In News
ทัพภาค1,2สรุปสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ยันถล่มคลังอาวุธปอยเปต/รุกยึดเนิน350
กรุงเทพฯ-กองทัพบกปฏิเสธข้อกล่าวหากัมพูชา ยืนยันไทยโจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหาร ขณะนี้สถานการณ์อยู่ในการควบคุมและสรุปพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย ฝ่ายกัมพูชาได้ยิง BM-21 และเครื่องยิงลูกระเบิดชายแดน จ.สระแก้ว (วันที่ 8 - 17 ธ.ค.68)และศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 18 ธันวาคม 2568 (เวลา 12.00 น.)
กองทัพภาค1ยันไทยไม่ได้โจมตีปอยเปตแต่ถล่มคลังอาวุธ
จากกรณีเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2568 เวลา 13.00 น. ฝ่ายข่าวของสถานีโทรทัศน์แห่งชาติกัมพูชาได้เผยแพร่ภาพอินโฟกราฟฟิก กล่าวหาว่ากองกำลังฝ่ายไทยดำเนินสงครามทำลายล้างต่อกัมพูชา และก่อให้เกิดผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ ถนน สะพาน และสิ่งปลูกสร้างสำคัญ ตลอดจนสร้างความเสียหายต่อแหล่งมรดกโลกและโบราณสถานที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม นั้น
พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่เป็นความจริงและเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างสิ้นเชิง กองทัพบกยืนยันว่า การปฏิบัติการของฝ่ายไทยมุ่งโจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหารเท่านั้น โดยมีข้อมูลและข้อพิสูจน์ประกอบ ซึ่งอาจจะนำเสนอให้ในโอกาสและช่วงเวลาที่เหมาะสม
สำหรับกรณีโบราณสถานหรือสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ กองทัพบกขอยืนยันว่า เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการทางทหารทั้งในทางตรง และทางอ้อมอย่างชัดเจน ในกรณีผลกระทบต่อโบราณสถาน ฝ่ายกัมพูชาคือผู้ที่ต้องรับผิดชอบเพราะการใช้สถานที่ดังกล่าวเพื่อกิจกรรมทางทหารใช้คุกคามฝ่ายไทย ย่อมส่งผลให้สถานที่นั้นๆ เสียสิทธิ์ในการถูกคุ้มครองในทันที
และกรณีฝ่ายไทยมีการดำเนินการทางทหารต่อเป้าหมายทางทหารนั้นๆ ก็จะเป็นไปในลักษณะดำเนินการเฉพาะจุดที่เกี่ยวข้อง ตามความจำเป็น หรือเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องจริง ยืนยันไม่มีผลกระทบต่อพลเรือนที่ไม่เกี่ยวข้องอย่างแน่นอน ทั้งนี้เพื่อการจำกัดวงความเสียหายให้เกิดขึ้น เท่าที่จำเป็นเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องไม่ใช่ทำลายในลักษณะแบบเหมารวมทั่วทั้งบริเวณ ซึ่งอยู่ในกรอบหลักกฎหมาย และหลักมนุษยธรรมของสากล
ในส่วนของสถานการณ์ล่าสุด โฆษกกองทัพบกระบุว่า ภาพรวมเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ และขณะนี้ยังไม่มีประเด็นที่น่ากังวล โดยที่หมายสำคัญทางทหารต่างๆ ที่อยู่ในแผนตามเป้าหมายของกองทัพบก ส่วนใหญ่บรรลุผลเป็นไปตามเป้าหมายแล้ว เหลือเพียงบางส่วนซึ่งอยู่ในความพยายามที่ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ เพื่อจำกัดความสูญเสียของฝ่ายเราให้ได้มากที่สุด ตามนโยบาย และความห่วงใยของผู้บัญชาการทหารบก
ปัจจุบันเป้าหมายตามที่ผู้บัญชาการทหารบกได้มอบไว้ คือการสถาปนาแนวชายแดนตามแนวเส้นปฏิบัติการไทย การเร่งทำลายขีดความสามารถทางทหารของฝ่ายกัมพูชาที่ส่งผลเป็นภัยคุกคามต่อฝ่ายไทยนั้น
จนถึงขณะนี้ในภาพรวมของการปฏิบัติการ ทางทหาร อยู่ในลักษณะมีแนวโน้มที่ดี ถึงแม้จะยังคงมีอุปสรรคอยู่บ้าง แต่ในภาพรวมของผลลัพธ์ที่ได้ยังคงมีลักษณะที่เป็นบวกต่อฝ่ายไทย
ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2รุกหนักหวังยึดเนิน350
สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 18 ธันวาคม 2568 (เวลา 12.00 น.) ดังนี้ สถานการณ์ พื้นที่ช่องอานม้า : ฝ่ายเราปฏิบัติการเชิงรุกตามแผน ฝ่ายกัมพูชาละทิ้งพื้นที่ ปัจจุบันทำการเสริมความมั่นคง และจัดระเบียบใหม่ ณ ที่หมาย บริเวณขอบหน้าผา
พื้นที่โดนตรวล – ซำแต – สัตตะโสม – พนมประสิทธิโส – ช่องตาเฒ่า : ฝ่ายกัมพูชา ใช้เครื่องยิงลูกระเบิด และปืนใหญ่ตลอดทั้งวัน ฝ่ายเราทำการยิงตอบโต้ด้วยปืนเล็ก และใช้ปืนใหญ่ยิงต่อต้านปืนใหญ่ของฝ่ายกัมพูชา
พื้นที่ผามออีแดง – ห้วยตามาเรีย : มีการปะทะเป็นระยะๆ ฝ่ายกัมพูชาใช้ปืนเล็กยาว เครื่องยิงลูกระเบิด รถถัง โดรนทิ้งระเบิด และโดรนพลีชีพ FPV โจมตีฝ่ายเรา โดยฝ่ายเราได้ใช้เครื่องยิงลูกระเบิด ปืนใหญ่ ยิงทำลายเป้าหมาย และปฏิบัติตามแผนอย่างต่อเนื่อง
พื้นที่ภูมะเขือ – ช่องโดนเอาว์ – พลาญยาว - พลาญหินแปดก้อน : มีการปะทะกันอย่างหนาแน่น ฝ่ายกัมพูชาพยายามเข้าตี เพื่อยึดคืนพื้นที่ มีการใช้โดรนทิ้งระเบิด โดรนพลีชีพ FPV ต่อกำลังฝ่ายเรา กำลังพลฝ่ายเราปลอดภัย
พื้นที่ช่องคลาคะมุม : ฝ่ายเราทำการยึดครองพื้นที่ได้เพิ่มเติม และกำลังปฏิบัติตามแผน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดระเบียบพื้นที่ใหม่
พื้นที่ช่องกร่าง – ตาเมือน – ตาควาย - บริเวณเนิน 350 : มีรบปะทะกันอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายเราระดมยิงอย่างหนัก ทำให้กำลังพลฝ่ายกัมพูชาที่เพิ่มเติมเข้ามา กว่า 160 คน ไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ ในส่วนกำลังพลที่ประจำการอยู่เดิม มีความอ่อนล้า ขาดน้ำ และมีการรายงานว่า อาจต้านทานไม่ไหว ขอให้หน่วยเหนือยิงสนับสนุนในทันที และบางจุดได้สั่งให้กำลังพลถอนตัวไปด้านล่าง ทำให้การต่อต้านฝ่ายเราในห้วงเวลาเบาบาง ส่วนหน่วยรถถังของกัมพูชา มีการสั่งการว่า “ห้ามเคลื่อนย้ายหากไม่มีคำสั่ง” ฝ่ายกัมพูชาอาจต้องการใช้เพื่อยิงสกัดกั้น ในภารกิจคุ้มครองกำลังที่กำลังถอนตัว
หน่วยเฉพาะกิจที่ 3 กองกำลังสุรนารี ร่วมกับสถานีตำรวจภูธรภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ได้ปิดล้อมตรวจค้นชุมชนบริเวณพื้นที่ตลาดเมืองใหม่ช่องสะงำ เนื่องจากที่มีคำสั่งของอำเภอภูสิงห์ ให้ประชาชนอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวฯ แต่ยังคงมีประชาชนพักอาศัยอยู่บริเวณชุมชนตลาดเมืองใหม่ช่องสะงำ และคาดว่าจะมีประชาชนชาวกัมพูชาอาศัยอยู่ จึงร่วมกันเข้าตรวจค้นโกดังสินค้า ตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ พบชายสัญชาติไทย กับภรรยาสัญชาติกัมพูชาเป็นเจ้าของ ผลจากการตรวจค้น พบเงินสดจำนวน 11,031,150 บาท และทองรูปพรรณ 33 รายการ โดยเจ้าตัวอ้างว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการค้าขายสินค้าในพื้นที่ตลาดเมืองใหม่ช่องสะงำ เจ้าพนักงานได้ทำการอายัดเงินเพื่อตรวจสอบ และให้เจ้าตัวนำหลักฐานการค้าขายมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่
ขอแจ้งเตือนประชาชน และทหารทุกนาย งดการไลฟ์สด งดโพสต์ และงดแชร์ข้อมูล ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติ การทางทหาร รวมถึงสถานการณ์ในพื้นที่การรบ ทั้งที่เป็นภาพ คลิปวิดีโอ บทสนทนา หรือข้อมูลอื่นๆ ที่ยังไม่ผ่านการกลั่นกรองจากหน่วยงาน เพื่อความปลอดภัยของกำลังพล และเพื่อไม่เปิดช่องให้ข้อมูลด้านยุทธการรั่วไหล การปฏิบัติตามมาตรการนี้ คือการปกป้องชีวิตของเพื่อนทหารในแนวหน้า และรักษาความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ของชาติ
