In News
สรุปสถานการณ์สู้รบ 'ชายแดนไทย-เขมร' วันที่15ยังมีปะทะ/ระเบิดบึมตึกสแกมเมอร์
กรุงเทพฯ-สถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งพื้นที่กองทัพภาคที่1และ2 ยังคงมีการปะทะประปรายทั้งใช้ปืนใหญ่ โดรนพรีชีพ ตลอดจนใช้เครื่องบินF16โจมตีฐานที่มั่นฝ่ายตรงข้าม กองทัพภาคที่1ยังได้ใช้ระเบีดทำลายอาคารแก๊งค์สแกรมเมอร์ ที่ถูกดันแปลงเป็นจุดซุ่มยิงของเขมร
กองทัพภาคที่1 : ยังมีปะทะกันต่อเนื่อง/ระเบิดตึกสแกมเมอร์

ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ จ.สระแก้วประจำวัน 22 ธันวาคม 2568 เวลา 18.00 น. กกล.บูรพา ปฏิบัติภารกิจปกป้องอธิปไตยในสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา เป็นวันที่ 15 โดยมีการรบปะทะ เพื่อยึดครองพื้นที่ ใน 3 พื้นที่
1.พื้นที่บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา : ฝ่ายกัมพูชาดำเนินการเสริมความแข็งแรงของที่มั่น และใช้อาวุธปืนใหญ่, เครื่องยิงลูกระเบิด, ปืนเล็ก ,ยานรบ และใช้ BM 21 ระดมยิงตอบโต้มายังฝ่ายเราอย่างต่อเนื่อง กว่า 120 นัด
2.พื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง : ฝ่ายกัมพูชาดำเนินการเสริมความแข็งแรงของที่มั่น และใช้อาวุธปืนใหญ่, เครื่องยิงลูกระเบิด, ปืนเล็ก และใช้ BM 21 ระดมยิงตอบโต้มายังฝ่ายเรา กว่า 60 นัด
3. พื้นที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง : ฝ่ายกัมพูชาเสริมความแข็งแรงของที่มั่น และมีการใช้อาวุธปืนใหญ่, เครื่องยิงลูกระเบิด และปืนเล็กตอบโต้เข้ามายังพื้นที่ฝ่ายเรา
โดยในวันนี้ กองทัพอากาศ โดย F16 ได้ปฏิบัติการโจมตีที่หมายทางทหาร จำนวน 2 ที่หมาย ในพื้นที่ฝั่งตรงข้ามบ้านคลองแผง และตรงข้ามบ้านหนองจาน นอกจากนี้ กกล.บูรพาได้ปฏิบัติการต่อที่หมายทางทหารของฝ่ายกัมพูชา ในพื้นที่บริเวณฝั่งปอยเปต ตรงข้าม ต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศ โดยพิสูจน์ทราบว่าเป็นอาคารของเครือข่ายสแกมเมอร์ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาใช้เป็นที่ตั้งพลซุ่มยิงและติดตั้งระบบแอนตี้โครน
ที่สำคัญ ได้รับรายงานการสูญเสียกำลังพลจากเหตุการณ์ปะทะ ในพื้นที่บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา จำนวน 1 นาย คือ ส.อ.กัมปนาท ทองแสง สังกัด กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์

สำหรับประชาชนในพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว จำนวน 4 อำเภอ ทางจังหวัดสระแก้วร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้ประกาศให้อพยพมายังศูนย์พักพิงชั่วคราวและปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อความปลอดภัย โดยปัจจุบันได้เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวให้บริการ จำนวน 40 ศูนย์ มีประชาชน รวม 17,441 คน

