Digitel Tech & AI
เอ็นไอเอเจาะโมเดลนวัตกรรมนิลมังกร แปลงร่างคนตัวเล็กให้กลายเป็นฮีโร่
กรุงเทพฯ-เบื้องหลังของหลายนวัตกรรมที่เกิดขึ้นในไทย ไม่ได้เริ่มจากห้องแล็บใหญ่หรือการพัฒนาเทคโนโลยีสุดล้ำเสมอไแต่บางครั้งเริ่มจาก “ไอเดียหรือภูมิปัญญาในท้องถิ่น” ที่มีความคิดสร้างสรรค์เป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญ จึงเป็นที่มาของ “นิลมังกร เดอะเรียลลิตี้” โมเดลอัพมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ตั้งใจบ่มเพาะผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและสตาร์ตอัปจากทุกภูมิภาคให้มีรายได้เพิ่มขึ้น พร้อมพิสูจน์ให้เห็นว่า “นวัตกรรมไทย” สามารถช่วยเปลี่ยนวิถีเศรษฐกิจและการสร้างแบรนด์ของท้องถิ่นให้มีชื่อเสียงได้มากขึ้น ซึ่งโมเดลนี้นอกจากจะสร้างโอกาส การขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้เติบโตได้อย่างเท่าเทียมแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจสำหรับนวัตกรผู้อยากเริ่มต้นสร้างสรรค์ธุรกิจนวัตกรรม
วิชั่นใหญ่ของ NIA และนิลมังกร ที่อยากเห็นประเทศไทยมีรายได้สูง
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ NIA กล่าวว่า “โครงการสุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทย หรือ นิลมังกร” เป็นภาพสะท้อนภารกิจของ NIA ที่ต้องการสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมที่แข็งแรงในทุกภูมิภาคของไทย ซึ่งเชื่อว่าความเชี่ยวชาญในบริบทท้องถิ่นคือจุดแข็งที่มีศักยภาพในการเติบโต และนวัตกรรมคือเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ประกอบการภูมิภาคสามารถสร้างต้นแบบธุรกิจที่เติบโตจากถิ่นฐานของตนเองได้อย่างยั่งยืน และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากสู่เศรษฐกิจนวัตกรรมของประเทศ โดยเริ่มตั้งแต่การบ่มเพาะและพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจนวัตกรรมทั้งสตาร์ตอัปและเอสเอ็มอีจากหลากหลายภูมิภาคของประเทศไทย ผ่านกระบวนการที่ครอบคลุมทั้งประเด็นการออกแบบ การสื่อสารแบรนด์ และการขยายตลาด จนกลายเป็นสินค้านวัตกรรมเชิงสร้างสรรค์ที่มีศักยภาพและพร้อมเติบโตไปสู่ตลาดสากลอย่างยั่งยืน ซึ่งความสำเร็จของโครงการ “นิลมังกร” ทั้ง 3 รุ่น สามารถพัฒนาแบรนด์นวัตกรรมไทยแล้วกว่า 60 แบรนด์ กระจายทั่ว 4 ภูมิภาค สร้างมูลค่า ทางเศรษฐกิจเพิ่มให้กับนวัตกรรมไทยเฉลี่ยกว่า 4.9 เท่า หรือกว่า 765 ล้านบาท ทั้งนี้ ตลอดการเดินทางของโครงการ “นิลมังกร” มีผู้ประกอบการนวัตกรรมระดับภูมิภาคสามารถต่อยอดธุรกิจได้จริงในตลาดทั้งในและต่างประเทศ บางรายมีรายได้ที่แตะระดับสิบล้านถึงหลักร้อยล้านบาทในระยะเวลา 3 ปี สะท้อนว่าพลังนวัตกรรมไม่ได้เพียงเปลี่ยนธุรกิจ แต่ยังได้เปลี่ยนชีวิตผู้คนในพื้นที่ จนกลายเป็นฮีโร่ของท้องถิ่นที่ทำให้เห็นว่าการรวยด้วยนวัตกรรมคือเรื่องจริงที่จับต้องได้ และเป็นกลไกสำคัญที่ต่อยอดได้อีกหลากหลายรูปแบบในอนาคต
“นิลมังกร” นิยามใหม่สู่เศรษฐกิจฐานราก
