In Bangkok

กทม.ร่วมถอดบทเรียนจัดการมหาอุทกภัย ชี้ไม่เอาปัญหามาเป็นข้อจำกัด



กรุงเทพฯ-กทม. ร่วมถอดบทเรียนการจัดการมหาอุทกภัย ชี้ “ไม่เอาปัญหามาเป็นข้อจำกัด หากร่วมมือกัน ทุกอย่างพัฒนาได้”

(18 ธ.ค. 68) รศ. ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมเวทีอภิปรายที่ 1 หัวข้อ “ถอดบทเรียนการจัดการมหาอุทกภัย จากปี 54 สู่ปี 68” ในงานสัมมนา “ท้องถิ่นกับภัยน้ำท่วม : บทเรียนการจัดการมหาอุทกภัย จาก 54 สู่ 68” (Local Talk Series Special) โดยมี รศ.ดร. พนิต ภู่จินดา นายกสมาคมนักผังเมืองไทย และหัวหน้าภาควิชาการวางแผนภาคและเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ รศ. พิจิตรา ศุภสวัสดิ์กุล นักวิชาการ สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมอภิปราย ณ ห้องประชุมสัตมรามาธิราช สถาบันพระปกเกล้า (ฝั่งห้องเรียน) อาคารจอดรถ ชั้น 5 ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่

รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงภาพรวมการดำเนินงานของกรุงเทพมหานครในการรับมือสถานการณ์สาธารณภัยที่ผ่านมา โดยยกตัวอย่างกรณีเหตุแผ่นดินไหวและอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ซึ่งในส่วนของการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัย กรุงเทพมหานครได้ปรับรูปแบบการจ่ายเงินช่วยเหลือจากการจ่ายเป็นเงินสด เป็นการโอนเงิน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและทำให้การดำเนินงานมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันสามารถดำเนินการได้แล้ว พร้อมเน้นย้ำว่า การแก้ไขปัญหาไม่ควรนำข้อจำกัดมาตั้งเป็นเงื่อนไขให้เกิดความขัดแย้ง หากทุกฝ่ายร่วมมือกันแก้ไขข้อจำกัด ก็จะสามารถพัฒนาและก้าวข้ามปัญหาไปได้

สำหรับเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 รองผู้ว่าฯ ทวิดา ระบุว่า ตนเองเป็นหนึ่งในผู้ประสบภัย โดยสถานการณ์น้ำท่วมเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายน และลักษณะน้ำท่วมในกรุงเทพมหานครไม่ได้เกิดขึ้นเพียงวันเดียวเหมือนบางพื้นที่ เช่น อำเภอหาดใหญ่ แต่เป็นสถานการณ์ที่ยืดเยื้อและซับซ้อน ซึ่งนำไปสู่ความยุ่งยากในการประสานงานในหลายระดับ เมื่อเกิดเหตุเช่นนี้ ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งสามารถรับมือได้เพียงลำพัง แม้จะเป็นสาธารณภัยในระดับใดก็ตาม

ด้วยเหตุนี้ จึงมีการออกแบบ Incident Command System (ICS) หรือ ระบบบัญชาการเหตุการณ์ เพื่อกำหนดโครงสร้างการทำงานให้ชัดเจนว่า ใครทำหน้าที่ใด และใครเป็นผู้บัญชาการในแต่ละสถานการณ์ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นบุคคลเดียวกันทั้งหมด ระบบดังกล่าวไม่สามารถเรียนรู้ได้จากในห้องเรียนเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยการลงมือปฏิบัติจริง พร้อมทั้งย้ำว่า ICS ไม่ใช่การรวมอำนาจสั่งการไว้ที่คนเพียงคนเดียวตั้งแต่นโยบายจนถึงการปฏิบัติ เพราะในความเป็นจริงไม่สามารถทำได้

รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวในตอนท้ายว่า กรุงเทพมหานครได้จัดทำ BKK Risk Map (แผนที่ความเสี่ยงกรุงเทพมหานคร) ซึ่งรวบรวมข้อมูลความเสี่ยงด้านต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพฯ อาทิ จุดติดตั้งถังดับเพลิง หัวจ่ายน้ำดับเพลิง กล้องโทรทัศน์วงจรปิด โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร เป็นต้น โดยข้อมูลดังกล่าวเป็นโอเพ่นดาต้า ประชาชนสามารถเข้าถึงและใช้งานได้ เมื่อมีฐานข้อมูลที่ชัดเจน จะช่วยให้การบริหารจัดการเป็นระบบมากขึ้น ลดความรุนแรงของสถานการณ์ฉุกเฉิน และเอื้อต่อการบูรณาการระบบการจัดการต่าง ๆ ร่วมกัน ทั้งนี้ ICS ไม่ใช่ระบบเดียวที่ต้องใช้ แต่ยังมีอีกหลายระบบที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ควบคู่กันได้

ทั้งนี้ สถาบันพระปกเกล้าได้จัดงานสัมมนาดังกล่าวขึ้น เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ผู้เข้าร่วมเกี่ยวกับสาเหตุและลักษณะของภัยพิบัติ ความเหมาะสมของรูปแบบและการจัดวางผังเมืองของท้องถิ่น การสื่อสารสาธารณะในภาวะภัยพิบัติ รวมถึงการบริหารจัดการงบประมาณแผ่นดินในช่วงก่อน ระหว่าง และหลังเกิดภัยพิบัติ อีกทั้งเปิดโอกาสให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจในการป้องกัน รับมือ และฟื้นฟูจากภัยน้ำท่วม โดยมีผู้บริหาร ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาจารย์ และนักศึกษา เข้าร่วมงานจำนวน 150 คน