In News
นายกฯเเดินหน้าฟื้นฟูพื้นที่น้ำท่วมภาคใต้ ร่วม30เอกชนจัดแฟร์/ญี่ปุ่น-ไทยไม่ทิ้งกัน
กรุงเทพฯ-ไทย - ญี่ปุ่นร่วมเคียงข้างทุกสถานการณ์ นายกฯ รับมอบชุดของบรรเทาทุกข์จากรัฐบาลญี่ปุ่นผ่านไจก้า (JICA) ช่วยผู้ประสบภัยภาคใต้ และนายกฯ เปิดความร่วมมือรัฐ-เอกชน กว่า 30 ราย ผนึกกำลังจัดกิจกรรม “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภค สูงสุด 50% ลดภาระวัสดุซ่อมแซมบ้าน - บริการซ่อมแซมรถยนต์ เยียวยาผู้ประสบภัยทันที ขณะเดียวกัน นายกฯ เปิดความร่วมมือรัฐ–เอกชน กว่า 30 ราย ผนึกกำลังจัดกิจกรรม “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภค สูงสุด 50% ลดภาระวัสดุซ่อมแซมบ้าน - บริการซ่อมแซมรถยนต์ เยียวยาผู้ประสบภัยทันที

วันนี้ (วันอังคารที่ 2 ธันวาคม 2568) เวลา 09.30 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พบหารือกับ นายโอตากะ มาซาโตะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย (H.E. Mr. OTAKA Masato) ในโอกาสรับมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์เพื่อความช่วยเหลือฉุกเฉินแก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้จากรัฐบาลญี่ปุ่นผ่านองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency: JICA) โดยมี นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง นายอัครุตม์ สนธยานนท์ อธิบดีกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นางชนิดา เกษมศุข รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร นางจินดารัตน์ วิริยะทวีกุล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง และนายซุนซูเกะ ซากุโด หัวหน้าสำนักงาน JICA ประจำประเทศไทย เข้าร่วม
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า การรับมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์ ประกอบด้วย (1) เต็นท์ขนาดใหญ่ 150 หลัง (2) แผ่นรองนอน 3,000 ผืน (3) ผ้าห่ม 3,000 ผืน (4) ผ้าพลาสติกกันน้ำ 150 ผืน (5) ถังน้ำพลาสติก 500 ใบ สำหรับเก็บน้ำสะอาด (6) เครื่องกรองน้ำ 20 เครื่อง ผลิตน้ำสะอาดได้นาทีละ 4 ลิตร ช่วยแก้ปัญหาน้ำดื่มสะอาดในพื้นที่มูลค่า รวมประมาณ 7,100,000 บาท โดยทั้งหมดจะถูกนำส่งมอบไปยังศูนย์อำนวยการช่วยเหลือเครือข่ายวายุภักษ์ กระทรวงการคลัง เพื่อดำเนินการแจกจ่ายให้แก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่หาดใหญ่ต่อไป
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวในนามของรัฐบาลไทยและพี่น้องประชาชนชาวไทย แสดงความซาบซึ้งใจต่อรัฐบาลญี่ปุ่น สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) สำหรับการมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในหลายพื้นที่ พร้อมชื่นชมในความรวดเร็ว และความจริงใจของฝ่ายญี่ปุ่น ซึ่งสะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและไว้เนื้อเชื่อใจกันมายาวนานระหว่างสองประเทศ
นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า สิ่งของช่วยเหลือทั้งหมดจะถูกนำส่งไปยังพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ถึงมือผู้ประสบภัยอย่างทั่วถึง โดยรัฐบาลจะเดินหน้าปรับปรุงระบบเตรียมความพร้อมด้านภัยพิบัติในทุกมิติ ควบคู่กับการจัดทำมาตรการรองรับที่เหมาะสมและยั่งยืน เพื่อให้ระบบบริหารจัดการภัยพิบัติมีศักยภาพในการตอบสนองต่อความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และให้ประชาชนได้รับการดูแลอย่างทันท่วงที ลดผลกระทบให้น้อยที่สุด
ด้านเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นกล่าวว่า ทั้งสองประเทศต่างยืนหยัดเคียงข้างกันเสมอในยามที่ต้องเผชิญความยากลำบาก ความช่วยเหลือครั้งนี้จึงตั้งอยู่บนพื้นฐานของมิตรภาพและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่มั่นคงระหว่างสองประเทศ และยังสะท้อนถึงความรู้สึกตอบแทนน้ำใจที่ประชาชนชาวญี่ปุ่นมีต่อความช่วยเหลืออันอบอุ่นที่ประเทศไทยได้มอบให้แก่ญี่ปุ่นในยามที่ประสบความยากลำบากเมื่อในอดีตที่ผ่านมา จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสิ่งของบรรเทาทุกข์เหล่านี้จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัย พร้อมขอให้ประชาชนปลอดภัยและฟื้นตัวจากเหตุการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ได้ในเร็ววัน โดยประเทศญี่ปุ่นจะขอยืนเคียงข้างชาวไทยทุกท่านเสมอ