ในโลกธุรกิจระดับสากล องค์กรที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดดมักถูกขนานนามว่า "ยูนิคอร์น” ซึ่งเน้น การเติบโตแบบทวีคูณ แต่สำหรับเมืองไทย NIA ได้สร้างนิยามใหม่ที่แข็งแกร่งไม่แพ้กันให้กับเศรษฐกิจภูมิภาค นั่นคือ "นิลมังกร" ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจนวัตกรรมที่มุ่งเน้นสร้างผลกระทบเชิงพื้นที่และสังคมในวงกว้าง โดยนำวัตถุดิบท้องถิ่น อัตลักษณ์ วัฒนธรรม และความเชี่ยวชาญ มาผนวกกับเทคโนโลยี เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่มีมูลค่าสูง ตอบโจทย์ตลาดเฉพาะกลุ่ม โมเดลนี้จึงเป็นกลไกที่ช่วยให้เศรษฐกิจฐานรากสามารถเติบโตได้อย่างมีเอกลักษณ์ มั่นคง และยั่งยืน
ผลลัพธ์ที่วัดได้จากนวัตกรรมที่สร้างพอร์ตรายได้กว่า 530 ล้านบาท
ความสำเร็จของโครงการนิลมังกรที่ผ่านมา การันตีได้ว่า “นวัตกรรมที่แตกต่าง” คือเครื่องมือสร้างความมั่งคั่งที่จับต้องได้จริง รวมถึงสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นอย่างเท่าเทียม ถือเป็นกลไกสำคัญที่ NIA ใช้ในการผลักดันแบรนด์ธุรกิจนวัตกรรมไทยที่มีศักยภาพให้สามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดด สะท้อนได้จากผลการดำเนินงานของนิลมังกรรุ่นที่ 1 และ 2 สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการแบรนด์นวัตกรรมไทยกว่า 40 ราย เฉลี่ย 3.4 เท่า หรือคิดเป็นมูลค่าเศรษฐกิจกว่า 530 ล้านบาท และสามารถต่อยอดการสร้างแบรนด์ให้กับผู้ประกอบการด้วยการคว้า 3 รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ และ 15 รางวัลจากการประกวด 7 Innovation Awards รวมถึงได้รับการต่อยอดการลงทุนร่วมอีกมากมาย โดยมีตัวอย่างของความสำเร็จ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ทรายแมวจากมันสำปะหลัง Hide&Seek โดยบริษัท เวลตี้ ม็อกกี้ อินโนเวชั่น จำกัด แชมป์นิลมังกรรุ่นที่ 1 มีมูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้น 50 เท่า ภายในระยะเวลา 2.5 ปี ได้รับการร่วมทุนจากกลุ่มนักลงทุนอิสระและสามารถนำผลิตภัณฑ์ส่งออกไปยัง 16 ประเทศทั่วโลก ผลิตภัณฑ์ชุดหุ่นยนต์เพื่อการเรียนรู้สำหรับเด็ก โดยบริษัท อีซี่คิดส์ โรโบติกส์ จำกัด แชมป์นิลมังกรรุ่นที่ 2 มีรายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น 8.82 เท่า ภายในระยะเวลา 1 ปี สามารถสร้างบุคลากรที่มีทักษะด้านการเขียน/พัฒนาโปรแกรมรวมแล้วกว่า 12,500 ราย รวมถึงมีการต่อยอดร่วมงานกับกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ในประเทศ
จากไอเดียเล็กในท้องถิ่นสู่ธุรกิจที่เติบโตจริงกับผู้ประกอบการนิลมังกร ซีซั่น 1–2
นางสาวพรวิไล พันธ์แดง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ละมุลอินเตอร์ฟู้ดส์ จำกัด เจ้าของแบรนด์น้ำปลาร้า “แม่ละมุล” จากจังหวัดมหาสารคาม และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากโครงการ “นิลมังกร เดอะเรียลลิตี้ ซีซั่น 1” มองว่า โครงการนิลมังกรสนับสนุนให้แบรนด์เล็กๆ จากท้องถิ่นสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นระดับประเทศได้จริง เพราะก่อนเข้าร่วมโครงการ“ปลาร้าแม่ละมุล” เป็นธุรกิจท้องถิ่นที่เน้นขายออฟไลน์ในภาคอีสาน ยังไม่มีทิศทางชัดเจนด้านแบรนด์และกลยุทธ์ และแม้มีกำลังการผลิตถึง 6,000 ขวดต่อวัน แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะขายไปที่ไหนหรือจะระบายสินค้าอย่างไร การเข้าร่วมโครงการนิลมังกรเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้แบรนด์รู้จักในวงกว้างมากขึ้น โดย NIA เป็นเสมือนสปอตไลต์ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและเปิดโอกาสให้แบรนด์ได้ขยายตลาดไปสู่ภูมิภาคอื่นทั่วประเทศ ทั้งยังช่วยประกอบร่างให้น้ำปลาร้าแม่ละมุลมีตัวตนแบรนด์ชัดเจนขึ้น ทั้งเรื่องการจัดการหลังบ้านและการวางกลยุทธ์ ดึงเสน่ห์ชีวิตประจำวันของแบรนด์มาขยายเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ เช่น การใช้ฟืนต้มปลาร้า หรือการผสมใบหม่อน ซึ่งกลายเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกผูกพันและเชื่อมั่นในคุณภาพ จากความกังวลว่าจะขายได้หรือไม่ วันนี้กำลังการผลิต 4,000 – 6,000 ขวดต่อวันถูกขายหมดอย่างต่อเนื่อง มีฐานลูกค้าประจำที่มั่นคง และรายได้เติบโตกว่าตอนเริ่มต้น ความสำเร็จที่เกิดขึ้นเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่า “นวัตกรรม” สามารถสร้างอัตลักษณ์ให้กลายเป็นความแตกต่างที่สร้างมูลค่าได้ พร้อมฝากถึงผู้ประกอบการท้องถิ่นอย่ามองข้ามศักยภาพของตัวเอง การเข้าร่วมโครงการจะช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญมองเห็นจุดแข็งที่เราอาจไม่รู้ และแม้จะไม่ได้เข้ารอบสุดท้าย แต่การได้รับความรู้ ประสบการณ์ และคอนเนคชั่นผู้ประกอบการทั่วประเทศ คุ้มค่ากว่าการหาโอกาสทางธุรกิจด้วยตัวเองหลายเท่า
ขณะที่ นางสาวจุฬาวรรณ สำราญกิจ CEO & Co-Founder และนายขจรศักดิ์ จันทร์แจ่ม CTO & Founder บริษัท อีซี่คิดส์ โรโบติกส์ จำกัด สตาร์ตอัปด้านการศึกษาจากจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าของแชมป์สุดยอดนวัตกรรมจาก “นิลมังกร เดอะเรียลลิตี้ ซีซั่น 2” เล่าว่า การเข้าร่วมโครงการเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่พาธุรกิจเติบโตแบบก้าวกระโดด จากเดิม EasyKids เป็นเพียงสตาร์ตอัปขนาดเล็กที่มุ่งพัฒนาชุดหุ่นยนต์และสื่อการเรียนรู้สำหรับเด็ก แต่หลังผ่านการบ่มเพาะ ได้รับคำปรึกษา ทางธุรกิจ และเงินสนับสนุนจาก NIA ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ยอดขายของชุดหุ่นยนต์ 3in1 EasyKids Robot Kit เติบโตหลายเท่าตัว เริ่มได้จำหน่ายไปยังโรงเรียนในเชียงใหม่ กรุงเทพฯ และขยายไปภูมิภาคอื่น รวมถึงเริ่มเจรจาความร่วมมือกับต่างประเทศ เช่น ลาว ฮ่องกง ไต้หวัน และมาเลเซีย ไม่เพียงแต่ตัวผลิตภัณฑ์จะเติบโต EasyKids ยังต่อยอดไปสู่การจัดเวที “EasyKids Robotics Competition 2025” เพื่อเปิดโอกาสให้โรงเรียน ผู้ปกครอง และเด็กจากหลายจังหวัดได้เข้ามาเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพด้านหุ่นยนต์ ที่สำคัญยังสามารถสร้างงานให้คนในชุมชน ทั้งทีมวิศวกร ครูสอนหุ่นยนต์ นักออกแบบคอนเทนต์ บุคลากรด้านฝึกอบรม และเครือข่ายโรงเรียนในท้องถิ่นที่มีรายได้จากกิจกรรมอบรมและการแข่งขัน ส่งผลให้เศรษฐกิจระดับพื้นที่คึกคักขึ้น NIA ทำให้ผู้ประกอบการภูมิภาคมีโอกาสเท่าเทียมกับผู้ประกอบการในเมืองใหญ่ เพราะผู้ประกอบการในต่างจังหวัดมักมีข้อจำกัดเรื่องทุน ความรู้ และเครือข่าย ซึ่งโครงการนิลมังกรเข้ามาเติมเต็มให้ครบทุกด้าน ไม่ได้ให้แค่เงินทุน แต่ยังมอบองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญ และเชื่อมโยงเราเข้าสู่ระบบนิเวศนวัตกรรม นิลมังกรคือโครงการที่ช่วยให้ธุรกิจท้องถิ่นสามารถก้าวสู่ระดับประเทศและระดับโลกได้ด้วยนวัตกรรม เป็นแรงผลักสำคัญให้ธุรกิจขนาดเล็กอย่าง EasyKids สามารถสร้างนวัตกรรมของตัวเอง เรียนรู้ พัฒนา และเติบโตอย่างมั่นคง
