In News

สรุปสถานการณ์ชายไทย-เขมร14ธ.ค.นี้ ทัพภ.1-2/ทัพเรือจัดหนักเขมรดับ300คน



กรุงเทพฯ-ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ จ.สระแก้ว ประจำวัน 14 ธันวาคม 2568และกองทัพเรือประกาศเคอร์ฟิวบางพื้นที่จังหวัดตราด เพื่อยกระดับความปลอดภัยนอกจากนี้นาวิกโยธินยึดคืนพื้นที่บ้านสามหลัง จ.ตราด ปักธงชาติไทยยืนยันอธิปไตยของไทยได้สำเร็จ

ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ จ.สระแก้ว ประจำวัน 14 ธันวาคม 2568 เวลา 18.00 น.กกล.บูรพา ปฏิบัติภารกิจปกป้องอธิปไตยในสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาเป็นวันที่ 7 โดยมีการปฏิบัติที่สำคัญดังนี้

พื้นที่บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา ดำเนินกลยุทธ์เข้ายึดครองพื้นที่ โดยใช้อาวุธยิงสนับสนุนควบคุมพื้นที่ ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่โล่งแจ้ง โดยฝ่ายกัมพูชาได้ต่อต้านด้วยการยิง BM-21,ปืนใหญ่ และเครื่องยิงลูกระเบิดอย่างต่อเนื่อง

พื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง ยึดครองพื้นที่ตามแนวอ้างสิทธิ์ และใช้อาวุธยิงสนับสนุนเพื่อป้องกันการเพิ่มเติมกำลังของฝ่ายกัมพูชา โดยฝ่ายกัมพูชายังคงต่อต้านด้วยการยิง BM-21,ปืนใหญ่และเครื่องยิงลูกระเบิดอย่างต่อเนื่อง

พื้นที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง ดำเนินกลยุทธ์เข้ายึดครองพื้นที่ โดยใช้อาวุธยิงสนับสนุนควบคุมพื้นที่ โดยฝ่ายกัมพูชาได้ต่อต้านด้วยการยิง BM-21,ปืนใหญ่ และเครื่องยิงลูกระเบิดอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ กกล.บูรพา ได้ปฏิบัติการทางทหารต่อฝ่ายกัมพูชา ที่เป็นเป้าหมายทางทหารซึ่งถือเป็นภัยคุกคามต่ออธิปไตยของไทยและความปลอดภัยของทหารและประชาชน โดยสรุปความเสียหายของฝ่ายกัมพูชาที่พิสูจน์ทราบได้ ตั้งแต่ 8 ธ.ค.68 – ปัจจุบัน ได้แก่ บก.ควบคุม 1 แห่ง, จุดตรวจการณ์/ฐานทหาร 11 แห่ง, บ่อนคาสิโน 1 แห่ง, บังเกอร์ 6 แห่ง, ที่ตั้งยุทโธปกรณ์ 1 แห่ง, ที่ตั้งยิงเครื่องยิงลูกระเบิด 4 แห่ง, พื้นที่ส่งกำลัง/ที่รวมพล 2 แห่ง, คลังกระสุน 2 แห่ง, ยานเกราะ 3 คัน, โดรนตรวจการณ์ 4 ลำ, เสาสัญญาณสื่อสาร 4 ต้น และคาดว่าทหารกัมพูชาเสียชีวิตประมาณ 300 นาย

สำหรับการเตรียมการรับคนไทยจากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา กลับเข้าสู่ประเทศ ณ บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศนั้น ปัจจุบันฝ่ายกัมพูชายังคงปฏิเสธการปล่อยตัวคนไทยกลับประเทศ เป็นวันที่ 4

ในส่วนกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยวันนี้มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ เพิ่มเติมจำนวน 2 นาย สรุปยอดกำลังพลได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ตั้งแต่ 8 ธ.ค.68 - ปัจจุบัน บาดเจ็บ 50 นาย และเสียชีวิต 3 นาย ประชาชนในพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว ใน 4 อำเภอ ทางจังหวัดสระแก้วร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว 5 พื้นที่ จำนวน 44 ศูนย์ รวม 21,883 คน

กองทัพภาคที่ 1 ขอยืนยันว่าจะยืนหยัดปฏิบัติตามภารกิจอย่างเต็มกำลังความสามารถ ทั้งนี้ การปฏิบัติการทางทหารจะดำเนินการภายใต้กฎการปะทะและสิทธิในการป้องกันตนเองจนกว่าภัยคุกคามในพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว จะยุติเพื่ออธิปไตยของไทยและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ

ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 14 ธันวาคม 2568 (เวลา 18.00 น.)

