LEARNING

วว.-วช.เปิดนวัตกรรมผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง เพื่อแก้ปัญหาPM2.5ภาคเหนือที่ยั่งยืน



กรุงเทพฯ-กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม  (อว.) โดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)  ด้วยการสนับสนุนทุนวิจัยจาก สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จัดพิธีเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการและงาน Kick-off  “โครงการนวัตกรรมผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงเพื่อแก้ปัญหา PM 2.5  ในพื้นที่ภาคเหนืออย่างยั่งยืน”  ในวันพุธที่ 24  ธันวาคม พ.ศ. 2568  ณ วัดหนองปึ๋ง ตำบลจันจว้าใต้ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย  เพื่อนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.)  ขับเคลื่อนการแก้ปัญหาวิกฤตหมอกควันอย่างครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ  จัดตั้ง “ศูนย์ฝึกอบรมอาชีพและสาธิตการแปรรูปวัสดุชีวภาพ” ให้เป็น “แหล่งเรียนรู้คู่ชุมชน” เปลี่ยนเกษตรกรให้เป็นนวัตกร ช่วยให้พี่น้องชาวเชียงรายจัดการวัสดุเหลือทิ้งที่สามารถทำเงินได้จริง พร้อมขยายผลเป็นโมเดลดำเนินงานในพื้นที่อื่นๆ ของประเทศ

ทั้งนี้ วว. ได้รับเกียรติจาก นายรุจติศักดิ์  รังสี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย  นายสมศักดิ์  แก้วเสนา   รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา รวมทั้ง วช. ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนผลงานวิจัยของประเทศ โดยหนึ่งในแผนงานหลักของ วช. คือ การเร่งผลักดันการแก้ไข  PM 2.5 นำทีมโดย นายประลอง ดำรงไทย  ผู้อำนวยการ แผนงานเป้าหมายสำคัญตามยุทธศาสตร์ ววน. ประเด็นประเทศไทย และอดีตอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และ ดร. ยุพิน เลิศบุรุษ ผู้เชี่ยวชาญด้านการส่งเสริมและการสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรม ร่วมเป็นเกียรติในงาน

ในการนี้  ผศ.ดร. วีรชัย  อาจหาญ  ผู้ว่าการ  วว.  ดร.พัชทรา  มณีสินธุ์  รองผู้ว่าการวิจัยและพัฒนาด้านพัฒนาอย่างยั่งยืน ดร.เรวดี  อนุวัฒนา  ผอ.ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมวัสดุ และทีมนักวิจัยโครงการ ร่วมแสดงพลังในการนำ วทน. ผลักดันให้เกิดการใช้ประโยชน์เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหา PM 2.5 ในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและพะเยา

นายรุจติศักดิ์ รังสี  รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย    กล่าวในฐานะประธานเปิดงานว่า    ปัญหาฝุ่นควัน PM 2.5 เป็นโจทย์ใหญ่ที่จังหวัดเชียงรายและหน่วยงานต่าง ๆ ในประเทศ ให้ความสำคัญมาโดยตลอด ซึ่งแนวทางที่จะแก้ปัญหานี้ได้อย่างยั่งยืนที่สุดคือ การเปลี่ยน “วัสดุเหลือทิ้งจากไร่นา” ให้กลายเป็น  “พลังขับเคลื่อนนวัตกรรมรักษ์โลก” ผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม

“...ขอชื่นชมคณะนักวิจัย วว. และผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ได้นำผลงานจากการศึกษาวิจัยมาถ่ายทอดสู่พี่น้องประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นการนำแอปพลิเคชันบริหารจัดการสิ่งของเหลือทิ้ง ที่เป็นการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาจัดระเบียบการจัดเก็บ การพัฒนา วัสดุกรองอากาศ และ เจลหน่วงการติดไฟ เพื่อรับมือกับวิกฤตฝุ่นควันโดยตรง รวมถึงการเพิ่มมูลค่าวัสดุชีวภาพให้กลายเป็น ถ่านไบโอชาร์ และผลิตภัณฑ์กระถางภาชนะรักษ์โลก ซึ่งนอกจากจะช่วยลดการเผาในที่โล่งแล้ว ยังช่วยสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนให้เกิดขึ้นในระดับฐานราก  รวมทั้งการจัดตั้ง “ศูนย์ฝึกอบรมอาชีพและสาธิตการแปรรูปวัสดุชีวภาพ” ในตำบลจันจว้าแห่งนี้ ซึ่งเปรียบเสมือน “แหล่งเรียนรู้คู่ชุมชน” ที่จะเปลี่ยนเกษตรกรให้เป็นนวัตกร ช่วยให้พี่น้องชาวเชียงรายมีทางเลือกใหม่ในการจัดการวัสดุเหลือทิ้งที่สามารถทำเงินได้จริง และนำไปสู่การลดจุดความร้อน (Hotspot) ในจังหวัดอย่างเห็นผล หวังเป็นอย่างยิ่งว่านวัตกรรมเหล่านี้จะถูกส่งต่อและขยายผลไปทั่วทั้งจังหวัดเชียงราย รวมถึงจังหวัดอื่นๆ ในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อให้เราได้อากาศที่บริสุทธิ์กลับคืนมาควบคู่ไปกับการมีรายได้ที่มั่นคงของพี่น้องเกษตรกร...” รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย    กล่าว