กลไกขับเคลื่อนพลังนวัตกรรม X คอนเทนต์ เวทีจริงสู่การเติบโต 3 เท่า
ในปีนี้ NIA ได้สานต่อพันธกิจสำคัญด้วยการเปิดฉาก “นิลมังกร เดอะเรียลลิตี้ ซีซั่น 3” เพื่อคัดเลือกและติดอาวุธผู้ประกอบการนวัตกรรมท้องถิ่นที่มีศักยภาพ 20 ทีม จาก 4 ภูมิภาค โดยเน้นการบ่มเพาะองค์ความรู้ เทคโนโลยี และเครือข่ายนวัตกรรม เพื่อสร้างกลยุทธ์การเติบโตของยอดขายตามแผนธุรกิจ ให้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 3 เท่า โดยการดึงจุดแข็งจากอัตลักษณ์ วัตถุดิบในท้องถิ่น และภูมิปัญญาในแต่ละภูมิภาคมาผสมผสานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อยกระดับศักยภาพการแข่งขัน เพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการใน 4 มิติ ได้แก่ 1. การใช้นวัตกรรมเพิ่มจุดเด่น-สร้างจุดขาย 2. การวางแผนรูปแบบธุรกิจ 3. การพัฒนาเทคนิคการตลาดแบบใหม่ และ 4. การสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและยอมรับ เพื่อให้เกิดรายได้
ทั้งนี้ “นิลมังกร เดอะเรียลลิตี้” ซีซั่น 3 มีความน่าสนใจตรงที่ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมแข่งขันทั้ง 20 ทีมจากทั่วประเทศ จะมีลักษณะของธุรกิจและความพร้อมที่แตกต่างกัน มีการนำกลยุทธ์สร้างการเติบโตของยอดขายที่ได้รับจากผู้เชี่ยวชาญมาประยุกต์ใช้ โดยบูรณาการความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาชั้นนำ เช่น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดเทคโนโลยีและสนับสนุนบุคลากร รวมถึงอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่เป็นตัวกลางในการช่วย
บ่มเพาะและเชื่อมโยงสู่ตลาด โดยถ่ายทอดผ่าน “รายการนิลมังกร เดอะเรียลลิตี้ ซีซั่น 3” ที่เป็นรายการทีวีสาระบันเทิง (Edutainment) ในรูปแบบเรียลลิตี้ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่รายการแข่งขัน แต่คือเวทีจริงที่จะขับเคลื่อนและผลักดัน “ธุรกิจนวัตกรรมไทย” ให้ไปสู่ระดับสากล อีกทั้งยังเป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ชมทั่วประเทศ โดยการนำเสนอให้ผู้ชมเข้าใจกระบวนการสร้างธุรกิจนวัตกรรมได้ง่ายขึ้น และเป็นพื้นที่ให้ผู้ประกอบการทั้ง 20 ทีมสุดท้าย ที่มีนวัตกรรมและอัตลักษณ์ท้องถิ่นที่โดดเด่นจาก 4 ภูมิภาค ได้แสดงศักยภาพทางธุรกิจนวัตกรรมให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น
“เมื่อผู้ประกอบการท้องถิ่นมีรายได้สูงขึ้น ไม่ได้หมายถึงแค่รายได้ทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้น แต่หมายถึงโอกาสใหม่ที่เกิดขึ้นในชุมชน มีการจ้างงานเพิ่ม มีเงินหมุนเวียนในท้องถิ่นมากขึ้น ครอบครัวอยู่ได้โดยไม่ต้องย้ายถิ่นฐาน และกลุ่มรุ่นใหม่สามารถเห็นต้นแบบของความสำเร็จที่เริ่มต้นได้จากบ้านเกิดของตัวเอง ความรวยในแบบของนิลมังกรจึงไม่ใช่การเติบโตแบบโดดเดี่ยว แต่เป็นความมั่งคั่งที่เชื่อมโยงผู้คนทั้งชุมชนให้เติบโตไปพร้อมกัน” ดร. กริชผกา กล่าวทิ้งท้าย
