In News
'พิพัฒน์'ถกบอร์ดเอสเอ็มอีอัด2.7พันล้าน อุ้มSMEทั่วไทย/1.5พันล.ช่วยน้ำท่วมใต้
กรุงเทพฯ-“รองนายกฯ พิพัฒน์” นำบอร์ด SME อัดงบ 2,700 ล้านบาท ช่วย SME ทั่วไทย และภาคใต้หลังอุทกภัยครั้งใหญ่พักหนี้ สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ฟื้นฟูกิจการได้ทันที พร้อมเตรียมงบฯ 1.5พันล้านช่วยฟื้นฟูธุรกิจในภาคใต้
วันที่ 8 ธันวาคม 2568 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุมคณะรัฐมนตรี (เดิม) ชั้น 2 อาคารสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ทำเนียบรัฐบาล นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ครั้งที่ 5/2568 โดยมีนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และบอร์ดส่งเสริม SME รวมถึงรองผู้อำนวยการสำนักงาน และรักษาการผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมเสนอมาตรการและข้อมูลเชิงลึกของ SME ทั่วประเทศและ SME ในพื้นที่ประสบอุทกภัยภาคใต้
รองนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (บอร์ดส่งเสริม SME) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ทั่วไทย และใน 9 จังหวัดภาคใต้ที่ประสบอุทกภัยครั้งใหญ่ ได้แก่ สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส พัทลุง ตรัง สตูล นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี
โดยข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ชี้ว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ผู้ประกอบการกว่า 200,000 รายได้รับผลกระทบ และกระทบต่อการจ้างงานกว่า 900,000 คน จึงจำเป็นต้องออกมาตรการแบบ“เฉพาะพื้นที่–ตรงจุด–เข้าถึงง่าย” เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้อย่างรวดเร็วที่สุด
นายพิพัฒน์ ระบุว่า บอร์ดส่งเสริม SME เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือ SME โดยใช้เงินจากกองทุนส่งเสริม SME รวม 2,700 ล้าน (ซึ่งเป็นมาตรการเพิ่มเติมจากมาตรการทางการเงิน Quick Big Win วงเงิน 2.67 แสนล้าน ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ 7 แห่ง ที่ ครม มีมติอนุมัติไปเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ที่ผ่านมา) ภายใต้การกำกับดูแลของบอร์ดส่งเสริม SME และ สสว ดังนี้
มาตรการที่ 1: การสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ มีเวลาปลอดชำระ ให้แก่ผู้ประกอบการ SME ทั่วประเทศ วงเงิน 1,200 ล้านบาท
มาตรการที่ 2: การให้เงินช่วยเหลือส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือองค์การเอกชน นำไปใช้ตามแผนปฏิบัติการส่งเสริม SME โดยเน้นการช่วยเหลือ SME ใน 9 จังหวัดภาคใต้ที่ประสบอุทกภัย วงเงิน 1,500 ล้านบาท
โดยมาตรการที่ 1 เป็นการให้วงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ มีระยะเวลาปลอดชำระเงินต้น 1 ปี รวม 1,200 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือ SME ทั่วประเทศไทย ใน 3 ด้าน ได้แก่
1) Transformation Fund – 400 ล้านบาท ช่วยผู้ประกอบการปรับรูปแบบธุรกิจใหม่ ใช้เทคโนโลยีเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ ที่ตลาดต้องการ
2) Enhancement Fund – 400 ล้านบาท ช่วยธุรกิจที่มีศักยภาพให้สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
3) Tourism & Related Fund – 400 ล้านบาท ช่วยธุรกิจท่องเที่ยวและกิจการที่เกี่ยวเนื่องทั่วไทย และที่ได้รับผลกระทบหนักในพื้นที่ภาคใต้ เช่น ร้านอาหาร โรงแรม รถเช่า ไกด์ ฯลฯ
ทั้งนี้บอร์ดได้ปรับลดเงื่อนไขคุณสมบัติผู้ประกอบการ จากเดิมที่ต้องประกอบการ 2 ปี ลดเหลือ 6 เดือน เพื่อเปิดทางให้ SME รายใหม่ที่เพิ่งเริ่มกิจการก็สามารถขอรับความช่วยเหลือได้ พร้อมสิทธิ ปลอดชำระเงินต้น เพื่อลดภาระผู้ประกอบการและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทันที
นายพิพัฒน์กล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการที่ 2 ได้อนุมัติวงเงินจากกองทุนส่งเสริม SME อีก 1,500 ล้านบาท เพื่อให้ความช่วยเหลือส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือองค์การเอกชน นำไปใช้ตามแผนปฏิบัติการส่งเสริม SME โดยเฉพาะการช่วยเหลือ SME ใน 9 จังหวัดภาคใต้ที่ประสบอุทกภัย ผ่านกิจกรรมฟื้นฟูเศรษฐกิจ เสริมความแข็งแกร่ง เช่น การจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) การเปิดตลาดจำหน่ายสินค้าของจังหวัด ผลักดันสินค้า SME ในภาคใต้เข้าสู่ตลาดระดับประเทศ เพื่อสร้างรายได้ทันที
ด้านนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้กำกับดูแล สสว. ระบุว่า รัฐบาลได้กำหนด 3 มาตรการฉุกเฉินเพื่อช่วย SME ทุกกลุ่มให้ “กลับมาดำเนินกิจการได้เร็วที่สุด” ได้แก่
1) พักชำระหนี้ 6 เดือน – 1 ปีครอบคลุมทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ลดภาระช่วงธุรกิจหยุดชะงัก
2) ซ่อมแซมฉุกเฉิน (BDS – “SME ปัง ตังได้คืน”) รัฐสนับสนุนค่าใช้จ่ายซ่อมหรือปรับปรุงร้าน 50–80% เพื่อให้กลับมาเปิดได้เร็วที่สุด
3) เพิ่มสภาพคล่องผ่านแต้มต่อจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ SME ในพื้นที่น้ำท่วมได้รับแต้มต่อสูงสุด 20% ช่วยให้เข้าถึงงานรัฐเร็วขึ้นและมีรายได้หมุนเวียนทันที
