่าธรรมเนียม สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่ บสย. ค้ำประกันสินเชื่อ ที่จะครบกำหนดชำระตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 ถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2568
2. มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ พักชำระค่างวดเป็นระยะเวลา 6 เดือน สำหรับลูกหนี้ที่ บสย. จ่ายเคลม ซึ่งอยู่ในระหว่างผ่อนชำระตามแผนปรับโครงสร้างหนี้ และไม่ผิดนัดชำระหนี้ ระยะเวลารับคำขอตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 ถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2568
สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ลูกค้า-ลูกหนี้ บสย. ที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการฯ ผ่านช่องทาง LINE OA TCG First: @tcgfirst ภายในวันที่ 15 ธันวาคม 2568 หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรายละเอียดการเข้าร่วมมาตรการ ได้ที่สำนักงานเขตในพื้นที่ และ บสย. Call Center โทร. 02-890-9999
ออมสินช่วยลูกหนี้ฝ่าวิกฤตน้ำท่วมให้พักหนี้อัตโนมัติ 3 เดือน

นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนักต่อเนื่องจนเกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ของประเทศ ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นวงกว้าง ธนาคารออมสินจึงออกมาตรการพักชำระหนี้อัตโนมัติ ไม่คิดดอกเบี้ย นาน 3 เดือน เพื่อบรรเทาภาระหนี้ของลูกค้าธนาคารออมสิน จำนวนกว่า 100,000 ราย ตามรายงานเบื้องต้นที่เปรียบเทียบสอบทานกับประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)
มาตรการพักชำระหนี้ นาน 3 เดือน – ครอบคลุมลูกหนี้สินเชื่อทุกกลุ่ม (ยกเว้นบางประเภทตามเงื่อนไข*) โดยมีหลักเกณฑ์สำคัญ คือ
- พักชำระหนี้อัตโนมัติ ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย เป็นเวลา 3 เดือน สำหรับลูกหนี้ที่มีภูมิลำเนา ที่อยู่อาศัย หรือสถานที่ประกอบอาชีพในพื้นที่ภัยพิบัติตามประกาศของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) โดยดอกเบี้ยในช่วงเวลาพักชำระหนี้ธนาคารยกให้ทั้งหมด ลูกหนี้ไม่ต้องชำระภายหลัง ส่วนเงินต้นที่พักไว้จำนวน 3 งวด จะถูกรวมไปชำระในงวดสุดท้าย ซึ่งหากไม่สามารถชำระปิดบัญชีได้ ลูกหนี้สามารถขอปรับโครงสร้างหนี้และขยายระยะเวลาการผ่อนชำระหนี้เพิ่มเติม โดยไม่เสียประวัติเครดิต
- ผู้ได้รับสิทธิ์พักชำระหนี้อัตโนมัติ จะได้รับ SMS จากธนาคารเพื่อแจ้งสิทธิ์การเข้าร่วมมาตรการนี้
- เมื่อครบกำหนดระยะเวลาพักชำระหนี้ ธนาคารจะส่ง SMS แจ้งล่วงหน้า 1 เดือนให้ลูกหนี้กลับมาชำระหนี้โดยนำส่งเงินงวดต่อไป ตามเงื่อนไขสัญญาเดิม
- กรณีลูกหนี้ได้รับ SMS แจ้งสิทธิ์การเข้าร่วมมาตรการ แต่ไม่ประสงค์ใช้สิทธิ์ สามารถชำระหนี้ได้ตามปกติ และไม่ต้องติดต่อธนาคาร โดยเงินงวดที่นำส่งจะถูกนำไปตัดลดเงินต้นทั้งจำนวน ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารจะไม่คิดดอกเบี้ยในช่วงระยะเวลา 3 เดือนของมาตรการ
นอกจากนี้ ธนาคารยังออกมาตรการผ่อนปรนหลักเกณฑ์เงื่อนไขตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) ของลูกหนี้สินเชื่อเพื่อการประกอบธุรกิจสำหรับผู้ประสบภัยพิบัติที่มีสถานะ Non-NPLs และมีภูมิลำเนา ที่อยู่อาศัย สถานที่ประกอบอาชีพ สถานที่ประกอบธุรกิจ ที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ที่มีตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) ที่ครบกำหนดชำระในระหว่างวันที่ 19 พฤศจิกายน – 30 ธันวาคม 2568 โดยสามารถขยายวันครบกำหนดใช้เงิน 1 ครั้ง/ฉบับ ออกไปอีก 90 วัน และชำระดอกเบี้ยตามเงื่อนไขสัญญาเดิม ทั้งนี้ ธนาคารจะติดต่อลูกค้าแต่ละรายเพื่อแจ้งหลักเกณฑ์และสิทธิประโยชน์ให้ทราบ