“PetgeneX” นวัตกรรมธนาคารสเต็มเซลล์สำหรับสัตว์เลี้ยง คว้าแชมป์ “นิลมังกร The Reality Season 3”
หลังจากการขับเคี่ยวกันอย่างเข้มข้นในทุกรอบได้ปิดฉากลง “นิลมังกร ตัวที่ 3” ของประเทศไทย ได้แก่ ทีม PetgeneX ผู้พัฒนานวัตกรรม “ธนาคารสเต็มเซลล์สำหรับสัตว์เลี้ยง” เทคโนโลยีที่ช่วยเก็บเซลล์ต้นกำเนิดไว้ใช้รักษา ฟื้นฟู และชะลอวัยในอนาคตให้กับสุนัขและแมว โดยบริษัท ไซเอนซ์ อินโนเวทีฟ โปรดักส์ จำกัด ตัวแทนจากภาคอีสาน โดยสามารถฝ่าฟันอุปสรรคและบททดสอบจากเหล่าคณะกรรมการ พร้อมทำให้ธุรกิจเติบโตเกินกว่า 20 เท่าตามโจทย์ชาเลนจ์ที่กรรมการ
ท้าทายไว้
น.สพ.ชัยยศ ธารรัตนะ อาจารย์ประจำคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้ร่วมก่อตั้ง PetGeneX มองว่า ปัจจุบันพฤติกรรมผู้เลี้ยงสัตว์ในไทยเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน เจ้าของยอมจ่ายเงินเพื่อดูแลสุขภาพของสัตว์เลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นอาหารพรีเมียม การตรวจสุขภาพเชิงลึก จนถึงการรักษาทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า ทิศทางดังกล่าวสะท้อนโอกาสการเติบโตของนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการ ซึ่ง “PetGeneX ธนาคารสเต็มเซลล์สำหรับสัตว์เลี้ยง” เป็นหนึ่งในศาสตร์การแพทย์ทางเลือกที่จะช่วยยกระดับทางการรักษาและคุณภาพการดูแลสุขภาพของสัตว์เลี้ยงแสนรักตลอดช่วงชีวิต โดยเทคนิคการคัดแยกสเต็มเซลล์จากเลือดที่มีปริมาณเพียงร้อยละ 0.001 ออกมาได้อย่างแม่นยำ ไม่ต้องผ่าตัดหรือวางยาสลบ พร้อมทั้งพัฒนาสารละลาย “Cocktail Solution” ที่ช่วยให้เซลล์มีอัตราการรอดชีวิตสูงกว่าร้อยละ 90 ระหว่างการขนส่งก่อนเข้าสู่ห้องปฏิบัติการ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่เคยเป็นข้อจำกัดสำคัญของการใช้สเต็มเซลล์ในอดีต นอกจากนี้ ยังคิดค้นน้ำยาเพาะเลี้ยงที่ช่วยให้สเต็มเซลล์เพิ่มจำนวนได้รวดเร็วกว่าวิธีทั่วไป รองรับการนำไปใช้รักษาอาการอักเสบ โรคเสื่อม และการชะลอวัยที่มีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในตลาดสัตว์เลี้ยงที่เติบโตทุกปี ทั้งนี้ ภายใน 5–10 ปีข้างหน้า การรักษาสัตว์เลี้ยงด้วยสเต็มเซลล์มีแนวโน้มจะพัฒนาไปสู่ระบบการรักษาแบบครบวงจร สำหรับโรคเรื้อรังและโรคเสื่อมที่สัตว์เลี้ยงหลายล้านตัวต้องเผชิญในทุกปี และเป็นกลุ่มโรคที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงยินดีลงทุนเพื่อให้สัตว์เลี้ยงมีคุณภาพชีวิตดีที่สุด เนื่องจากพฤติกรรมผู้เลี้ยงยุคใหม่มองสัตว์เลี้ยงเป็นสมาชิกในครอบครัว และต้องการการดูแลที่ปลอดภัยกว่า เจ็บตัวน้อยกว่า เทรนด์ดังกล่าวผลักดันให้โซลูชันด้านสเต็มเซลล์เป็นศาสตร์ทางเลือกที่เติบโตเร็วที่สุด และเป็นโอกาสใหม่ด้านเศรษฐกิจของธุรกิจนวัตกรรมไทยในระยะยาว เทคโนโลยีทั้งหมดตั้งแต่การคัดแยก การขนส่ง ไปจนถึงกระบวนการเพาะเลี้ยง ได้รับการจดทะเบียนเป็นเทรดซีเคร็ท
โดยห้องปฏิบัติการของ PetGeneX และได้รับรางวัลนวัตกรรมระดับนานาชาติ สะท้อนให้เห็นถึงความพร้อมของผู้ประกอบการไทยในการแข่งขันกับเทคโนโลยีระดับโลก และเป็นตัวอย่างของนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตสัตว์เลี้ยง ควบคู่กับการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด
