In News

สะพานข้ามเกาะสมุยคืบ!ดึง4รัฐวิสาหกิจ ทำเอ็มโอยูศึกษาร่วมก่อนเดินหน้าเต็มสูบ



กรุงเทพฯ-“พิพัฒน์” เป็นประธานนำ กทพ. ผนึก 4 หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ลงนาม MOU ศึกษาความเหมาะสม โครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะสมุย บูรณาการคมนาคม - สาธารณูปโภค หนุนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวเติบโตอย่างยั่งยืน

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน พิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ (MOU) การดำเนินโครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะสมุย ระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) และบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) (NT) โดยมี นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการ กทพ. นายมงคล ตรีกิจจานนท์ ผู้ว่าการ กฟภ. นายจักรพงศ์ คำจันทร์ ผู้ว่าการ กปภ. และพันเอก สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ NT ร่วมลงนาม และมีนายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ นายจิระพงศ์ เทพพิทักษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นสักขีพยาน ณ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า การลงนาม MOU ในวันนี้ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐในการบูรณาการการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะโครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะสมุย ซึ่งมีศักยภาพในการเป็นโครงข่ายหลักด้านคมนาคมควบคู่กับการรองรับระบบสาธารณูปโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต การท่องเที่ยว และการพัฒนาพื้นที่ในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือภายใต้ MOU ในครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการศึกษาความเหมาะสมของโครงการในทุกมิติอย่างรอบด้านทั้งด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และผลกระทบต่อชุมชน โดยให้ความสำคัญกับความรอบคอบ โปร่งใส และสอดคล้องกับบริบทของพื้นที่อย่างแท้จริง

นายพิพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระบวนการศึกษาจะให้ความสำคัญกับการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างรอบด้าน ควบคู่กับการพิจารณาการเชื่อมโยงระบบคมนาคมรูปแบบอื่น โดยเฉพาะสนามบินสุราษฎร์ธานีและสนามบินนครศรีธรรมราช ซึ่งมีศักยภาพรองรับการเดินทางและการท่องเที่ยวในอนาคต รวมถึงการวางแผนรองรับปริมาณนักท่องเที่ยวและการจัดการความแออัดบนเกาะสมุยอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะช่วยกระจายรายได้และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับพื้นที่โดยรอบ อาทิ อำเภอขนอมและสิชล โดยย้ำว่ารัฐบาลจะเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้วยความรับผิดชอบ ไม่เร่งรัด สร้างสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและยั่งยืนต่อประชาชนในระยะยาว

นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการ กทพ. กล่าวว่า โครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะสมุยมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยยกระดับความมั่นคงด้านคมนาคม ความปลอดภัยสาธารณะ และคุณภาพชีวิตของประชาชน ปัจจุบันการเดินทางเข้า - ออกเกาะสมุย มีข้อจำกัดและเปราะบางต่อสภาพอากาศ ส่งผลต่อประชาชน การท่องเที่ยว และการรับมือเหตุฉุกเฉิน โครงการนี้จึงไม่ใช่เพียงสะพานคมนาคม แต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานร่วมสำหรับวางระบบน้ำประปา ไฟฟ้า และโทรคมนาคมอย่างครบวงจร การลงนาม MOU ระหว่าง 4 หน่วยงาน เป็นจุดเริ่มต้นของการบูรณาการแผนงาน เพื่อลดการลงทุนซ้ำซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพ การให้บริการมุ่งผลักดันให้โครงการเกิดขึ้นจริง เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการพัฒนาเกาะสมุยอย่างยั่งยืน

นายมงคล ตรีกิจจานนท์ ผู้ว่าการ กฟภ. กล่าวว่า การลงนาม MOU โครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะสมุย นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับความมั่นคงของระบบสาธารณูปโภค โดยเฉพาะด้านพลังงานไฟฟ้าที่ผ่านมาเกาะสมุยเคยประสบปัญหาไฟฟ้าดับจากความเสียหายของระบบสายส่งใต้น้ำ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงและซ่อมบำรุงได้ยาก โครงการนี้จะเปิดโอกาสให้สามารถวางระบบสายส่งไฟฟ้าหลักบนโครงสร้างสะพานทางพิเศษที่มีความปลอดภัยและเสถียรมากขึ้น ช่วยลดการลงทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการสาธารณูปโภคอย่างเป็นระบบ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคพร้อมสนับสนุนระบบไฟฟ้าที่มั่นคง

นายจักรพงศ์ คำจันทร์ ผู้ว่าการ กปภ. กล่าวว่า โครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะสมุย เป็นการบูรณาการโครงสร้างพื้นฐานของประเทศร่วมกัน เกาะสมุยเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวสำคัญ แต่ยังเผชิญข้อจำกัดด้านทรัพยากรน้ำมาอย่างต่อเนื่อง โครงการดังกล่าวจะเอื้อให้สามารถวางระบบท่อ ส่งน้ำประปาขนาดใหญ่ผ่านโครงสร้างทางพิเศษได้อย่างมั่นคงและมีประสิทธิภาพลดความซ้ำซ้อนในการลงทุนและเพิ่มความคุ้มค่าในการใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน กปภ. พร้อมสนับสนุนการพัฒนาระบบน้ำที่มั่นคง และรองรับการเติบโตของเกาะสมุยในอนาคต

พันเอก สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ NT กล่าวว่า เกาะสมุยเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่จำเป็นต้องมีระบบสื่อสารโทรคมนาคมที่มีเสถียรภาพและทันสมัย ปัจจุบันบางพื้นที่ยังประสบปัญหาสัญญาณไม่เสถียรจากข้อจำกัดของโครงสร้างพื้นฐานเดิมและปริมาณการใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โครงการ ทางพิเศษเชื่อมเกาะสมุยจะเอื้อให้ NT สามารถวางโครงข่ายสื่อสารความเร็วสูงบนโครงสร้างสะพานที่มีความมั่นคงและปลอดภัย รองรับเทคโนโลยีอนาคต อาทิ 5G Smart City Smart Tourism และบริการดิจิทัลต่าง ๆ NT พร้อมร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อยกระดับระบบสื่อสารของเกาะสมุยให้มีความเสถียร ทันสมัย รองรับประชาชนและนักท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

การลงนาม MOU ในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมของ 4 หน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจ ในการบูรณาการโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม พลังงาน น้ำประปา และโทรคมนาคม ให้สามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพบนโครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะสมุย ซึ่งไม่เพียงช่วยลดความซ้ำซ้อนในการลงทุนของประเทศ แต่ยังยกระดับความมั่นคงของระบบสาธารณูปโภค รองรับการเติบโตด้านเศรษฐกิจการท่องเที่ยว และเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนให้แก่ประชาชนบนเกาะสมุยและพื้นที่ใกล้เคียง