นายประลอง ดำรงไทย  ผู้อำนวยการแผนงานเป้าหมายสำคัญตามยุทธศาสตร์ ววน. ประเด็นประเทศไทย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า   วช. ในฐานะหน่วยงานหลัก ด้านการบริหารทุนวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ มีภารกิจที่สำคัญในการสนับสนุนงานวิจัยที่ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ ลดความเหลื่อมล้ำ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะการวิจัยที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในพื้นที่ และสร้างผลกระทบเชิงบวกทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งปัญหา  PM 2.5  นับเป็นปัญหาที่สำคัญของพื้นที่ภาคเหนือ ที่มีความซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับหลายมิติ

ทั้งด้านการเกษตร การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ สุขภาพ และวิถีชีวิตของชุมชน จึงเป็นที่มาของการให้ทุนกับ วว. ในครั้งนี้ ซึ่งการออกแบบโครงการของ วว. ที่เน้นการพัฒนา/แก้ไขปัญหา และสร้างความร่วมมือในพื้นที่นั้นสะท้อนแนวคิดของ วช. ที่ต้องการมุ่งเน้นงานวิจัยเชิงพื้นที่ (Area-based Research) และงานวิจัยเชิงบูรณาการ ที่เชื่อมโยงหน่วยงานวิจัย นักวิชาการ ภาคีเครือข่าย และชุมชน เข้าร่วมทำงานและแก้ไขปัญหาพื้นที่ร่วมกัน ซึ่งกระบวนการคือ พัฒนานวัตกรรมจากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร สู่การสร้างผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง พร้อมทั้งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเกษตรกร ให้รู้วิธีการบริหารจัดการวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร จากการเผา ไปสู่การใช้ประโยชน์ผ่าน Application ซึ่งนอกจากการแก้ปัญหาและลดมลพิษลงได้แล้ว ยังสามารถนำไปต่อยอด สร้างอาชีพ สร้างรายได้อย่างยั่งยืน ได้ร่วมด้วย ถือว่าเป็นโครงการที่สามารถสร้างผลกระทบทั้งสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคมได้จริง...” นายประลอง ดำรงไทย  กล่าวเน้นย้ำเจตนารมณ์โครงการ

ผศ.ดร. วีรชัย  อาจหาญ  ผู้ว่าการ  สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย   กล่าวว่า  โครงการนวัตกรรมผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงเพื่อแก้ปัญหา PM 2.5 เป็นความตั้งใจของ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย สถาบันวิจัยวิทยศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย หรือ วว. ซึ่งได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจาก สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ในการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม มาขับเคลื่อนการแก้ปัญหาวิกฤตหมอกควันอย่างครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ โดยขณะนี้โครงการประสบผลสำเร็จในการพัฒนานวัตกรรมที่สำคัญ ซึ่งพร้อมขับเคลื่อน เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ของประเทศ โดยยึดหลักการพัฒนาที่ยั่งยืนตามกรอบ ESG คือ การดูแลสิ่งแวดล้อม (Environmental) การสร้างประโยชน์ต่อสังคม (Social) และการบริหารจัดการที่โปร่งใสมีธรรมาภิบาล (Governance) 

จากการดำเนินโครงการ วว. บรรลุผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ใน 5 ด้านสำคัญ  ดังนี้

1. ด้านการบริหารจัดการเชิงดิจิทัล (Governance & Efficiency)   พัฒนา แอปพลิเคชันบริหารจัดการวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร เพื่อเป็นแพลตฟอร์มกลางสร้างธรรมาภิบาลในการจัดการทรัพยากร เชื่อมโยงเกษตรกรและผู้ประกอบการเข้าด้วยกัน เปลี่ยนเศษวัสดุให้เป็นมูลค่า และลดปัญหาการเผาอย่างเป็นระบบ

2. ด้านการสร้างมูลค่าเพิ่มและเศรษฐกิจหมุนเวียน (Environmental & Green Economy)   นำเปลือกข้าวโพด ตอซังข้าว และเศษไม้ มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง อาทิ ภาชนะรักษ์โลก ถาดรองไข่  คอนกรีตบล็อกประสานจากไบโอชาร์ และถ่านไบโอชาร์ ซึ่งเป็นการหมุนเวียนทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

3. ด้านเทคโนโลยีพลังงานสะอาด (Environmental)   พัฒนาเทคโนโลยีเตาเผาต่อเนื่องสำหรับไบโอชาร์ ที่เชื่อมต่อกับเตาเผาเซรามิก ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และลดมลพิษจากการเผาไหม้ พร้อมทั้งกักเก็บน้ำส้มควันไม้ เพื่อส่งเสริมการเกษตรปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