ขณะที่หัวหน้าสำนักงาน JICA กล่าวเพิ่มเติมว่า ไทยและญี่ปุ่นต่างเคยช่วยเหลือกันในยามวิกฤตมาโดยตลอด เช่น ความช่วยเหลือของไทยต่อญี่ปุ่นในช่วงเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่คุมาโมโตะ และเหตุการณ์แผ่นดินไหว - สึนามิในโทโฮคุ ขณะที่ญี่ปุ่นก็เคยให้การสนับสนุนไทยในเหตุการณ์สึนามิปี 2547 และอุทกภัยใหญ่ปี 2554 ซึ่งตอกย้ำว่า “เมื่อเพื่อนประสบปัญหา เราจะช่วยเหลือกันเสมอ”
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง โดยย้ำว่าน้ำใจไมตรีจากประเทศญี่ปุ่นในครั้งนี้จะอยู่ในความทรงจำของพี่น้องประชาชนชาวไทย และสะท้อนถึงความพร้อมของทั้งสองประเทศในการยื่นมือช่วยเหลือกันในทุกสถานการณ์อย่างแท้จริง
นายกฯเปิดความร่วมมือรัฐ-เอกชนกว่า30รายจัด“รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้”

วันนี้ (2 ธันวาคม 2568) เวลา 09.00 น. ณ บริเวณโถงกลาง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมกระเช้าปีใหม่สินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ “GI ไทย ส่งสุขปีใหม่ สุขใจชุมชน” เพื่อส่งเสริมการตลาดสินค้า GI ในรูปแบบการจัดจำหน่ายกระเช้าปีใหม่ โดยมีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ คณะผู้บริหารกระทรวง และผู้ประกอบการภาคเอกชน ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมในครั้งนี้
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางในการประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมจัดกิจกรรม “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” สะท้อนพลังสําคัญจากภาคเอกชนที่พร้อมจับมือกับรัฐบาล เดินหน้าเร่งฟื้นเมือง ฟื้นธุรกิจ และฟื้นเศรษฐกิจของภาคใต้ให้กลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง ผ่าน 3 กิจกรรมสําคัญ ที่กําลังเริ่มดําเนินการทันที ดังนี้
1. ลดค่าครองชีพประชาชน สินค้าจำเป็นลดสูงสุดกว่า 50% ร่วมกับผู้ผลิตสินค้า 16 ราย แบ่งเป็นหมวดของใช้ประจำวัน ได้แก่ บริษัท ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล ยูนิลีเวอร์ไทย โอสถสภา ยูนิชาร์ม เอิร์ธ (ประเทศไทย) นีโอ คอร์ปอเรท หมวดอาหาร ได้แก่ ผู้ผลิตปลากระป๋อง โดยบริษัท ไทยยูเนี่ยนฯ ยูนิคอร์ด รอแยลฟูดส์ ไฮคิว ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป โดย บริษัท สหพัฒน์ฯ วันไทยอุตสาหกรรมการอาหาร โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย และผู้ผลิตนมพร้อมดื่ม โดยมี บริษัท ดัชมิลล์ ฟรีสแลนด์คัมพิน่า และเนสท์เล่ (ไทย)
ในส่วนของห้างค้าปลีก–ค้าส่ง รายใหญ่ 8 ราย ได้แก่ ซีพีแอ็กซ์ตร้า (แมคโคร โลตัส) บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ เซ็นทรัล โฮลเซลล์ และเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล(ท็อป โก โฮลเซลล์) เดอะมอลล์ กรุ๊ป ซี.เจ. เอ็กซ์เพรส ซีพี ออลล์ (7-11) และสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ร่วมกันลดราคาสินค้าจำเป็น เช่น อาหาร นม ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง ของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ผงซักฟอก สบู่ โลชั่น รวมถึงอุปกรณ์ทำความสะอาดพื้นฐานและเครื่องใช้ไฟฟ้าครัวเรือน
2. ลดภาระค่าซ่อมแซมบ้านเรือน วัสดุก่อสร้างลดสูงสุด 88% ได้รับความร่วมมือจากห้างวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ 6 ราย ได้แก่ เอสซีจี ไทวัสดุ โฮมโปร ดูโฮม โกลบอลเฮ้าส์ และเมกาโฮม ลดราคาวัสดุที่จำเป็นต่อการซ่อมแซมบ้านเรือน เช่น สายไฟ หลอดไฟ สีทาบ้าน ประตูหน้าต่าง วัสดุกันซึม อุปกรณ์ทำความสะอาด ไม้กวาด ไม้ถูพื้น ถุงมือ และรองเท้ากันน้ำ พร้อมบริการช่างซ่อมแซมบ้านเรือน สำหรับครัวเรือนที่ได้รับความเสียหายหนัก
3. ลดภาระซ่อมแซมยานพาหนะ บริการศูนย์รถยนต์ลดสูงสุด 18% ได้รับความร่วมมือจากศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร ได้แก่ B-Quik TyrePlus COCKPIT และผู้ประกอบการยานยนต์จังหวัดสงขลาและใกล้เคียง ให้บริการตรวจเช็กสภาพรถหลังน้ำท่วม และฟื้นฟูทำความสะอาด เช่น ล้าง ซักเบาะ-พรม เปลี่ยนถ่ายน้ำมัน-ของเหลว พร้อมจัดหาช่างซ่อมโดยลดค่าแรงและอะไหล่
“กิจกรรมทั้งหมดจะเร่งดําเนินการทันที และรัฐบาลจะติดตามผลอย่างใกล้ชิด พร้อมขยายความช่วยเหลือในพื้นที่ที่ยังมีความจําเป็นต่อไป ขอบคุณภาคเอกชนทุกองค์กรที่ร่วมแรงร่วมใจสนับสนุนมาตรการฟื้นฟูในครั้งนี้ แม้หลายกิจการจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เช่นกัน แต่ยังคงยืนหยัดช่วยเหลือประชาชน สะท้อนความเข้มแข็งของประเทศไทย พร้อมเดินหน้าทางเศรษฐกิจโดยเร็วที่สุด” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