กองทัพภาคที่2 สรุปสถานการณ์ ในวันนี้ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นมา มีเหตุการณ์ที่สำคัญดังนี้

พื้นที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ฝ่ายกัมพูชาทำการโจมตีฝ่ายเราด้วยอาวุธยิงสนับสนุน ค., ปืนใหญ่ และ จรวด BM-21 ฝ่ายเรา ใช้โดรนทำการปฏิบัติต่อที่หมายตามแผน จำนวน 3 จุด ที่หมายถูกทำลาย 80 %

พื้นที่พระวิหาร – ห้วยตามาเรีย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ฝ่ายกัมพูชามีการใช้อาวุธยิงสนับสนุนในพื้นที่ ทั้ง ค., ปืนใหญ่ และ จรวด BM-21 และพื้นที่ประตูเหล็กมีการปะทะด้วยปืนเล็กอย่างหนาแน่นต่อเนื่อง ปืนใหญ่ฝ่ายเราดำเนินการยิงสนับสนุนในพื้นที่

พื้นที่ภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ฝ่ายกัมพูชาทำการโจมตีฝ่ายเรา ด้วยอาวุธยิงสนับสนุน ค., ปืนใหญ่ และ จรวด BM-21 อย่างหนาแน่นตลอดทั้งวัน ฝ่ายเราทำการตรึงตลอดแนวการวางกำลัง และตอบโต้ตามเหตุการณ์

พื้นที่ช่องจอม - ช่องระยี – ปลดต่าง อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ฝ่ายกัมพูชาโจมตีฝ่ายเราด้วยอาวุธปืนเล็ก และ ค. ในพื้นที่ เป็นห้วงๆ และมีการเพิ่มเติมกำลังประมาณ 300 นาย จากนอกพื้นที่ ฝ่ายเราใช้อาวุธยิงสนับสนุน ค. ยิงต่อที่หมายพื้นที่โอสเม็ด

พื้นที่ปราสาทตาควาย - เนิน 350 อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ฝ่ายกัมพูชาทำการโจมตีด้วยอาวุธยิงสนับสนุน ค. และ จรวด BM-21 และยังปรากฎการใช้อากาศยานไร้คนขับทั้งแบบทิ้งระเบิด และ FPV ฝ่ายเราปฏิบัติการเข้าตี ยึดครองภูมิประเทศสำคัญ

พื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ฝ่ายกัมพูชาทำการโจมตี ด้วยอาวุธยิงสนับสนุน ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง, ค., ปืนใหญ่, จรวด BM-21 และปรากฏการใช้อากาศยานไร้คนขับบินตรวจการณ์ในพื้นที่ ฝ่ายเราทำการตรึงตลอดพื้นที่การวางกำลัง และตอบโต้ตามเหตุการณ์

พื้นที่สายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ฝ่ายกัมพูชาทำการโจมตีด้วยอาวุธปืนเล็ก และ ค. ในพื้นที่ เป็นห้วงๆ ฝ่ายเราทำการตรึงกำลังฝ่ายตรงข้ามในพื้นที่ ตลอดแนวการวางกำลัง

เรื่องสำคัญอื่นๆ ปรากฏข่าวสารมีการเตรียมส่งออกน้ำมัน ในพื้นที่จุดผ่านแดนถาวรช่องเม็ก มากผิดปกติ เมื่อเทียบกับห้วงเวลาที่ผ่านมา กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 จึงแจ้งให้ กองอำนวยการรักษาภายในจังหวัดอุบลราชธานี ตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ และขออภัยในความไม่สะดวก พร้อมกันนี้จึงขอให้พี่น้องประชาชนช่วยสอดส่องเป็นหูเป็นตา หากพบเห็นว่ามีสิ่งผิดปกติ สามารถแจ้งได้ในช่องทางสายด่วน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หมายเลข 1374

