In Bangkok

กทม.รุกจัด'ห้องเรียนสู้ฝุ่น'ติดเครื่องวัดฝุ่น โรงเรียนสังกัด-ปรับการสอนหากฝุ่นสูง



กรุงเทพฯ-นางสาวพิศมัย เรืองศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา (สนศ.) กทม. กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ในโรงเรียนสังกัด กทม. และการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจให้แก่เด็กนักเรียนเกี่ยวกับวิธีป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากฝุ่น PM2.5 ว่า กทม. ตระหนักถึงปัญหาและพิษภัยจากฝุ่น PM2.5 ที่มีความรุนแรงและมีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อสุขภาพของนักเรียน ครู บุคลากร และพ่อแม่ผู้ปกครอง โดยได้มีการซักซ้อมความเข้าใจแนวทางปฏิบัติการจัดกิจกรรมธงคุณภาพอากาศโรงเรียนในสังกัด กทม. และมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ในโรงเรียนสังกัด กทม. รวมถึงการจัดกิจกรรมธงคุณภาพอากาศโรงเรียนในสังกัด กทม.

โดยดำเนินการตามแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปี 2569 ภายใต้แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2568 - 2570 และระยะ 5 ปี เพื่อรองรับการเข้าสู่ฤดูหนาวของประเทศไทย ประจำปี 2568 ซึ่งสถานการณ์ความเข้มข้นของ PM2.5 จะมีมากที่สุดของปี โดยบูรณาการดำเนินงานร่วมกับสำนักสิ่งแวดล้อม (สสล.) หน่วยงานและส่วนราชการ องค์กรภาครัฐ และเอกชนที่เกี่ยวข้อง ร่วมจัดทำแนวทาง เพื่อให้โรงเรียนในสังกัดได้ปฏิบัติและกำชับให้ดำเนินการตามแนวทางและมาตรการอย่างต่อเนื่อง โดยมีกิจกรรมขับเคลื่อนและบูรณาการความร่วมมือ ประกอบด้วย โครงการปรับปรุงห้องเรียนปลอดฝุ่นชั้นอนุบาลโรงเรียนในสังกัด โดยจัดห้องปลอดฝุ่น (Clean Air Shelter) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 - 2569 ตามแนวทางคู่มือ “แนวทางลดและป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพฝุ่น PM2.5 พ.ศ. 2563” ของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข สำหรับกลุ่มเด็กอนุบาล อายุประมาณ 3 - 6 ปี จำนวน 2,119 ห้อง ใน 429 โรงเรียนในสังกัดที่เปิดสอนในระดับชั้นอนุบาล ดำเนินการเสร็จแล้ว 1,075 ห้อง ส่วนจำนวนที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการดำเนินการในภาพรวม โดยสำนักการศึกษา (สนศ.) สำนักงานเขตใช้งบประมาณสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และภาค CSR ให้การบริจาคและสนับสนุน ซึ่งมีแนวทางดำเนินการปรับปรุงห้องระบบเปิดให้เป็นระบบปิด ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ INVERTER พร้อมพัดลมระบายอากาศ เดินระบบ MAIN BREAKER ภายในห้อง และติดตั้งวัดค่าแบบแขวน ระบบคาร์บอนไดออกไซด์ CO2 พร้อมทั้งจัดหาเครื่องฟอกอากาศให้มีครบทุกห้องเรียนชั้นอนุบาล ทั้งนี้ โรงเรียนวัดราชผาติการาม สำนักงานเขตดุสิต ได้ดำเนินการห้องเรียนปลอดฝุ่น แบบเติมอากาศสะอาดความดันบวก โดยได้รับการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัย  นวมินทราธิราช

