Digitel Tech & AI
จุฬาฯจับมือซิสโก้และเอ็มเฟคเปิดตัว ‘CU Living ARCH 5.0’
กรุงเทพฯ 1 ธันวาคม 2568-จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซิสโก้ และ MFEC เปิดตัว "CU Living ARCH 5.0" - โครงการสถาปัตยกรรม Digital Twin ที่ตอบสนองและขับเคลื่อนด้วย AI แห่งแรกของประเทศไทย ภายใต้โครงการ Cisco Country Digital Acceleration (CDA) ของซิสโก้ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยโครงการนี้นำเทคโนโลยี Digital Twin มาใช้ในการรวบรวมข้อมูลจากระบบ IT และ OT, เซ็นเซอร์ IoT และข้อมูลอาคาร เพื่อวิเคราะห์และนำเสนอข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ ที่ช่วยให้สามารถบริหารจัดการการใช้พลังงาน พื้นที่ และคุณภาพสภาพแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
สถาปัตยกรรม Digital Twin ที่ตอบสนองและขับเคลื่อนด้วย AI
โครงการนำร่องขนาด 2,000 ตารางเมตรที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ทำหน้าที่เป็นห้องปฏิบัติการจริง (living laboratory) ที่ใช้โครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายที่ปลอดภัยและโซลูชัน IoT อัจฉริยะของซิสโก้เป็นตัวขับเคลื่อนระบบ Digital Twin เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ตอบสนองได้ โดยอุปกรณ์ Cisco Catalyst switches, Meraki sensors และกล้องของซิสโก้ จะทำหน้าที่เก็บรวบรวมข้อมูลแบบเรียลไทม์ของสภาพแวดล้อมต่างๆ อาทิ อุณหภูมิ คุณภาพอากาศ การใช้พลังงาน การวิเคราะห์การใช้พื้นที่ และจำนวนผู้สัญจรไปมา
Cisco Spaces ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลตามตำแหน่ง จะรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเรียลไทม์เหล่านี้ เพื่อให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลรองรับ ทั้งในด้านการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าที่สุด และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากด้านเทคโนโลยีแล้ว ซิสโก้ยังร่วมมือกับคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ในการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนให้ทันสมัย ผ่านโปรแกรมระดับโลก IT skills-to-job ที่สนับสนุนโดย Cisco Networking Academy
MFEC ในฐานะผู้ติดตั้งระบบและเทคโนโลยี ได้นำประสบการณ์ด้าน IoT และระบบจัดการอาคารอัจฉริยะ “MIIoT” (MFEC Intelligent IoT) มาใช้เพื่อทำให้วิสัยทัศน์นี้เป็นจริง โดยภายในระยะเวลา 4 เดือน MFEC ได้เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ทั่วคณะฯ สำเร็จ ทั้งเซ็นเซอร์และมิเตอร์อัจฉริยะ พร้อมทั้งสร้าง dashboard ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับสองกลุ่มผู้ใช้งาน ได้แก่ ทีมวิศวกรที่ต้องการข้อมูลเชิงเทคนิค และผู้บริหารคณะที่ต้องการข้อมูลเชิงลึกเพื่อนำไปตัดสินใจและปฏิบัติ
ขยายผลทั่วประเทศไทย
CU Living ARCH 5.0 ถือเป็นต้นแบบสำหรับโครงการอาคารและมหาวิทยาลัยที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในประเทศไทย โดยเป็นโครงการแรกที่นำเทคโนโลยี Digital Twin มาใช้ในการจัดการสภาพแวดล้อมอาคารที่สามารถตอบสนองได้ หลังจากเริ่มต้นในพื้นที่ 2,000 ตารางเมตร จุฬาฯ มีแผนขยายโครงการไปยังพื้นที่เพิ่มเติมอีก 28,000 ตารางเมตรภายในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
จุฬาฯ จะแบ่งปันความรู้และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดให้กับมหาวิทยาลัยอื่นๆ ในประเทศไทย, หน่วยงานภาครัฐ และภาคอุตสาหกรรม โดยซิสโก้ MFEC และจุฬาฯ จะร่วมกันศึกษาและพัฒนาโอกาสในการขยายโครงการนี้ไปยังสถาบันการศึกษา อาคารเชิงพาณิชย์ และสมาร์ทซิตี้ทั่วประเทศ เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของไทยสู่สังคม 5.0
โครงการจะดำเนินการเป็นระยะ และคาดว่าจะพร้อมใช้งาน AI ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2569
ศ.ดร.อรรจน์ เศรษฐบุตร, รองคณบดี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า"CU Living ARCH 5.0 มีความหมายมากกว่าการวิจัย โครงการนี้เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการเรียนรู้ สร้างสรรค์นวัตกรรม และแบ่งปันความรู้ ช่วยพัฒนาเทคโนโลยีสภาพแวดล้อมอาคารที่ตอบสนองได้ และขับเคลื่อนประเทศไทยไปข้างหน้าสอดคล้องกับวิสัยทัศน์สังคม 5.0 โดยใช้เทคโนโลยีของซิสโก้เป็นรากฐาน โครงการนี้สอดรับกับเป้าหมายของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เพิ่มคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืน ในรูปแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และตอบโจทย์การใช้งานจริงของผู้ใช้ทุกระดับ นี่คือจุดเริ่มต้นยุคใหม่ของเทคโนโลยีสภาพแวดล้อมอาคารที่ตอบสนองได้ ที่เราจะยกระดับประสบการณ์และคุณภาพชีวิตของนิสิต บุคลากร และทุกคนที่ใช้พื้นที่นี้"
นายวีระ อารีรัตนศักดิ์, กรรมการผู้จัดการ ซิสโก้ ประเทศไทย และเมียนมาร์ กล่าวว่า "วิสัยทัศน์สังคม 5.0 ของประเทศไทยให้ความสำคัญกับ ‘คน’ ในการเป็นศูนย์กลางความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และโครงการ CU Living ARCH 5.0 ทำให้วิสัยทัศน์นี้เป็นจริงด้วยการใช้ประโยชน์จาก AI และนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดี ซิสโก้ภูมิใจที่ได้มีส่วนขับเคลื่อนโครงการสถาปัตยกรรม Digital Twin ที่ตอบสนองและขับเคลื่อนด้วย AI แห่งแรกของประเทศไทย โดยส่งมอบเทคโนโลยีพื้นฐานที่เป็นหัวใจสำคัญของโครงการสำคัญนี้ เรายินดีที่จะร่วมมือกับจุฬาฯ และ MFEC ในการนำความรู้และประสบการณ์จากโครงการนี้ไปขยายผล และสร้างต้นแบบสำหรับการพัฒนาสภาพแวดล้อมอาคารที่ชาญฉลาดและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ไปยังสถาบันการศึกษา ภาคธุรกิจ และเมืองต่างๆ ทั่วประเทศไทย"
นายดำรงศักดิ์ รีตานนท์, หัวหน้าฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานและการบูรณาการ บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน)"ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของแนวทางการจัดการอาคารของประเทศไทย ในฐานะผู้ติดตั้งระบบและเทคโนโลยี เราได้เชื่อมโยงข้อมูลทางวิศวกรรมเข้ากับข้อมูลเชิงลึกสำหรับผู้บริหาร ทำให้สามารถเปลี่ยนจากการซ่อมบำรุงเมื่อเกิดความเสียหาย ไปสู่การบริหารจัดการเชิงรุกเพื่อป้องกันปัญหา สิ่งที่เราสร้างขึ้นคือต้นแบบที่สามารถนำไปขยายผลได้ทั่วประเทศ เป็นอนาคตดิจิทัลของประเทศ ซึ่งจะช่วยสร้างพื้นที่อยู่อาศัยและที่ทำงานที่ชาญฉลาดและยั่งยืนยิ่งขึ้น โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของผู้คนเป็นหลัก"