ตามที่ปรากฎภาพคล้ายระบบอาวุธนำวิถีต่อสู้รถถังสมัยใหม่ ในห้วงที่มีการปฏิบัติการทางทหารเพื่อควบคุมพื้นที่ช่องอานม้า ตามสื่อสังคมออนไลน์ ปัจจุบันการปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่ยังไม่แล้วเสร็จ สำหรับยุทโธปกรณ์ดังกล่าว ได้ถูกเก็บไว้ รอการส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญการ ทำการตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป

กองทัพเรือประกาศเคอร์ฟิวบางพื้นที่จังหวัดตราด 

สำนักงานโฆษกกองทัพเรือ โดย พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ ชี้แจงว่า จากสถานการณ์ด้านความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนจังหวัดตราด กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) มีความจำเป็นต้องยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยเชิงป้องกัน เพื่อป้องกันการสอดแนม การก่อวินาศกรรม และการกระทำที่อาจกระทบต่อความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยของประชาชน และความมั่นคงของประเทศ

 จึงได้ออกประกาศ กำหนดเวลาห้ามออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) เวลา 19.00 – 05.00 น. ครอบคลุมพื้นที่ อำเภอคลองใหญ่ อำเภอบ่อไร่ อำเภอแหลมงอบ อำเภอเขาสมิง และอำเภอเมืองตราด ยกเว้น อำเภอเกาะช้าง และอำเภอเกาะกูด

มาตรการดังกล่าวเป็นไปตาม พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พ.ศ. 2457 มีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมสถานการณ์ด้านความมั่นคง มิได้มุ่งจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนเกินความจำเป็น โดยการบังคับใช้จะดำเนินการอย่างรอบคอบ เหมาะสม และคำนึงถึงการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพของประชาชนเป็นสำคัญ

กรณีมีเหตุจำเป็นเร่งด่วน ประชาชนสามารถขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายในพื้นที่ได้ตามระเบียบ

กองทัพเรือขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด และติดตามข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานราชการเป็นหลัก พร้อมยืนยันความมุ่งมั่นในการรักษาอธิปไตย ความมั่นคง และความปลอดภัยของประเทศ ควบคู่กับการดูแลประชาชนอย่างเต็มกำลัง

นาวิกโยธินยึดคืนพื้นที่บ้านสามหลัง จ.ตราด ปักธงชาติไทย

พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่าว่า วันนี้ (14 ธันวาคม 2568) กองทัพเรือ โดยกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) และหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด (ฉก,นย.ตราด) ได้เปิดปฏิบัติการทางทหารเพื่อยึดคืนพื้นที่อธิปไตยของไทย บริเวณบ้าน 3 หลัง บ้านหนองรี ตำบลชำราก อำเภอเมือง จังหวัดตราด ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายตรงข้ามรุกล้ำเข้ามาอยู่ในเขตดินแดนของประเทศไทย การปฏิบัติการดังกล่าวเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้ามืด โดยมีการปะทะกันอย่างหนักในพื้นที่ ภายใต้หลักการใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล และการรักษาอธิปไตยของชาติเป็นสำคัญ

ณ เวลานี้ (07.20 นาฬิกา) กองทัพเรือสามารถควบคุมและยึดพื้นที่ดังกล่าวได้แล้ว และขับไล่กองกำลังฝ่ายตรงข้ามออกจากพื้นที่ได้ทั้งหมด พร้อมทั้งได้ดำเนินการปักธงชาติไทยในพื้นที่ เพื่อแสดงถึงการยืนยันอธิปไตยของประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่บ้านหนองรีโดยรอบยังคงมีการปะทะกันเป็นระยะ จากการพยายามตอบโต้ของฝ่ายตรงข้าม กำลังของหน่วยนาวิกโยธินที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ดำเนินการควบคุมสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ภายใต้หลักความจำเป็นและได้สัดส่วน เพื่อรักษาความมั่นคงของพื้นที่ และป้องกันไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามกลับเข้ามารุกล้ำอธิปไตยของประเทศไทยอีก