ธนาคารออมสิน ยืนหยัดจุดยืนการเป็นธนาคารเพื่อสังคม ที่พร้อมเคียงข้างให้ความช่วยเหลือลูกค้าประชาชนในการช่วยประคับประคองภาระทางการเงินในช่วงเวลาวิกฤต และขอส่งกำลังใจให้พี่น้องผู้ประสบอุทกภัยทุกคนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้เป็นปกติในเร็ววัน
“กรุงไทย”ออก2มาตรการทางการเงินช่วยเหลือน้ำท่วมภาคใต้

นายเอกชัย เตชะวิริยะกุล ประธานผู้บริหาร Risk ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงไทย มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมเฉียบพลันทั้งในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และอีกหลายจังหวัดในภาคใต้ ซึ่งสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน การประกอบอาชีพ และการดำรงชีพของลูกค้า ประชาชนเป็นวงกว้าง
ธนาคารกรุงไทยได้ออกมาตรการทางการเงิน เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ครอบคลุมการลดภาระทางการเงิน ทั้งปรับลดค่างวดการผ่อนชำระ การปรับลดอัตราดอกเบี้ย และการให้วงเงินฉุกเฉินเสริมสภาพคล่องในการดำรงชีพ รวมถึงการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยและทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหาย
มาตรการแบ่งเบาภาระลูกค้าสินเชื่อปัจจุบัน
1.สินเชื่อบ้าน สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SSME (Term Loan) ลดค่างวดลง 75% ของค่างวดปัจจุบันนาน 1 ปี และลดดอกเบี้ยเป็น 0% ต่อปี นาน 3 เดือน หลังจากนั้น ดอกเบี้ยคงที่ 2.5% ต่อปี นาน 33 เดือน (รวมระยะเวลาดอกเบี้ยพิเศษ นาน 3 ปี)
2. สินเชื่อบุคคล (Term Loan) ลดค่างวดลง 75% ของค่างวดปัจจุบัน นาน 1 ปี และ ลดดอกเบี้ยเป็น ดอกเบี้ยคงที่ 4.5% ต่อปี นาน 3 ปี
3. สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME ให้ความช่วยเหลือครอบคลุม ทั้งการลดอัตราดอกเบี้ย ลดค่างวดการชำระหนี้ พักชำระเงินต้น ชำระเฉพาะดอกเบี้ย หรือพักชำระเงินต้น และ/หรือ พักชำระดอกเบี้ยบางส่วน ขยายระยะเวลาสัญญา/ปรับตารางผ่อนชำระหนี้ เป็นต้น โดยเงื่อนไขและเกณฑ์การพิจารณาลูกค้าแต่ละรายเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด ซึ่งธนาคารจะพิจารณาให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย เพื่อลดภาระทางการเงิน และสะท้อนภาวะเศรษฐกิจและรายได้ของลูกค้าที่น่าจะฟื้นตัวในอนาคต
มาตรการสินเชื่อเพื่อกู้ซ่อมบ้าน / กู้ฟื้นฟูกิจการ สำหรับลูกค้าปัจจุบันที่ขอวงเงินเพิ่มเติม หรือลูกค้าใหม่
1. สินเชื่อบ้าน Top up สินเชื่อบ้านแลกเงิน และ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SSME (Term Loan) ดอกเบี้ยคงที่ 0% ต่อปี นาน 3 เดือน หลังจากนั้น ดอกเบี้ยคงที่ 2.5% ต่อปี นาน 33 เดือน (รวมระยะเวลา ดอกเบี้ยพิเศษ นาน 3 ปี กรณีสินเชื่อบ้าน ฟรีค่าประเมินและค่าจดจำนอง)
2. สินเชื่อบุคคล (Term Loan) ดอกเบี้ยคงที่ 4.5% ต่อปี นาน 3 ปี
3. สินเชื่อธุรกิจ SME (Term Loan) ระยะเวลาสูงสุดไม่เกิน 7 ปี ดอกเบี้ยเริ่มต้น 4% ต่อปี หลังจากนั้น MLR-1% ต่อปี
ธนาคารกรุงไทย ขอส่งกำลังใจให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม พร้อมเคียงข้างให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง เพื่อให้พี่น้องผู้ประสบภัยผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้อย่างรวดเร็ว สำหรับลูกค้าที่มีความประสงค์เข้าร่วมมาตรการความช่วยเหลือของธนาคาร สามารถติดต่อได้ที่ ธนาคารทุกสาขา หรือ สาขาที่มีบัญชีเงินกู้ ตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2568 - วันที่ 31 ธันวาคม 2568 โดยยื่นความประสงค์เข้าร่วมมาตรการภายใน 3 เดือน นับตั้งแต่วันเกิดเหตุ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Krungthai Contact Center โทร. 02-111-1111