4. ด้านความปลอดภัยและสังคม (Social)   วิจัยและพัฒนา เจลหน่วงไฟ จากวัสดุธรรมชาติ เพื่อลดความรุนแรงของไฟป่า เป็นการปกป้องระบบนิเวศและสุขภาวะของคนในสังคม โดยใช้วัตถุดิบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 100%

5. ด้านนวัตกรรมเพื่อคุณภาพชีวิต (Environmental & Social)   พัฒนา วัสดุกรองอากาศประสิทธิภาพสูงจากไบโอชาร์ ที่ลดค่าฝุ่น PM 2.5  ได้ถึงร้อยละ 85-98 รวมถึงการนำไปประยุกต์ใช้ใน งานถนนลาดยางมะตอย เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสารพิษก่อมะเร็งบนท้องถนน

“...ผลสำเร็จดังกล่าวทั้ง 5 ด้าน  อยู่ระหว่างการส่งต่อเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ผ่านการดำเนินงานของ ศูนย์ฝึกอบรมอาชีพและสาธิตการแปรรูปวัสดุชีวภาพ และเป็น “แหล่งเรียนรู้คู่ชุมชน ณ ตำบลจันจว้า” เพื่อยกระดับความเชื่อมั่นว่านวัตกรรมของไทยสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากควบคู่กับการรักษาโลกร่วมกันอย่างยั่งยืน ตามแนวทางเศรษฐกิจสีเขียวที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ...” ผู้ว่าการ วว. กล่าวสรุป

นายทนงศักดิ์  ทองแสน   นายกเทศมนตรีตำบลจันจว้า  ในฐานะผู้นำชุมชนของพื้นที่ดำเนินโครงการ  กล่าวว่า  ปัญหาฝุ่นควันและวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร เป็นโจทย์ใหญ่ที่หน่วยงานร่วมกับชุมชนพยายามหาทางออกมาโดยตลอด “ศูนย์ฝึกอบรมอาชีพและสาธิตการแปรรูปวัสดุชีวภาพเพื่อการใช้ประโยชน์ระดับชุมชน” ที่จัดตั้งในพื้นที่จะเป็นแหล่งเรียนรู้คู่ชุมชนที่สำคัญของจังหวัดเชียงราย อีกทั้งยังเป็นสถานที่ซึ่งพี่น้องเกษตรกรจะมาเก็บเกี่ยววิชาความรู้ เพื่อนำไปเปลี่ยนเศษวัสดุทางการเกษตรที่ไร้ค่าให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่า และช่วยสร้างรายได้กลับคืนสู่ครัวเรือน โดยไม่ต้องใช้วิธีการเผาอีกต่อไป  กระผมและพี่น้องประชาชนพร้อมที่จะสนับสนุนและต่อยอดโครงการนี้อย่างเต็มกำลัง เพื่อให้ความรู้ที่ท่านนำมามอบให้ในวันนี้เกิดดอกออกผลและยั่งยืนอยู่ในชุมชนของเราสืบไป

กิจกรรมภายในงานครั้งนี้ ประกอบด้วย การจัดนิทรรศการ/สาธิตนวัตกรรมผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงเพื่อแก้ปัญหา PM 2.5  ถ่ายทอดความรู้โดย ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมวัสดุ วว. จำนวน 5 ฐาน ได้แก่ 1.การสาธิตประสิทธิภาพเจลหน่วงการติดไฟ  2.การผลิตผ้าย้อมจากวัสดุเหลือทิ้งทางธรรมชาติ 3.การผลิตชิ้นงานเซรามิก (เครื่องปั้นดินเผา)  4.การผลิตภาชนะรักษ์โลกจากฟางและเปลือกข้าวโพด และ 5.เตาเผาไบโอชาร์และการผลิตบล็อกประสานผสมไบโอชาร์ รวมทั้งการถวายบล็อกเติมบุญและฆ้องแก่ ให้กับวัดหนองปึ๋ง  และมอบผลิตภัณฑ์โครงการให้กับหน่วยงานในพื้นที่ ได้แก่ สภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย   เทศบาลตำบลจ้นจว้า  เกษตรจังหวัดเชียงราย  เทศบาลตำบลเวียงสรวย  สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15  สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 และโรงเรียนผู้สูงอายุ 

ความสำเร็จในการดำเนินงาน โดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ภายใต้ “โครงการนวัตกรรมผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงเพื่อแก้ปัญหา PM 2.5  ในพื้นที่ภาคเหนืออย่างยั่งยืน”  สามารถนำไปใช้เป็นแนวทาง/โมเดลดำเนินงาน ในการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และชุมชนในพื้นที่ รวมทั้งขยายผลไปยังพื้นที่อื่นๆ ของประเทศ ผ่านการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านนวัตกรรมพร้อมใช้ เพื่อให้เกิดการสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรได้มีส่วนช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ทั้งยังสร้างรายได้และช่วยลดหรือแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ให้เป็นไปอย่างยั่งยืนและเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชนในระยะยาว

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือรับบริการ วทน. จาก ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมวัสดุ วว. ติดต่อได้ที่ call center โทร. 0 2577 9000 หรือที่ระบบบริการลูกค้า “วว. JUMP”