In Thailand
ชาวนากาฬสินธุ์อนุรักษ์ฟาดข้าวคัดเลือก พันธุ์หลังราคาข้าวเปลือกพุ่งไม่หยุด
กาฬสินธุ์-ใกล้ปิดฤดูเก็บเกี่ยวข้าวนาปี ราคารับซื้อข้าวเปลือกเหนียวปรับตัวสูงขึ้นถึง 1 เท่าตัว จากเดินตันละ 6,000 บาท เป็นตันละ 12,000 บาท ส่วนราคาข้าวเปลือกหอมมะลิยังยืนที่ราคาตันละ 16,000 บาท ขณะที่ชาวนาหลายรายคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ข้าว เพื่อนำไปขยายพันธุ์และเพาะปลูกในฤดูกาลเพาะปลูกปี 2569 ด้วยวิธีเกี่ยวด้วยมือและฟาดข้าว หรือตีข้าว เพื่อง่ายต่อการคัดเลือกพันธุ์ รวมทั้งเป็นการอนุรักษ์วิธีการทำนาแบบดั้งเดิม ที่กำลังจะสูญหายไป
วันที่ 2 ธันวาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงาน จากการติดตามบรรยากาศการเก็บเกี่ยวข้าวเปลือก ในช่วงใกล้ปิดฤดูกาลเพาะปลูก 2568 พบว่าชาวนาส่วนใหญ่นิยมจ้างรถเกี่ยวข้าว หลังจากนั้นนำไปผึ่งแดดเพื่อชะลอการขาย ที่จะได้ราคาสูงขึ้น ส่วนหนึ่งเก็บไว้เป็นอาหารรับประทานในครัวเรือน ขณะที่หลายรายใช้วิธีเกี่ยวด้วยมือ และฟาดฟ่อนข้าวหรือตีข้าวเอง เพื่อเก็บไว้เป็นเมล็ดพันธุ์ สำหรับเพาะปลูกในฤดูกาลต่อไป

นายเนียม อิ่มพันธ์ 55 ปี ชาวนาบ้านห้วยสีทน ม.6 ต.โพนทอง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตนมีที่นา 6 ไร่ ปลูกข้าวเหนียว โดยใช้ข้าวพันธุ์ กข 6 ต้นเตี้ย ซึ่งเหมาะกับสภาพดินที่นาตน มีการแตกกอดี ลำต้นมีความแข็งแรง ทนทานต่อลมแรง ลดปัญหาการหักล้ม เมล็ดเรียวยาว เมื่อนำไปสีเป็นข้าวสารแล้วนำไปนึ่ง จะอ่อนนุ่ม มีกลิ่นหอม คล้ายพันธุ์ กข 6 แบ่งเป็น 2 แปลง แปลงใหญ่ใช้รถเกี่ยว เพื่อความสะดวก รวดเร็วและนำไปขาย นำเงินมาใช้หนี้ปุ๋ยเคมีและใช้จ่ายในครัวเรือน ส่วนแปลงเล็กใช้ทำเมล็ดพันธุ์ จึงใช้วิธีเกี่ยวมือโดยใช้เคียว เพื่อคัดแยกสายพันธุ์ปลอมปนออก จากนั้นผึ่งฟ่อนข้าวให้แห้ง ก่อนทำการมัดแล้วนำมาฟาดหรือตี ให้เมล็ดข้าวเปลือกหลุดออกจากรวง
นายเนียมกล่าวอีกว่า การเกี่ยวข้าวด้วยมือและการฟาดข้าวดังกล่าว เป็นวิธีการทำนาที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ ซึ่งนอกจากจะได้เมล็ดข้าวพันธุ์ดี มีคุณภาพ ไม่มีพันธุ์ข้าวอื่นปลอมปนแล้ว ยังเป็นการอนุรักษ์ขั้นตอนการเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวแบบดั้งเดิม ให้ลูกหลานได้เห็นและภาคภูมิใจในคุณค่าของเมล็ดข้าว ที่เป็นอาหารหลัก ว่ากว่าที่จะได้มาเป็นข้าวสารและรับประทานนั้นยากลำบากเพียงใด ทั้งนี้ข้าวเปลือกที่ได้จากการตี จะไปใช้เป็นเมล็ดพันธุ์ในฤดูเพาะปลูกปีต่อไป โดยไม่ต้องไปซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีราคาแพงอีกด้วย

ด้านนายธนาพล ธรรมโนขจิต ผู้จัดการตลาดกลางข้าวและพืชไร่ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้ถือว่าเป็นช่วงท้ายฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าวเปลือกนาปี ซึ่งยังมีเกษตรกรชาวนานำข้าวเปลือกขายอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นข้าวเปลือกเหนียวและข้าวเปลือกจ้าวมะลิแห้ง ที่ผึ่งแดดชะลอการขาย จึงเป็นเมล็ดข้าวเปลือกที่มีคุณภาพ โดยทุกวันนี้ราคารับซื้อขยับขึ้นตามกลไกตลาด ซึ่งข้าวเปลือกเหนียวแห้งขยับขึ้นตาก กก.ละ 9-10 บาท เป็น กก.ละ 12 บาทหรือตันละ 12,000 บาท และมีแนวโน้มจะสูงขึ้นอีกถึงตันละ 13,000 บาท ส่วนราคาข้าวหอมมะลิยังทรงตัวในระดับเท่าเดิมคือ กก.ละ 16 บาท หรือตันละ 16,000 บาท

