ECO & ESG
'อช.ปางสีดา'ช่วยชีวิตกระทิงป่าถูกปืนผูก บาดเจ็บ2ขาล่าสุดเสียชีวิตแล้ว
ปราจีนบุรี-เมื่อวันที่ 25 พ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ปราจีนบุรี นายยศวัฒน์ เธียรสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (ปราจีนบุรี) เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากนายญาณวุฒิ แสงวงศ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติปางสีดา เกี่ยวกับกรณีกระทิงป่าถูกปืนผูกบาดเจ็บสาหัส บริเวณนอกเขตอุทยานแห่งชาติปางสีดา จังหวัดสระแก้ว สะท้อนปัญหาการล่าสัตว์ป่าที่ยังคงเป็นภัยคุกคามต่อสัตว์ป่าสงวนหายาก ล่าสุดกระทิงป่าถูกกับดักปืนผูกบาดเจ็บสาหัสเสียชีวิตแล้ว เร่งรวบรวมหลักฐานดำเนินคดี

จากรายงานระบุว่า เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2568 เวลาประมาณ 17.30 น. เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 2 (ขุนดง 2) ได้ยินเสียงคล้ายปืนระเบิดดังกระหึ่ม คาดว่าเป็นเสียงปืนผูกซึ่งเป็นกับดักสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมาย บริเวณพิกัด UTM WGS84 Zone 48P: 194028 E / 1546168 N ซึ่งอยู่นอกเขตอุทยาน ในพื้นที่ทำกินของราษฎร

เจ้าหน้าที่จึงรีบเข้าตรึงกำลังในพื้นที่ทันที แต่ด้วยความกังวลว่าอาจมีปืนผูกวางไว้มากกว่า 1 กระบอก ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตหากเข้าไปตรวจสอบอย่างไม่ระมัดระวัง เจ้าหน้าที่จึงเดินสำรวจและเฝ้าระวังอยู่รอบๆ พื้นที่ดังกล่าวตลอดทั้งคืน
วันที่ 21 พฤศจิกายน 2568 เจ้าหน้าที่ตรวจพบวัตถุต้องสงสัยซึ่งยืนยันว่าเป็น "ปืนผูก" จำนวน 2 กระบอก ในแปลงปลูกยูคาลิปตัส นอกแนวเขตอุทยาน พร้อมกับพบกระทิงป่าได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ตัว อยู่ใกล้กับจุดที่พบปืนผูก
เจ้าหน้าที่พยายามเข้าใกล้เพื่อประเมินอาการบาดเจ็บ แต่กระทิงมีอาการตกใจ ตื่นตระหนก และระวังตัวอย่างมาก หากเข้าไปใกล้อาจทำให้กระทิงโจมตีและเกิดอันตรายแก่เจ้าหน้าที่ได้ เจ้าหน้าที่จึงเฝ้าระวังและติดตามอาการของกระทิงอย่างใกล้ชิดจากระยะปลอดภัย พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรปางสีดาเข้าดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย

วันที่ 22 พฤศจิกายน 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปางสีดา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดสระแก้ว เข้าตรวจพื้นที่เก็บกู้หลักฐาน และนำปืนผูกทั้ง 2 กระบอกไปดำเนินการตรวจสอบลายนิ้วมือและตรวจพิสูจน์ DNA ตามขั้นตอนทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อสืบหาตัวผู้กระทำผิดและประกอบสำนวนการสืบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติปางสีดายังคงเฝ้าระวังและติดตามอาการของกระทิงอย่างต่อเนื่อง โดยพยายามหาวิธีเข้าใกล้เพื่อให้การช่วยเหลือ แต่กระทิงยังคงมีอาการตื่นตระหนกและระมัดระวังตัวสูง
ล่าสุด วันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 อุทยานแห่งชาติปางสีดาได้ประสานหัวหน้าสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าช่องกล่ำบน เข้าทำการตรวจรักษากระทิง จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ากระทิงมีอาการบาดเจ็บสาหัส ขาหน้าซ้ายหักจากกระสุนปืนโดนโดยตรง และขาหลังซ้ายก็หักเช่นกัน แต่ไม่พบรอยบาดแผลจากกระสุน คาดว่าขาหลังหักเกิดจากการรับน้ำหนักตัวไม่ไหว เนื่องจากขาหน้าซ้ายบาดเจ็บทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ กระทิงจึงต้องแบกน้ำหนักด้วยขา 3 ข้าง จนขาหลังซ้ายรับแรงกดทับมากเกินไปและหักตามไปด้วย
เจ้าหน้าที่สัตวแพทย์ได้ทำการรักษาเบื้องต้นโดยให้ยาฆ่าเชื้อ ยาแก้อักเสบ และยาบรรเทาอาการเจ็บปวด พร้อมทั้งวางแผนการรักษาระยะยาว โดยจะต้องติดตามอาการอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เนื่องจากกระทิงเป็นสัตว์ป่าขนาดใหญ่
นายยศวัฒน์ กล่าวว่า กรณีนี้เป็นเหตุการณ์ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เนื่องจากกระทิงเป็นสัตว์ป่าที่อยู่ในบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง การที่มีผู้วางปืนผูกในพื้นที่ใกล้กับแนวเขตอุทยานแสดงให้เห็นว่ายังมีการล่าสัตว์ป่าผิดกฎหมายอยู่ ซึ่งเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อความหลากหลายทางชีวภาพ
ปัจจุบันอุทยานแห่งชาติปางสีดาได้จัดตั้งชุดค้นหาและกวาดล้างอาวุธปืนผูก โดยขยายขอบเขตพื้นที่การค้นหาให้ครอบคลุมทั้งพื้นที่เสี่ยง พื้นที่ต้องสงสัย และบริเวณรอบๆ แนวเขตอุทยาน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่สัตว์ป่าอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากกับดักอันตรายเหล่านี้อีก
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะเฝ้าระวังและติดตามอาการของกระทิงอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมให้การรักษาอย่างเต็มความสามารถ และขอความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง หากพบเห็นพฤติกรรมการล่าสัตว์ป่าผิดกฎหมายหรือพบปืนผูก กับดักสัตว์ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที เพื่อดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
กระทิงป่าถูกกับดักปืนผูกบาดเจ็บสาหัสเสียชีวิตแล้ว