เวลา 13.48 น. กกล.บูรพา ปฏิบัติการทำลายเป้าหมายอาคาร 2 หลัง บริเวณฝั่งปอยเปต ตรงข้าม ต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศ ซึ่งมีการพิสูจน์ทราบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่าอาคารดังกล่าวเป็นที่ตั้งของเครือข่ายสแกมเมอร์ และฝ่ายกัมพูชาใช้เป็นที่ตั้งพลซุ่มยิง ซึ่งได้ทำการยิงเข้าใส่ฝ่ายเรา ในพื้นที่ อ.อรัญประเทศ นอกจากนี้ได้รับการพิสูจน์ทราบว่ามีการติดตั้งระบบแอนตี้โดรนภายในอาคาร ภายหลังการโจมตี สามารถสร้างความเสียหายให้กับอาคารดังกล่าว และไม่มีการยิงตอบโต้มาจากฝ่ายกัมพูชาอีก นอกจากนั้นยังทำให้เครือข่ายสแกมเมอร์หลบหนีออกจากอาคาร
กองทัพภาคที่2 : ตรึงกำลังมีการโจมตีเป็นระยะในพื้นที่ 3จุดปะทะ
ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชาประจำวันที่ 22 ธันวาคม 2568
พื้นที่ผามออีแดง – ห้วยตามาเรีย : ฝ่ายกัมพูชาโจมตีด้วยเครื่องยิงลูกระเบิด และปืนใหญ่เบาบางในพื้นที่ มีการใช้อากาศยานไร้คนขับทั้งแบบแบบตรวจการณ์ และโดรนพลีชีพ FPV ฝ่ายเราใช้เครื่องยิงลูกระเบิด และปืนใหญ่ยิงทำลายต่อที่ตามแผนเชิงรุก และใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดโจมตีต่อที่มั่นข้าศึก
พื้นที่ช่องจอม - ช่องระยี - ปลดต่าง : ฝ่ายกัมพูชาโจมตีด้วยปืนเล็ก และเครื่องยิงลูกระเบิด ใส่ฝ่ายเราเป็นห้วงๆ ฝ่ายเราสถาปนาที่มันตั้งรับ และใช้โดรนทิ้งระเบิด ต่อที่หมายหน้าฐานเคียงเมือง
พื้นที่ช่องคนา : ฝ่ายกัมพูชาโจมตีโจมตีด้วยเครื่องยิงลูกระเบิด และปืนใหญ่ เป็นห้วงๆ ฝ่ายเราทำการเสริมความมั่นคงในพื้นที่ และใช้ปืนใหญ่ยิงที่หมายที่ตั้งที่บัญชาการ และอาวุธยิงสนับสนุนของฝ่ายกัมพูชาทางทิศใต้ช่องคนา
กองทัพภาคที่ 2 ขอยืนยันว่า ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และดำเนินการปกป้องอธิปไตย และความปลอดภัยของประชาชนอย่างเต็มขีดความสามารถ พร้อมขอให้พี่น้องประชาชนติดตามข้อมูลจากทางราชการ และเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงต่อไป
นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นผู้แทนพระองค์ อันเชิญแจกันดอกไม้พระราชทาน และกระเช้าสิ่งของพระราชทาน มอบให้แก่ทหารกล้าที่ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา ณ โรงพยาบาลปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ยังความปลื้มปิติ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ นาวาอากาศเอก สุพัฒน์ แก้วภา เชิญถุงพระราชทาน 400 ถุง มอบแก่กำลังพลกองทัพภาคที่ 2 และผู้บาดเจ็บจากสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา ณ มณฑลทหารบกที่ 25 โดยมี พลตรี ไชยนคร กิจคณะ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 พร้อมส่วนราชการและจิตอาสาร่วมพิธี นอกจากนี้ยังได้พระราชทาน กระเช้าเยี่ยมไข้แก่กำลังพล ณ โรงพยาบาลปราสาท (36 กระเช้า) และโรงพยาบาลสุรินทร์ (5 กระเช้า) พร้อมมอบของเล่นเด็ก แก่เยาวชนในศูนย์พักพิงชั่วคราว สร้างความปลาบปลื้มใจและเป็นพระกรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้แก่เหล่าทหารและประชาชนในพื้นที่
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปปฏิบัติภารกิจเชิญถุงพระราชทาน
พร้อมเชิญพระกระแสความห่วงใย และพระราชทานกำลังใจ มอบแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา ณ กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 22 จังหวัดอุบลราชธานี การได้รับพระกรุณาธิคุณในครั้งนี้ ถือเป็นเกียรติยศอันสูงสุด และเป็นกำลังใจอย่างยิ่ง ต่างสำนึกในพระกรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ รองแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นประธานประกอบพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ จ่าสิบเอก สำเริง คลังประโคน และพลทหาร ภานุพัฒน์ เสาร์สา สังกัด กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 กำลังพลผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะชายแดนไทย - กัมพูชา ณ บริเวณปราสาทตาควาย เนิน 350 อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์
ในการนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เชิญพวงมาลาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ไปวางที่หน้าหีบศพ จ่าสิบเอก สำเริง คลังประโคน และ พลทหาร ภานุพัฒน์ เสาร์สา โอกาสนี้ พระบรมวงศานุวงศ์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม และโปรดให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เชิญพวงมาลาพระราชทาน และพวงมาลาประทาน วางที่หน้าหีบศพด้วย ณ วัดห้วยปอ อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ และ วัดกลาง อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ
นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เชิญตะกร้าสิ่งของพระราชทาน ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ไปมอบแก่ครอบครัวของ จ่าสิบเอก สำเริง คลังประโคน และ พลทหารภานุพัฒน์ เสาร์สา เพื่อบำรุงขวัญและกำลังใจ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ สร้างความซาบซึ้ง และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแก่ครอบครัว ญาติ และประชาชนผู้ร่วมแสดงความอาลัยเป็นอย่างยิ่ง
ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน ภาค 2 ยืนยันจะเดินหน้าปฏิบัติภารกิจเคียงข้างประชาชนอย่างเต็มกำลัง จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลง
สหรัฐฯกดดันประชุมรัฐมตรีอาเซียนให้เกิดการหยุดยิง

สหรัฐอเมริกา โดย Thomas Tommy Pigott หัวหน้ารองโฆษก กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ต่อสถานการณ์การสู้รบที่ยังดำเนินอยู่ระหว่างกัมพูชาและประเทศไทย
สาระสำคัญของแถลงการณ์ ระบุว่า สหรัฐฯ เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายยุติการสู้รบ ถอนอาวุธหนัก หยุดการวางกับระเบิด และ ปฏิบัติตามข้อตกลงสันติภาพกัวลาลัมเปอร์อย่างครบถ้วน ซึ่งรวมถึงกลไกเร่งรัดการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมและการแก้ไขประเด็นชายแดนผ่านกระบวนการที่ตกลงร่วมกัน
สหรัฐฯ ยังแสดงท่าทีสนับสนุนบทบาทของอาเซียนที่รวมพลังกันในสัปดาห์นี้ เพื่อผลักดันให้กัมพูชาและประเทศไทยปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศอย่างจริงจัง นำไปสู่การยุติความขัดแย้ง และลดความสูญเสียต่อชีวิตผู้บริสุทธิ์
ท่าทีดังกล่าวสะท้อนแรงกดดันจากประชาคมโลกที่คาดหวังให้ทุกฝ่าย เคารพสันติภาพ หลักมนุษยธรรม และกฎหมายระหว่างประเทศเพราะความขัดแย้งไม่ควรถูกปล่อยให้ยืดเยื้อบนความเสี่ยงของชีวิตประชาชนและทหารแนวหน้า


