Authority & Harm

ผู้เสียหายอดีตพนง.การท่าเรือฯ2พันคน ถูกเบี้ยวเงินบำเหน็จกองทุนฯ2พันล้าน



กรุวงเทพฯ-วันที่ 17 ธันวาคม 2568 ที่กระทรวงคมนาคม ได้มีตัวแทนจากกอ.รมน. พากลุ่มผู้เสียหาย อดีตพนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทย เดินทางมายังกระทรวงคมนาคม เพื่อทวงถามความคืบหน้า ต่อผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย กรณี ไม่ได้รับเงินบำเหน็จบำนาญหลังเกษียณ และถูกชักชวนเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หลังบ่ายเบี่ยง การเจรจา นานกว่า 8 ปี มีอดีตพนักงานการท่าเรือ ตกเป็นผู้เสียหาย นับพันคน รวมมูลค่า ความเสียหายกว่า 2,000 ล้านบาท

ตัวแทนภาคประชาชน กอ.รมน.เล่าสาเหตุ ที่มายังกระทรวงคมนาคมวันนี้เนื่องจากมี ผู้เสียหายซึ่งเป็นอดีตพนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทย ที่ไม่ได้รับเงิน บำเหน็จบำนาญ ถูกทอดทิ้ง หลังเกษียณ และมีการชักชวนให้เข้ากองทุนฯ แต่กลับไม่ได้รับเงินหลังเกษียณ

ด้าน นายสุรินทร์ อรุณศรีอดีตพนักงานการท่าเรือแผนกสินค้าเพื่อการส่งออก กองปฏิบัติการสินค้า 3 ท่าเรือกรุงเทพฯ กล่าวว่า วันนี้ทางการท่าเรือได้มีการ นัด เพื่อสรุปประเด็นที่ได้รับปากไว้ตั้งแต่ วันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา ว่าจะปฏิบัติตามมติคณะ กรรมการฝ่ายบริหารปี 2560 โดยระบุว่าให้นำเงินเดือนสุดท้ายของพนักงานที่เกษียณ และคำนวณเพิ่มไปจนถึงอายุ 76 ปี และบวกค่าบำเหน็จตกทอดอีก 30 เท่า โดยทาง อทร. ได้มีการรับปากว่าขอเวลา 30 วัน จะจ่ายเงินดังกล่าวให้ แต่จนถึงขณะนี้ ผู้อำนวยการการท่าเรือ ก็ยังไม่ปฏิบัติตาม แต่วันนี้ ท่านผู้อำนวยการก็ไม่ได้มา ด้วยตนเองตามนัดแต่กลับส่งคนอื่นมาแทน รวมผู้เสียหาย ที่เข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีทั้งหมด 2,300 คน รวมระยะเวลา กว่า 8 ปี ที่การท่าเรือบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด

ผู้เสียหาย กล่าวอีกว่า หากรวมมูลค่าที่ต้องจ่าย ให้กับผู้เสียหายทั้งหมดกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งกองทุนดังกล่าว มีงบประมาณอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน 

ทั้งนี้มองว่าการท่าเรือไม่ปฏิบัติตาม ที่กระทรวงการคลังกำหนดไว้ จนทำให้เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้น และหากการท่าเรือบริสุทธิ์ใจ ก็อยากให้ออกมาชี้แจง รายละเอียดการจ่ายเงิน ว่าจ่ายในส่วนใดมาบ้างเรื่องจะได้จบ และที่พยายามบ่ายเบี่ยง หรือหลีกเลี่ยงเพราะยังไม่ได้จ่าย

ภายหลังการประชุม นายสุรินทร์ ให้ข้อมูลว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย ให้นับตั้งแต่วันแรกที่เข้ากองทุน แล้วนำยอดจำนวนเงินเดือนแรก มาคิดแล้วสรุปยอดเงินที่จะต้องจ่ายให้พนักงานออกมา ซึ่งนายสุรินทร์เห็นว่าเป็นการคำนวณที่ไม่ถูกต้อง เพราะการคิดคำนวณควรจะเอายอดของเงินเดือน เดือนสุดท้ายในการทำงานมาคิด ถึงจะถูกต้อง หากยังเป็นเช่นนี้อยู่ ตนเองก็จะเดินหน้าร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป เพราะกลุ่มสมาชิคทั้งหมดกว่า2,000 คนยังไม่ได้รับความเป็นธรรม