In News
กองทัพภาค2รุกคืบยึดตลาดช่องอานม้า ไทยยืนยัน3ข้อสงบศึกชายแดนไทย-เขมร
กรุงเทพฯ-ไทยยืนยันเงื่อนไข 3 ข้อ ถ้าอยากสงบศึก ดังต่อไปนี้ ฝ่ายกัมพูชาจะต้องประกาศหยุดยิงก่อน การหยุดยิงจะต้องเกิดขึ้นจริงและต่อเนื่องและฝ่ายกัมพูชาจะต้องร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิดอย่างจริงจังและจริงใจทางด้านศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ จ.สระแก้ว และศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ขอรายงานสรุปสถานการณ์การรบปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา วันที่ 17 ธันวาคม 2568 โดยมีเหตุการณ์ที่สำคัญดังนี้

แถลงการณ์ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา
พลอากาศเอก ประภาส สอนใจดี ผู้อำนวยการศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา ขอชี้แจงจุดยืนต่อข้อเสนอหยุดยิง ยืนยันประเทศไทยปรารถนาเห็นสันติภาพที่ยั่งยืน ที่มาพร้อมกับความมั่นคงและปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญในการนี้ ขอยืนยันเงื่อนไข 3 ข้อ ดังต่อไปนี้ 1. ฝ่ายกัมพูชาจะต้องประกาศหยุดยิงก่อน 2. การหยุดยิงจะต้องเกิดขึ้นจริงและต่อเนื่องและ3. ฝ่ายกัมพูชาจะต้องร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิดอย่างจริงจังและจริงใจ ศูนย์แถลงข่าวร่วมฯ ขอย้ำว่าเงื่อนไขดังกล่าวเป็นพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับสันติภาพที่แท้จริงและยั่งยืน
กองทัพภาคที่1 ทหารไทย-เขมรปะทะหนัก3จุดสำคัญ

17 ธันวาคม 2568 เวลา 18.00 น.กกล.บูรพา ปฏิบัติภารกิจปกป้องอธิปไตยในสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา
เป็นวันที่ 10 โดยมีการรบปะทะอย่างหนัก เพื่อยึดครองพื้นที่ ดังนี้
พื้นที่บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา ฝ่ายเราดำเนินกลยุทธ์ และใช้การยิงจากอาวุธยิงสนับสนุน เพื่อยึดและควบคุมพื้นที่ ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่โล่งแจ้ง โดยฝ่ายกัมพูชาทำการตั้งรับในที่มั่น และใช้การยิง BM-21,ปืนใหญ่ และเครื่องยิงลูกระเบิดอย่างต่อเนื่อง
พื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง ฝ่ายเราดำเนินกลยุทธ์และใช้การยิงจากอาวุธยิงสนับสนุน เพื่อยึดและควบคุมพื้นที่ โดยฝ่ายกัมพูชายังคงต่อต้านด้วยการยิง BM-21,ปืนใหญ่และเครื่องยิงลูกระเบิดอย่างต่อเนื่อง และพยายามเพิ่มเติมกำลังเพื่อเข้าปฏิบัติต่อฝ่ายเรา
พื้นที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง ฝ่ายเราดำเนินกลยุทธ์ และใช้การยิงจากอาวุธยิงสนับสนุนเพื่อยึดและควบคุมพื้นที่ โดยฝ่ายกัมพูชาทำการตั้งรับในที่มั่น และใช้การยิง BM-21,ปืนใหญ่ และเครื่องยิงลูกระเบิดอย่างต่อเนื่อง
สำหรับสถานการณ์ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ภายหลังจากการไม่อนุญาตให้คนไทยกลับสู่ประเทศ บริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ ได้รับรายงานการตรวจพบทหารกัมพูชาพร้อมอาวุธอยู่ในพื้นที่ นอกจากนี้ในช่วงค่ำวานนี้(16 ธ.ค.68) มีรายงานพบควันไฟและมีเสียงระเบิดภายในอาคาร ซึ่งประชาชนในพื้นที่แจ้งว่าอาจเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรหรือถังแก๊สหุงต้มระเบิด ซึ่ง กกล.บูรพา ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป
ในส่วนกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยวันนี้มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ เพิ่มเติมจำนวน 8 นาย และเสียชีวิต 1 นาย คือ จ.ส.อ.พรศักดิ์ เอี่ยมสอาด สังกัด กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์
สรุปยอดกำลังพลได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ตั้งแต่ 8 ธ.ค.68 - ปัจจุบัน บาดเจ็บ 61 นาย และเสียชีวิต 4 นาย ประชาชนในพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว ใน 4 อำเภอ ทางจังหวัดสระแก้วร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว 5 พื้นที่ จำนวน 46 ศูนย์ รวม 19,613 คน
กองทัพภาคที่ 1 ขอยืนยันว่าจะยืนหยัดปฏิบัติตามภารกิจอย่างเต็มกำลังความสามารถ ทั้งนี้ การปฏิบัติการทางทหารจะดำเนินการภายใต้กฎการปะทะและสิทธิในการป้องกันตนเอง
จนกว่าภัยคุกคามในพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว จะยุติเพื่ออธิปไตยของไทยและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ
กองทัพภาคที่2 ยึดตลาดช่องอาม้า ‘ตาความ-เนิน350’ปะทะหนัก

ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ขอรายงานสรุปสถานการณ์การรบปะทะตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา วันที่ 17 ธันวาคม 2568 ในห้วงเวลา 12.00 น. ของวันนี้ โดยมีเหตุการณ์ที่สำคัญดังนี้
พื้นที่ช่องอานม้า : ฝ่ายเราได้ปฏิบัติการเชิงรุกตามแผน เข้าตีและยึดที่หมายสำคัญได้สำเร็จ จัดกำลังเข้าควบคุมพื้นที่บริเวณตลาดช่องอานม้าและพื้นที่ใกล้เคียง ผลการปฏิบัติ ตรวจพบทุ่นระเบิด PMN-2 เป็นจำนวนมาก ซึ่งสะท้อนถึงความเสี่ยงอันตรายที่กำลังพลต้องเผชิญ ปัจจุบันฝ่ายเราได้วางลวดหนามและระบบเครื่องกีดขวาง ปรับการวางกำลังเพื่อเสริมความแข็งแรง ณ ที่หมาย และยังคงปฏิบัติภารกิจต่อเนื่องตามแผนที่กำหนดไว้
พื้นที่ผามออีแดง-ห้วยตามาเรีย : มีการปะทะกันเป็นระยะ ทั้งด้วยปืนเล็กยาว เครื่องยิงลูกระเบิด รถถัง และโดรนทิ้งระเบิด ฝ่ายเราตรวจพบรถส่งกำลังบำรุงของฝ่ายกัมพูชาเข้ามาในพื้นที่หลายคัน จึงใช้อาวุธยิงสนับสนุน ทั้งเครื่องยิงลูกระเบิด และปืนใหญ่ ยิงทำลายเป้าหมายได้ตามสถานการณ์
พื้นที่ช่องจอม - ช่องเปรอ -ช่องระยี : ฝ่ายกัมพูชาใช้อาวุธจรวด BM-21 ยิงเข้ามาตกในพื้นที่ กำลังพลฝ่ายเราปลอดภัย และได้ใช้ปืนใหญ่ตอบโต้ตามเหตุการณ์
พื้นที่คนา : ฝ่ายเราสามารถยึดที่หมายและควบคุมพื้นที่ได้แล้ว อย่างไรก็ตาม ฝ่ายกัมพูชายังคงใช้โดรนบินตรวจการณ์ และใช้ปืนใหญ่ รวมถึงจรวด BM-21 ยิงกดดันแนวการวางกำลังของเราเป็นระยะ กำลังพลฝ่ายเราปลอดภัย
พื้นที่ช่องสายตะกู : ทั้งสองฝ่ายยังคงตรึงกำลังตลอดแนว จากผลการปะทะทำให้เกิดเพลิงไหม้อาคารที่ใช้เป็นที่ตั้งทางการทหาร คลังเก็บโดรนทิ้งระเบิดและแหล่งสแกมเมอร์ ซึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคงของพื้นที่ชายแดน
พื้นที่ตาควาย - เนิน 350 : ได้เกิดการปะทะกันในบริเวณหน้าปราสาทตาควายจากความพยายามของฝ่ายตรงข้ามในการรุกคืบเข้ามาในพื้นที่ ฝ่ายเราได้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ และใช้กำลังที่เหมาะสมเพื่อยับยั้งและควบคุมสถานการณ์ โดยมีการยิงสนับสนุนเพื่อรักษาพื้นที่ ควบคุมเส้นทาง และป้องกันการเพิ่มเติมกำลังและอาวุธยิงสนับสนุนของฝ่ายตรงข้าม ทั้งนี้การปฏิบัติการยังคงดำเนินอยู่ภายใต้การอำนวยการและการควบคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อรักษาความมั่นคงของพื้นที่และความปลอดภัยของกำลังพลเป็นสำคัญ
กองทัพภาคที่ 2 ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียกำลังพลจากการปฏิบัติหน้าที่ ได้แก่ จ่าสิบเอกสำเริง คลังประโคนและพลทหารภานุพัฒน์ เสาร์สา ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ และความกล้าหาญ
กองทัพภาคที่ 2 จะให้การดูแลสิทธิและสวัสดิการแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ และขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนและประชาชนในการติดตามข้อมูลจากแหล่งทางการ เนื่องจากการปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่ดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จ