ล่าสุด 26 พ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ปราจีนบุรี นายยศวัฒน์ เธียรสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (ปราจีนบุรี) เปิดเผยว่า อุทยานแห่งชาติปางสีดา จังหวัดสระแก้ว แจ้งสถานการณ์ความคืบหน้า ล่าสุดว่า กระทิงป่าที่ถูกกับดักอาวุธปืนผูกจนได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ขา ได้เสียชีวิตลงแล้วเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 เวลา 13.20 น. ก่อนที่คณะสัตวแพทย์จะสามารถเข้าทำการรักษาได้ทันท่วงที ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการผ่าพิสูจน์ซากเพื่อรวบรวมหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์อย่างละเอียด เพื่อเร่งรัดการดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด
นายญาณวุฒิ แสงวงศ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติปางสีดา รายงานว่า ชุดเฝ้าระวังและติดตามอาการกระทิงได้รายงานการเสียชีวิตของสัตว์ดังกล่าว ทางอุทยานฯ จึงได้ประสานนายสัตวแพทย์ประจำสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าช่องกล่ำบนเข้าดำเนินการผ่าพิสูจน์ซาก โดยจะเคลื่อนย้ายซากไปยังเขตอุทยานแห่งชาติปางสีดา และเมื่อแล้วเสร็จจะขออนุมัติพนักงานสอบสวนดำเนินการทำลายซากด้วยวิธีการฝังกลบตามระเบียบต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไป ย้อนรอยเหตุการณ์และการสืบสวนวันที่ 20 พฤศจิกายน 2568 เวลา 17.30 น. เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 2 (ขุนดง 2) ได้ยินเสียงคล้ายปืนดังสนั่น คาดว่าเป็นเสียงอาวุธปืนผูก ซึ่งเป็นกับดักสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมาย บริเวณนอกแนวเขตอุทยานฯ ในพื้นที่ทำกินของราษฎร จังหวัดสระแก้ว เจ้าหน้าที่จึงรีบเข้าตรวจสอบและตรึงกำลังในพื้นที่ตลอดทั้งคืน เนื่องจากคาดว่าอาจมีอาวุธปืนผูกมากกว่า 1 กระบอก
วันที่ 21 พฤศจิกายน 2568 เจ้าหน้าที่ตรวจพบกับดักอาวุธปืนผูกจำนวน 2 กระบอก ในแปลงปลูกยูคาลิปตัสนอกแนวเขตอุทยานฯ พร้อมกับพบกระทิงป่าได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ตัว อยู่ใกล้จุดที่พบอาวุธ แต่ไม่สามารถเข้าใกล้เพื่อช่วยเหลือได้ เนื่องจากกระทิงมีอาการตื่นตระหนกและอาจโจมตีเจ้าหน้าที่ จึงต้องเฝ้าระวังจากระยะปลอดภัย
วันที่ 22 พฤศจิกายน 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรปางสีดา พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดสระแก้ว ได้เข้าตรวจพื้นที่และนำอาวุธปืนผูกทั้ง 2 กระบอกไปตรวจสอบลายนิ้วมือและ DNA เพื่อสืบหาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี
วันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 อุทยานฯ ประสานหัวหน้าสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าช่องกล่ำบนเข้าตรวจรักษา พบว่ากระทิงบาดเจ็บสาหัส ขาหน้าซ้ายหักจากการถูกกระสุนปืนโดยตรง และขาหลังซ้ายหักตามมาเนื่องจากไม่สามารถรับน้ำหนักตัวได้ คณะสัตวแพทย์ได้ให้ยาฆ่าเชื้อ ยาแก้อักเสบ และยาบรรเทาอาการเจ็บปวด แต่เนื่องจากอาการบาดเจ็บรุนแรงเกินกว่าจะรักษาได้ทัน
นายยศวัฒน์ เธียรสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (ปราจีนบุรี) กล่าวว่า เหตุการณ์นี้สะท้อนปัญหาการล่าสัตว์ป่าผิดกฎหมายที่ยังคงเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อสัตว์ป่าหายาก โดยเฉพาะกระทิงซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง
ปัจจุบัน อุทยานแห่งชาติปางสีดาได้จัดตั้งชุดค้นหาและกวาดล้างอาวุธปืนผูก โดยขยายขอบเขตการค้นหาให้ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงและบริเวณรอบแนวเขตอุทยานฯ เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าอื่นได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากกับดักอันตรายเช่นนี้อีก จึงขอความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง หากพบเห็นพฤติกรรมการล่าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย หรือพบอาวุธปืนผูกและกับดักสัตว์ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติปางสีดาทันที เพื่อดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป
มานิตย์ สนับบุญ/ปราจีนบุรี