ขณะเดียวกันได้จัดโครงการยกระดับองค์ความรู้สำหรับเด็กและเยาวชน เพื่อตระหนักถึงปัญหาด้านสุขภาพในพื้นที่เสี่ยงต่อปัญหาฝุ่น PM2.5 สู่นโยบายสาธารณะ การอบรมเชิงปฏิบัติการ “ห้องเรียนสู้ฝุ่น” ที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และห้างหุ้นส่วนจำกัดเติมเต็มวิสาหกิจเพื่อสังคม ซึ่งได้สร้างโรงเรียนนำร่องสังกัด 32 โรงเรียน พัฒนาเป็นโรงเรียนต้นแบบ 7 โรงเรียน และอบรมเพิ่มเติมอีก 405 โรงเรียน เพื่อให้ครบทั้ง 437 ระหว่างปี 2567 - 2568 รวมทั้งขยายเพิ่มเติมในโรงเรียนฝึกอาชีพ กทม. 10 แห่ง โดยได้มอบเครื่องวัดคุณภาพอากาศหรือเครื่องวัดฝุ่น 405 เครื่อง เพื่อติดตั้งในโรงเรียนที่ขยายผลทั้ง 405 แห่ง รวมกับโรงเรียนนำร่องเดิม 32 โรงเรียน ยอดรวมครบทั้ง 437 โรงเรียน ที่เข้ารับการอบรมตามโครงการในระยะขยายผลและพัฒนาเครือข่าย ทั้งนี้ ในปี 2568 กทม. และ สสส. ได้ร่วมจัดการประกวดผลงานเพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์โรงเรียนต้นแบบดีเด่น “ห้องเรียนสู้ฝุ่น” โดยได้ติดตามประเมินผลคัดเลือกโรงเรียนต้นแบบ “ห้องเรียนสู้ฝุ่น” ดีเด่น เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ และที่ผ่านเกณฑ์การประเมิน ระดับดีเด่นรวม 90 โรงเรียน

นอกจากนี้ ยังได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานในระดับนานาชาติ ผ่านโครงการ KOICA Blue Sky Project in Bangkok ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศของเกาหลีใต้และไทย โดยจัดประกวด English Environment Video Contest อบรมเชิงปฏิบัติการ “การประดิษฐ์เครื่องฟอกอากาศ” ในปี 2567 การประกวดวาดภาพด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม พิทักษ์อากาศและน้ำ ในปี 2568 การบริจาคเครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศ PM2.5 ให้กับ 12 โรงเรียนนำร่องในสังกัด และการดำเนินงานผ่านบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการขับเคลื่อนโครงการด้านคุณภาพอากาศ ระหว่าง กทม. ราชอาณาจักรไทย กับบริษัท ไอคิวแอร์ เอจี สมาพันธรัฐสวิส ในขอบเขตความร่วมมือมีโครงการคุณภาพอากาศในโรงเรียน (School IAQ Initiative) เพื่อร่วมตรวจประเมินและปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในโรงเรียนในพื้นที่กรุงเทพฯ และพัฒนาแนวปฏิบัติและข้อเสนอเชิงนโยบาย เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพของเด็กและเยาวชน ร่วมสำรวจสภาพแวดล้อมและรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องในการนำไปใช้สนับสนุนทรัพยากรด้านการจัดการคุณภาพอากาศให้สอดคล้องกับความต้องการเฉพาะของแต่ละโรงเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้พัฒนาฐานการดำเนินงานนำร่องใน 4 โรงเรียนในสังกัด ได้แก่ โรงเรียนวัดวิมุตยาราม (เขตบางพลัด) โรงเรียนวัดชัยมงคลและโรงเรียนวัดปทุมวนารามฯ (เขตปทุมวัน) และโรงเรียนวัดปากบ่อ (เขตสวนหลวง)

สำหรับการพิจารณาแนวทางจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนในสังกัด ในช่วงที่มีปริมาณค่าฝุ่น PM2.5 สูง จะพิจารณาตามกิจกรรมธงคุณภาพอากาศในโรงเรียน ที่ดำเนินการแจ้งเตือนเป็นประจำทุกวัน และในช่วงฤดูหนาวให้ดำเนินการแจ้งเตือนวันละ 3 เวลา ได้แก่ เวลา 07.00 น. เวลา 11.00 น. และเวลา 17.00 น. โดยกำหนดให้โรงเรียนติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศทางเว็บไซต์ www.airbkk.com หรือแอปพลิเคชัน AirBKK และแจ้งเตือนผ่านกิจกรรมการแสดงธงคุณภาพอากาศ 5 ระดับ ได้แก่ ธงสีฟ้า = อากาศดีมาก ธงสีเขียว = อากาศดี ธงสีเหลือง = อากาศปานกลาง ธงสีส้ม = อากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ และธงสีแดง = อากาศมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยมีมาตรการดำเนินกิจกรรม เพื่อป้องกันภัยฝุ่น PM2.5 เช่น ให้โรงเรียนงดกิจกรรมกลางแจ้งทุกประเภท เปิดม่านละอองน้ำและสปริงเกอร์บริเวณอาคารเรียนและรอบโรงเรียน จัดเตรียมหน้ากากอนามัยสำหรับนักเรียน

ทั้งนี้ สำนักอนามัย (สนอ.) ได้จัดสรรหน้ากากอนามัยสำหรับนักเรียนอนุบาลให้กับ สนศ. เพื่อแจกจ่ายให้กับโรงเรียนที่มีชั้นเรียนอนุบาล ทั้ง 429 โรงเรียน ในพื้นที่ 50 เขต จำนวนคนละ 9 ชิ้น พร้อมทั้งจัดให้มีห้อง Safe Zone ครบทุกโรงเรียน สำหรับนักเรียนที่มีปัญหาสุขภาพและกลุ่มเปราะบาง ล้างทำความสะอาดบริเวณโรงเรียน และทำความสะอาดโต๊ะ เก้าอี้นักเรียนให้ปราศจากฝุ่น ติดตั้งธงคุณภาพอากาศบริเวณด้านหน้าโรงเรียน และประชาสัมพันธ์สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ให้นักเรียน บุคลากร และผู้ปกครอง ทราบ ให้ความรู้เกี่ยวกับฝุ่น PM2.5 และวิธีการดูแลป้องกันตนเองแก่นักเรียน ให้ครูประจำชั้นเฝ้าระวังและช่วยเหลือนักเรียนที่มีปัญหาสุขภาพจากฝุ่น PM2.5 ประสานศูนย์บริการสาธารณสุข หรือโรงพยาบาลในพื้นที่ หากต้องส่งต่อนักเรียนที่มีปัญหาสุขภาพจากฝุ่น PM2.5 หากสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 สูงเกินค่ามาตรฐานจนมีผลกระทบต่อสุขภาพ ให้ผู้บริหารสถานศึกษาพิจารณาหยุดการเรียนการสอน หรือปิดสถานศึกษาและจัดการสอนชดเชยในภายหลัง โดยพิจารณาดังนี้ ระดับธงสีส้ม หากสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ยังไม่ลดลง มีแนวโน้มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อนักเรียน และระดับธงสีแดง หากสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ยังไม่ลดลง มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่องติดต่อกัน 3 วัน ให้ใช้ดุลพินิจปิดการเรียนการสอน ผู้อำนวยการสถานศึกษา ครั้งละไม่เกิน 3 วัน ผู้อำนวยการเขต ครั้งละไม่เกิน 7 วัน ผอ.สนศ. ครั้งละไม่เกิน 15 วัน ตั้งแต่ 2 - 5 เขต ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร อำนาจไม่จำกัดระยะเวลา เมื่อฝุ่น PM2.5 มีค่าสูงเกินมาตรฐาน มากกว่า 5 เขต และให้โรงเรียนจัดการเรียนการสอนชดเชย หรือจัดการเรียนการสอนในรูปแบบ Online ทดแทน ในช่วงการปิดการเรียนการสอน รวมถึงให้โรงเรียนมีพื้นที่ Safe Zone สำหรับนักเรียนกลุ่มเปราะบาง และให้สื่อสารกับนักเรียนและผู้ปกครองในการดูแลสุขภาพ เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากฝุ่น PM2.5 ในชีวิตประจำวัน